ตอนที่ 1-3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6833585/W6833585.html
ตอนที่ 4-6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6837939/W6837939.html
ตอนที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6847435/W6847435.html
บทที่ 8
ระหว่างพักฟื้นอย่างสงบสามวัน ใจของพิงถิงไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสักวัน
ดอกไม้แดงที่นอกหน้าต่างกำลังบานสะพรั่งชิงตำแหน่งงดงามเป็นอันดับหนึ่งไปครอง นัยน์ตาเหม่อลอยของหญิงสาวเลื่อนผ่านดอกไม้ไปจับจ้องยังใบไม้สีเขียวไม่สะดุดตา
สามวัน...ฉูเป่ยเจี๋ยไม่ได้โผล่มาเลย
ไม่มาก็ช่างสิ......
สามวันมานี้ นางเอาแต่คิดมากไปสารพัด ทั้งกลัวว่าฉูเป่ยเจี๋ยจะโผล่มาอีกครั้ง และกลัวว่าเขาจะหลงลืมเรือนน้อยหลังนี้เสียสิ้น
รอจนเจ้าหายดีแล้วค่อยว่ากันใหม่ คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร ?
หญิงสาวพยายามคิดแล้วคิดอีก รู้สึกเหมือนมีแมวใช้อุ้งเท้านุ่มนิ่มกุมหัวใจของนางเอาไว้อย่างแผ่วเบา ส่งผลให้ใบหน้านวลกลายเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความอุธัจ(๑)
จางมาซึ่งนำยามาส่งเห็นสีหน้าของหญิงสาวในยามนี้เข้าพอดี จึงร้องชมไม่ขาดปาก
เสี่ยวหงกูเหนี่ยง สีหน้าของเจ้าดูดีขึ้นมากเลยนะ แดงระเรื่อเชียว
ในวันนี้ ยังไม่ทันถึงเที่ยง ฉู่ม่อหรานก็ก้าวผ่านประตูเรือนหลังเล็กเข้ามาถ่ายทอดคำสั่งของฉูเป่ยเจี๋ยต่อพิงถิงว่า
ทานอะไรไม่ค่อยลง จงทำอาหารสองอย่างส่งมาที่ห้อง
...ทำอาหารหรือ ?... พิงถิงกัดริมฝีปากอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดินไปที่ครัว
<>::<>::<>
วันนี้ฉูเป่ยเจี๋ยอารมณ์ดี เจิ้นเป่ยหวางผู้กระทำทุกอย่างตามอำเภอใจได้ทนอดกลั้นมาแล้วถึงสามวัน วันนี้ชายหนุ่มคิดจะใช้เวลาอยู่ร่วมกับสาวใช้ผู้เฉลียวฉลาดน่ารักของตนให้สมอยากเสียที
เสี่ยวหงไม่งดงาม แต่นางพิเศษนัก คู่ควรให้เขาทุ่มเทจิตใจ ทุกอิริยาบถและการกระทำของนางล้วนแต่ทำให้เขาต้องคลี่ยิ้มออกมายามหวนระลึกทั้งสิ้น มายามนี้เมื่อนึกถึงสิ่งที่นางกระทำก่อนหน้านี้ ก็น่าให้อภัยอยู่ เพราะเขาเป็นถึงหวางเยี่ย ส่วนนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น
อย่าว่าแต่นางล้มป่วยตั้งเนิ่นนานปานนี้ ถือว่าสวรรค์ได้ลงโทษนางหนักหนาพอแล้ว
ฉูเป่ยเจี๋ยไม่ใช่ผู้ที่จะอภัยให้ใครง่ายๆ...มีเพียงสตรีผู้มากฝีมือและความสามารถนางนี้เท่านั้นที่ยกเว้น
วันนี้สายลมสดชื่นเป็นพิเศษ ชายหนุ่มคิดจะรับประทานอาหารเลิศรสที่เสี่ยวหงทำสักเล็กน้อย ค่อยฟังเสียงดีดพิณอันไพเราะเลิศล้ำอย่างยากประสบทั้งในสวรรค์และแดนพิภพกับเสียงขับร้องแผ่วหวานดั่งหวนไห้ สุดท้ายจึงค่อยใช้เสน่ห์และลีลาซึ่งเจิ้นเป่ยหวางภูมิใจที่สุดทำให้ลำคอระหงของนางแดงก่ำขึ้นอีกนิด
ความปรารถนาที่จะเสพสุขในแบบของสามัญชนคนทั่วไปเหล่านี้ค่อยๆ ผลิต้นอ่อนขึ้นในใจของชายหนุ่มซึ่งคุ้นเคยเสียแล้วกับการประหัตประหารฆ่าฟัน และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไปเพื่อหญิงสาวที่ไม่อาจนับได้ว่างดงามเสียด้วยซ้ำเพียงนางเดียวทั้งสิ้น
แต่แล้วหลังจากที่ได้ทานน้ำแกงซึ่งพิงถิงยกมาวางในสภาพเหงื่อท่วมใบหน้า รอยยิ้มของฉูเป่ยเจี๋ยที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากอย่างลืมตัวก็หายวับไปในพริบตา
พิงถิงจับตามองสีหน้าของชายหนุ่มอย่างพินิจ ออกตัวว่า
เจ้านายของหม่อมฉันไม่เคยทานอาหารที่หม่อมฉันทำแม้แต่ครั้งเดียวเพคะ
ฉูเป่ยเจี๋ยทำหน้าปั้นยาก พยักหน้าหงึกๆ
เจ้านายของเจ้าคงฉลาดมากสินะ ? ชายหนุ่มกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมาตามตรง น้ำแกงไม่อร่อยเลย
ใบหน้างามสง่าคมคายดูเหยเก ผิดแผกจากยามปกติซึ่งมักจะหนักแน่นเคร่งขรึมเป็นเนืองนิตย์ราวกับคนละคน
เดิมทีพิงถิงยังลอบนึกระแวดระวังและหวาดหวั่นกังวลอยู่ในใจต่อการมาพบฉูเป่ยเจี๋ย แต่ยามนี้เมื่อได้เห็นสีหน้าพิลึกพิลั่นของชายหนุ่ม หญิงสาวก็ให้รู้สึกสนิทชิดเชื้ออย่างบอกไม่ถูกและเผลอหัวเราะคิกจนลักยิ้มบุ๋มลึกบนสองแก้มนวล
ฉูเป่ยเจี๋ยถอนหายใจ ข้าเพิ่งจะได้ทราบก็ในวันนี้เองว่า ผู้ที่รู้วิธีทำอาหาร ไม่แน่ว่าจะทำอาหารเป็น
พิงถิงพยักหน้า ผู้ที่รู้หลักพิชัยยุทธ์ ก็ไม่แน่ว่าจะรบเป็นเช่นกัน
คำพูดนี้ถูกใจฉูเป่ยเจี๋ยอย่างยิ่ง ชายหนุ่มเอามือตบหน้าขาโดยแรงแล้วแหงนหน้าหัวเราะก้อง
มีเหตุผล ! มีเหตุผล !
หลังจากหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็พลันชะงักเสียง นัยน์ตาดำสนิทจับจ้องหญิงสาวแน่วนิ่ง เอ่ยเสียงเข้ม
อาการป่วยหายดีแล้วสินะ ?
น้ำเสียงแหบพร่าแฝงนัยมากมายนัก กลิ่นกำยานปลุกอารมณ์อบอวลไปทั่วห้องนอนอันโอ่อ่าหรูหรา พิงถิงรับรู้ถึงบรรยากาศต้องห้ามโดยสัญชาตญาณทันที จึงถอยกายไปหนึ่งก้าวอย่างพรั่นพรึง
นางไม่ขยับยังพอทำเนา ทันทีที่ขยับ ฉูเป่ยเจี๋ยพลันขยับเร็วยิ่งกว่า ชายหนุ่มยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลุกขึ้นยืน รวบเอวบางจนสองมือโอบได้รอบรั้งเข้าหาอ้อมอกของตนโดยแรง
ว้าย ! หญิงสาวหลุดปากหวีดร้องอย่างตกใจ ร่างบางล้มลงกระแทกแผงอกแข็งกระด้าง ครั้นเงยหน้าขึ้น นัยน์ตากลมโตตื่นตระหนกก็สานสบกับนัยน์ตาดำสนิททอประกายยั่วเย้า
ชายหนุ่มรัดร่างบางอย่างแน่นหนาจนขยับไม่ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ริมฝีปากแทบจะขบเม้มติ่งหูเล็กๆ แดงก่ำยามเอ่ยถามอย่างสุภาพราวกับกำลังเอื้อนบทพูดอยู่บนเวทีละคร
วิกฤติภัยกรายศีรษะ คุณหนูยังมีแผนใดจะใช้อีกขอรับ ?
พิงถิงจักจี้ใบหู หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะโลดขึ้นมาจุกที่คอหอย รู้สึกหวั่นกลัวเล็กน้อย แต่ก็นึกอยากจะยิ้มหวานเช่นกัน หญิงสาวเบนสายตาเลี่ยงไปอีกทาง ขมวดคิ้วพูดว่า
ท่านแม่ทัพกำชัยเด็ดขาด ขุนพลพ่ายได้ยอมสยบ หรือยังคิดเข่นฆ่าให้สิ้นซาก ?
ฉูเป่ยเจี๋ยไม่หวั่นไหวกับคำพูดของนางแม้แต่น้อย ส่ายหน้าเอ่ยว่า
ยอมสยบตรงไหนกัน ข้าไม่เห็นได้ยินบทเพลงยอมสยบเลย
ผิวกายบุรุษเพศแทบจะแนบชิดอยู่กับลำคอขาวเนียน กระไอร้อนผ่าวแผ่มากระทบร่าง หญิงสาวพยายามหดศีรษะอย่างตื่นตระหนกอยู่ในวงแขนแข็งแรง กล่าวเสียงละห้อยอย่างน่าสงสาร
นับแต่โบราณมาจะมีก็แต่บทเพลงแห่งชัยชนะ บทเพลงยอมสยบมีที่ไหนกันเพคะ ?
เจ้าร้องเพลงแรกออกมา นับแต่นี้ก็จะมีแล้วอย่างไรเล่า ชายหนุ่มขู่ยิ้มๆ หากยังไม่ร้องอีก อย่าได้โทษว่าเปิ่นหวางเข่นฆ่าให้สิ้นซากเทียวนะ จบคำก็ทำท่าจะก้มลงแข็งขืนจุมพิต
อย่า...... พิงถิงร้องอย่างจนแต้ม เมื่อเผชิญกับชายผู้นี้ ดูเหมือนความพ่ายแพ้จะถูกกำหนดให้แก่นางมาแต่แรกเสียแล้ว หญิงสาวได้แต่ขึงตาใส่ชายหนุ่ม ถือเป็นการตอบโต้ให้หายเจ็บใจขึ้นบ้างที่พอจะทำได้
ฉูเป่ยเจี๋ยถูกสายตาตัดพ้อต่อว่าที่ขึงมองใส่ในระยะประชิดกระชากหัวใจ(๒)เข้าให้อย่างจังจนนึกอยากจะรวบร่างบางในอ้อมแขนมาจุมพิตให้หนำใจ ทว่ายังไม่ทันได้ก้มหน้าลง ร่างน้อยในอ้อมแขนก็เอื้อนขับร้องขึ้นเบาๆ เสียก่อน
ด้วยนางแอ่นจร(๓) จึ่งพามากรัก ด้วยมากรัก จึ่งคะนึงหา แรกพบสบตาเสน่หาครัน แรกพบสบตาเสน่หาครัน......
เสียงเพลงของหญิงสาวเย็นระรื่นไพเราะเปี่ยมพลัง ฉูเป่ยเจี๋ยหลับตาลงนิ่งฟังเงียบๆ จนจบ เนิ่นนานให้หลังจึงค่อยลืมตาขึ้นกล่าวว่า
นับแต่นี้ไปยามเจ้าร้องเพลง ห้ามมิให้มีคนนอกอยู่ด้วยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคงได้ก่อจิตมากรัก สร้างจิตคะนึงหาขึ้นมากมายเป็นแน่ จากนั้นถอนหายใจเบาๆ สีหน้าเปลี่ยนจากรื่นรมย์เป็นเคร่งขรึม เอ่ยเสียงหนักว่า ยอดพธูเช่นชิง(๔)ไม่มีทางเป็นเพียงสาวใช้ของตระกูลฮัวอย่างแน่นอน เจ้าคือผู้ใดกันแน่ ?
ประโยคเดียวดุจสายฟ้าห้าสายฟาดลงกลางศีรษะพร้อมกัน หญิงสาวติดตามนายน้อยออกรบมาแล้วหลายครั้งจนเปรื่องปราดมากแผนการก็จริง แต่กลับไม่เคยเผชิญศึกระยะประชิดตัวเช่นนี้มาก่อน อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้ยังเป็นถึงเจิ้นเป่ยหวางผู้เลื่องชื่อลือชาอีกด้วย
ฉูเป่ยเจี๋ยเห็นสีหน้าของนางซีดขาว ก็อดใจอ่อนไม่ได้ ปัดเส้นผมบนหน้าผากนูนเกลี้ยงออกเบาๆ เอ่ยเสียงนุ่ม
ไม่จำเป็นต้องกลัว ขอเพียงเจ้าบอกมาตามตรง ข้าจะช่วยปกป้องไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้เอง
พิงถิงยิ้มจืดเจื่อน
หากฉูเป่ยเจี๋ยทราบว่านางคือป๋ายพิงถิงแห่งวังจิ้งอานหวางของกุยเล่อ ทราบว่านางนี่เองที่เป็นคนวางแผนจมกองทัพสยบอุดร(เจิ้นเป่ยจวิน)ที่เขาภาคภูมิใจ ทราบว่านางกุมความลับของวังจิ้งอานหวาง หรือแม้กระทั่งความลับของบรรดาราชนิกุลแห่งกุยเล่อทั้งหลายเอาไว้ละก็ เกรงว่าปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่ว่าฉูเป่ยเจี๋ยจะคุ้มครองนางหรือไม่อย่างแน่นอน
นางไม่กล้าคิดถึงผลลัพธ์หากฉูเป่ยเจี๋ยทราบเรื่องนี้เข้าเลยจริงๆ
บอกมาเถิด นัยน์ตาดำสนิทมองทะลุจิตใจคนได้เร่งเร้าไม่ยอมผ่อนปรน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าก็ช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น
หม่อมฉัน......
เจ้าพูดมาเถอะ
นัยน์ตาพร่ามัวของหญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างเศร้าสร้อย ภายใต้สายตาให้กำลังใจของฉูเป่ยเจี๋ย นางสูดหายใจลึก แล้วกล่าวอย่างแช่มช้า
หม่อมฉันคือหญิงดีดพิณซึ่งถูกเลี้ยงอยู่ในวังของต้าหวางแห่งกุยเล่อองค์ปัจจุบันเมื่อครั้งยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์เพคะ
ฉูเป่ยเจี๋ยตกตะลึง
เสี่ยวหงมีนามเดิมว่า หยางเฟิ่ง ขายตัวเข้ามาอยู่ในวังองค์ชายซู่แต่ยังเล็ก เนื่องจากถนัดดีดพิณ จึงได้รับความโปรดปรานจากองค์ชายซู่เป็นอย่างมาก ยามที่องค์ชายดื่มสุราในสวน ก็มักจะเรียกให้หม่อมฉันดีดพิณขับกล่อมเป็นเพื่อนเสมอ
_____________________________________
๑. อุธัจ แปลว่า ความฟุ้งซ่าน ความประหม่า ความขวยเขิน
๒. ในการเปรียบเปรยเกี่ยวกับเรื่องความรักของชาวจีน วิญญาณ จะหมายถึง หัวใจ
๓. นกนางแอ่น เป็นนกที่มีช่วงเวลาอพยพจากไปและกลับมาที่แน่นอน โดยจะอพยพมาอยู่ทางซีกโลกเหนือ (รวมถึงประเทศจีน) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และอพยพไปอยู่ซีกโลกใต้ในช่วงฤดูหนาว (ในจีน นกนางแอ่นจะเริ่มอพยพจากไปในฤดูใบไม้ร่วง) จึงมักถูกนำมาเปรียบกับผู้ที่ต้องแยกจากกันเฝ้าคิดถึงและนับวันรอที่จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
๔. ชิง (qing) เป็นสรรพนามเรียกระหว่างกันของสามีภรรยาหรือเพื่อนสนิทอย่างแสดงออกถึงความรักใคร่
จากคุณ :
Linmou
- [
11 ส.ค. 51 06:04:04
]