บางทีภาพบางภาพที่เราเห็นเพียงชั่วขณะ อาจก่อให้เกิดความคิดมากมายร้อยพัน...
ขณะที่ผมขับรถผ่านตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ภาพของคุณตาคนหนึ่งในชุดคนไข้ที่นั่งอยู่ตรงราวบันไดตึกโดยมีคุณยายในชุดสวยสีขาวใส่ผ้าซิ่นตีนจกนั่งอยู่ข้างๆ มีแรงดึงดูดประหลาดที่ทำให้ผมต้องมองผู้เฒ่าทั้งสองท่านซ้ำอีกครั้งจากกระจกมองหลัง
ทั้งสองนั่งอยู่กันเพียงลำพัง...ครับ นั่งอยู่กันเพียงลำพังสองต่อสอง สายตาจ้องมองทิวทัศน์ที่อยู่ด้านหน้า คุณยายยกมือลูบผม ขณะที่คุณตาเพียงแต่นั่งอยู่นิ่งๆ...ไม่มีการสบตา และไม่มีคำพูดคุยใดๆ
ก่อนที่ภาพของผู้เฒ่าทั้งสองจะหายไปจากกระจกมองหลังนั้น ผมมองเห็นคุณตายื่นมือข้างหนึ่งของแกขยับเข้าใกล้คุณยาย และผมเข้าใจ(เอาเอง) ว่าทั้งสองคนนั้นอาจจะกุมมือกันหลังจากนั้น
...เสียดายที่ผมไม่ได้มองเห็นภาพนั้น เสียดายที่ผมไม่มีกล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพที่กำลังจะกลายเป็นความทรงจำของผม...และข้อความถัดจากนี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากความคิดภายในใจของผม...
ตาแม้นนั่งเหม่อมองออกไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้แกไม่กล้าเหลือบตามองยายสายที่นั่งอยู่ข้างๆ ห่างจากแกไม่ถึงหนึ่งเอื้อมมือ
แม้ว่าตอนนี้ในใจของตาแม้นจะมีถ้อยคำมากมายที่อยากจะเอ่ยบอกกับยายสาย ว่าแกดีใจแค่ไหนที่วันนี้ยายสายมาเยี่ยมแกที่โรงพยาบาลได้ แต่แกก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มเอ่ยคำไหนออกไปก่อนดี
วันนี้ยายสายใส่เสื้อลายดอกสีขาวและนุ่งผ้าซิ่นตีนจก ตาแม้นรู้ดีว่านี่คือชุดที่ดีที่สุดและสวยที่สุดที่ยายสายมี...แกยิ้ม...เพราะอยากบอกกับยายสายเหลือเกินว่า ไม่ว่ายายสายจะใส่ชุดไหนมาเยี่ยมแก ยายสายก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในชีวิตของแกเสมอ
แต่ทำไมกันนะ ทำไมวันนี้ยายสายไม่พูดอะไรเลย ตาแม้นอดคิดไม่ได้ ในที่สุดแกก็เหลือบตามองไปยังยายสายและเห็นยายสายกำลังเอามือลูบผม
...ดีแล้วที่ตาแม้นไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่แกกังวล...ยายสายคิด
แม้จะเตรียมใจมาไว้บ้างว่าด้วยวัยที่ก้าวผ่านเจ็ดสิบปีมาด้วยกันทั้งคู่ของแกและตาแม้น ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องจากกันไปก่อน แต่แกก็อดหวังไม่ได้ว่าเวลาที่แกกับตาแม้นจะได้อยู่ด้วยกันนั้นน่าจะยาวนานขึ้นอีกสักนิด
วันที่ตาแม้นล้มป่วยและถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล แกใจไม่ดีเลย ลูกๆ หลานๆ วุ่นวายกับการดูแลตาแม้นกันยกใหญ่ แกถูกสั่งห้ามไม่ให้ติดรถมาด้วย เพราะกลัวว่าถ้าแกเป็นล้มเป็นแล้งไปอีกคนจะไม่เป็นผลดีต่อลูกๆ หลานๆ
สิ่งที่แกทำได้ในวันนั้นก็คือการเฝ้ารอ เฝ้ารอที่จะถามอาการของตาแม้นจากใครคนใดคนหนึ่งที่พาตาแม้นไปส่งโรงพยาบาลว่า ตาแม้นเป็นอย่างไรบ้าง
...ยังไม่ดีขึ้นเลย...เป็นคำตอบที่แกได้รับจากแทบทุกคน ใจของแกตอนนั้นร้อนรนอยากจะไปเยี่ยมตาแม้นเสียให้ได้ ถ้าไม่ติดที่ลูกๆ บอกว่าหมอยังไม่ให้เยี่ยม
ห้าวันแล้วสินะที่แกรอเพื่อจะมาพบตาแม้น...และวันนี้แกก็ได้พบตาแม้นแล้ว..ดีจริงๆ ที่ตาแม้นไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่แกกังวล...ตอนนี้แกมีถ้อยคำตั้งมากมายที่อยากจะเอ่ยบอกกับตาแม้นว่าแกเป็นห่วงตาแม้นแค่ไหน แต่แกไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเริ่มถามตาแม้นยังไงดี เพื่อไม่ให้ตาแม้นเป็นกังวลเกี่ยวกับการป่วยของตัวเอง
ยายสายเหม่อมองทิวทัศน์ข้างหน้า ในขณะที่ความคิดของแกหมุนวนย้อนไปในอดีต ห้าสิบกว่าปีที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา แม้มันจะไม่ได้หวานชื่นและหอมหวานไปเสียทั้งหมด แต่การที่แกผ่านทุกสิ่งทุกอย่างมาได้ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามีตาแม้นคอยอยู่ข้างๆ และตอนนี้ตาแม้นก็ยังคงนั่งอยู่ข้างๆ แก...ความกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของตาแม้นน่าจะลดลงได้แล้ว
...ตาแม้นจะรู้ไหมนะว่า ที่วันนี้แกพยายามจะแต่งตัวให้สวยที่สุด เพราะแกเป็นกังวลว่านี่อาจจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย แกจึงอยากจะให้ตัวแกในความทรงจำสุดท้ายของตาแม้น เป็นผู้หญิงที่ยังคงดูงดงาม...วันนี้แกสวยพอหรือยังนะ...
ยายสายคิดพลางยกมือจัดผม และอดคิดไม่ได้ว่า...ทำไมวันนี้ตาแม้นไม่พูดอะไรบ้างเลย
...ที่ยายสายยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา เป็นเพราะยายสายกังวลว่าฉันจะเป็นอะไรไป มากไปหรือเปล่า...ตาแม้นคิดพลางยื่นมือของแกออกไป สัมผัสมือกับมือของยายสายและกุมมือของยายสายไว้ ก่อนที่จะบีบกระชับเบาๆ...เพื่อส่งความหมายให้ยายสายรู้ว่า
...ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร ฉันยังอยู่ข้างๆ แกนี่ไง ยายเฒ่า ฉันไม่เป็นไร...
จู่ๆ ตาแม้นก็ยื่นมือมาจับมือของแกไว้ ยายสายละสายตาจากภาพทิวทัศน์ข้างหน้าหันมามองตาแม้น เห็นตาแม้นทำหน้าเรียบเฉย ส่งสายตาจ้องมองแก และผงกศีรษะเบาๆ สองสามครั้ง ยายสายจำได้ว่านั่นเป็นท่าทางที่ตาแม้นจะทำเสมอ เวลาที่ตาแม้นอยากจะบอกแกว่า...ไม่เป็นไรหรอกยายเฒ่า ยังไงแกก็ยังมีฉันอยู่ตรงนี้ แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกัน...
ยายสายยิ้มน้อยๆ กุมมือตาแม้นตอบ ในที่สุดแกก็เอ่ยคำพูดออกมา
แกเป็นยังไงบ้าง
ไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ตาแม้นตอบ
จากคุณ :
ลมพายุพัดมาพัดไป
- [
11 ส.ค. 51 16:37:47
]