มิว
เสียงเรียกชื่อมิวดังอยู่ด้านหลัง เด็กชายอายุประมาณ 16-17 ชะงักเล็กน้อยรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงที่ร้องเรียกนั้นเป็นอย่างดี มิวค่อยๆหันหน้ามาตามเสียงเรียกนั้น เพื่อนๆในกลุ่มของมิวก็ชะงักตามพากันหยุดเดิน ในขณะที่รถตู้คันหรูกำลังติดเครื่องยนต์รออยู่ไม่ไกล ภาพที่มิวเห็นได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าหลังจากที่หันหลังกลับมา โต้ง เด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกันคือเจ้าของเสียงเรียกนั้น ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม บริเวณด้านหน้าเวทีที่มิวเพิ่งขึ้นแสดงคอนเสิร์ตเมื่อสักครู่ ทั้งสองต่างยิ้มให้กันต่างคนต่างเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเอง
ไงโต้ง!!
มิวเอ่ยทักก่อนเป็นคนแรก เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกขวนเขิน
โต้งเองก็มีอาการไม่ต่างกับมิวมากนัก เด็กชายยิ้มเก้อๆมีเพียงสายตาที่จ้องนิ่งไปยังผู้ที่ถามราวกับต้องการให้อีกฝ่ายได้ค้นหาคำตอบเอง
เพลงเพราะดีนะ โต้งพูดจากความรู้สึกลึกๆข้างใน มันเป็นความรู้สึกแท้จริงที่ไม่ได้พูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดี และไม่ใช่แค่เพียง เพลงของเรา ที่มิวเคยบอกก่อนหน้านี้
ฟังแล้ว...โต้งว่าไง มิวยิ้มๆพอใจกับคำตอบเมื่อครู่ของอีกฝ่าย อดถามต่ออีกไม่ได้ แต่ท่าทีของโต้งกลับนิ่งงัน สายตาที่คอยรอบชำเรืองมองยังมิวเป็นระยะๆราวกับกำลังชั่งใจบางอย่าง
ก็...เอ่อ...เราคงคบกับมิวเป็นแฟนไม่ได้ โต้งพูดเบาๆแต่ชัดเจนเต็มสองหูของอีกฝ่าย แม้จะหลบสายตามิว
แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้รักมิวนะ!!
โต้งรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าของมิวเจื่อนลง นั่นเป็นเพียงอาการเล็กน้อยจากภาพภายนอกที่โต้งเห็นได้ หากโต้งเป็นมิวในขณะนี้ คงรับรู้ถึงความเจ็บปวดราวกับเข็มแหลมที่ทิ่มแทงตรงกลางหัวใจ ไม่ต้องถึงร้อยเล่มแสนเล่มหรอก...เพียงแค่เล่มเดียวมิวก็แทบล้มทั้งยืน
ขอบคุณนะ
มิวปรับสีหน้าและรวบรวมเรี่ยวแรงที่ยังหลงเหลือเงยหน้าสบตากับโต้งช้าๆ แข็งใจพูดออกไป แม้ภายในจะเจ็บเจียนตาย ร่างกายที่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆใช่ว่าจะแข็งแกร่งที่เด็กชายผู้ผ่านเรื่องราวอ้างว้างมาตลอดเวลาจะต้องมาได้ยินถ้อยคำที่ฟังดูเหินห่างจากผู้ที่เคยคิดยามอยู่ชิดใกล้ และเป็นคนเดียวที่สบายใจทุกครั้งที่ได้พูดคุยทว่าเวลานี้แม้จะได้อยู่ใกล้ชิดเพียงปลายลมหายใจแต่ห่างไกลกันราวฟ้ากับแผ่นดิน คำพูดสั้นๆแต่เจ็บปวดเหลือเกินสำหรับคนพูด ยิ่งพูดยิ่งเจ็บ ยิ่งอยู่ยิ่งเห็นก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน
งั้นเราไปก่อนนะ เพื่อนรอ
มิวย้ำบอกกับโต้งอีกครั้ง พยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติ พลางหันไปมองกลุ่มเพื่อนๆที่พยักหน้าเร่งให้รีบกลับขึ้นรถตู้
เดี๋ยวก่อน...มิว.. โต้งเรียกไว้ รีบหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
อ่ะ!!...ให้
มิวค่อยๆเอื้อมมือไปรับของสิ่งนั้นจากมือของโต้ง
อะไรน่ะ!! มิวแปลกใจ สายตาจับจ้องสิ่งของที่อยู่ในมือ
ของขวัญวันคริสต์มาสไง โต้งบอกยิ้มๆ ใบหน้ามีความสุขราวกับวัยเด็กที่ครั้งหนึ่งเคยให้ของขวัญกับมิว
ขอบคุณนะ!! มิวพูดย้ำอีกครั้ง แม้ฟังดูออกมาจากใจ แต่ก็เป็นใจที่ร้าวรานเต็มทน
งั้น!! เราไปก่อนนะ
มิวหันไปทางเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้โต้งอีกครั้ง ทั้งสองคนสบตากันนิ่ง
โชคดีนะ มิวบอกน้ำเสียงหนักแน่นแต่ทว่าความรู้สึกที่เบาโหวง
โชคดี
โต้งบอกตามเบาๆ ส่วนมิวตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปหากลุ่มของเพื่อนๆ สมาชิกวงออกัสอดแซวมิวไม่ได้ มิวยิ้มให้กับเพื่อนๆเป็นการขอโทษที่ให้รอนาน คงไม่มีเพื่อนคนไหนที่จะเข้าใจความรู้สึกของตัวเองนะเวลานี้ได้ สองเท้าของมิวรีบก้าวเดินให้ถึงรถตู้เร็วๆเพื่อจะได้กลับถึงบ้าน แต่ทว่าไม่อาจตัดใจได้เร็วปานนั้น ความผูกพันบางอย่างทำให้มิวหันกลับมามองโต้งอีกครั้ง โต้งโบกมือไหวๆอยู่ด้านหลังเหมือนอย่างเดิม สายตาทั้งคู่ประสานกันด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวและเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ต่างฝ่ายต่างคิดหาเหตุผลปลอบใจตัวเอง
จากคุณ :
ออมสินไตตั้น
- [
14 ส.ค. 51 17:04:43
]