เอางานเรื่องสั้นมาลงในอ่านกันดูค่ะ ถ้าเพื่อนๆ เข้ามาอ่านก็อย่าลืมคอมเม้นท์ให้ด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
*********************************************
เส้นทางจากถนนสายหลักที่ตัดเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ นั้น เรียงรายไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่แผ่ร่มเงาไล่ยาวไปตลอด 2 ข้างทาง หมอกอ่อนๆ ในยามเช้าเริ่มแผ่วจาง เผยให้เห็นสีสันสดใสของดอกไม้ป่าที่ส่งกลิ่นหอมระรื่น บนท้องฟ้าเริ่มปรากฏแสงสีทองขึ้นที่ขอบฟ้าอันเป็นแสงแรกจากดวงตะวัน...
บรรยากาศโดยรอบสดชื่นและเย็นฉ่ำ หากหัวใจของโอลิเวียร์กลับร้อนรนด้วยความที่อยากจะเดินทางไปถึงให้ที่หมายโดยเร็วที่สุด ตลอดคืนที่ผ่านมาเขาเดินทางโดยไม่หยุดพักและไม่ได้หลับตาลงเลย ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ต้องการจะพบใครคนหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มก้าวลงจากรถเกวียนที่ขอโดยสารติดมาตั้งแต่เมื่อคืน อาการบาดเจ็บที่ขาทำให้ดวงหน้าคมนิ่วด้วยความเจ็บปลาบ แขนซ้ายที่หักถูกพันไว้ด้วยผ้าและคล้องอยู่ที่คอ มือข้างที่เหลืออยู่จึงต้องทำหน้าที่ทั้งพยุงร่างและนำสัมภาระที่ติดตัวมาด้วยลงจากเกวียน
รถเกวียนแล่นจากไปแล้วจนเกือบลับสายตา ดวงตาคมจึงหันกลับมาสำรวจรอบกาย ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาหลังจากที่ถูกเกณฑ์ไปออกรบที่ชายแดนอยู่ครึ่งปี หากวันนี้เขาได้กลับมาแล้ว และทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม โอลิเวียร์ก้าวตรงไปที่ประตูของบ้านที่อยู่เบื้องหน้า เคาะเรียกอยู่เพียงไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู
โอลิเวียร์ นี่เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หญิงวัยกลางคนที่มาเปิดประตูทักขึ้นด้วยความยินดีเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่ม พลางหันกลับไปตะโกนบอกกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในบ้านด้วยแล้วสมาชิกที่เหลือก็กรูกันออกมาล้อมหน้าล้อมหลังทักทายกับผู้มาเยือนด้วยความยินดี
โอลิเวียร์เพียงแต่ยิ้มรับคำถามมากมายที่พุ่งเข้าใส่เขา หากดวงตาก็คอยมองหาใครคนหนึ่งที่เขาอยากพบมากที่สุด และหวังว่าจะได้เห็นเธอคนนั้นออกมาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มอย่างยินดีเป็นคนแรกที่กลับมาถึง
เอ่อ แล้วลีเดียล่ะครับ?
คำถามนั้นทำให้เสียงเซ็งแซ่ที่ดังอยู่รอบตัวเขาเงียบสนิทลงทันตา หลายคนขยับตัวเดินหนีคล้ายกับจะปัดภาระให้กลับคนที่เหลือเป็นผู้ทำหน้าที่ตอบคำถามนั้นแทน อาการแบบนั้นทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกใจไม่ดี เขาส่งสายตาคาดคั้นไปยังทุกคน แล้วชายหนุ่มก็ได้คำตอบเมื่อถูกพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ลีเดีย ป่วยหนักแล้วก็เสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ผู้ที่พามาเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจากไปเพื่อปล่อยให้ชายหนุ่มได้อยู่ตามลำพัง
โอลิเวียร์แทบจะไม่อยากเชื่อหูตนเอง แต่เบื้องหน้าของเขาก็คือสถานที่ที่คนรักของเขาจะนอนหลับอย่างสงบไปจนชั่วนิรันดร์ ชายหนุ่มซบหน้าลงกับพื้นดิน ก้อนแข็งๆ บางอย่างคล้ายจะเคลื่อนตัวมาจากหัวใจที่เจ็บหนึบมารวมกันอยู่ที่ลำคอ ก่อนที่จะกลายเป็นหยดน้ำไหลออกมา
เขายังจำได้ดีถึงคำสัญญาที่จะรักษาชีวิตกลับมาหาเธอ แต่ตอนนี้คนที่เคยรับปากว่าจะอยู่รอเขาไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว
เสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระพรวนเล็กๆ ที่ห้อยติดอยู่กับกำไลวงหนึ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกระตุ้นเตือนให้ความทรงจำบางอย่างกลับคืนมา ราวกับจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่เขาเคยได้ยินเมื่อครึ่งปีก่อน
ข้าไม่อยากให้โอลิเวียร์ไปเลย ถ้าข้าเป็นผู้ชายก็ดีสิ เราจะได้ไปออกรบด้วยกัน ลีเดียบอกอย่างเป็นกังวลเพราะชายหนุ่มหลายคนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเธอเมื่อไปรบแล้วก็น้อยคนนักที่จะได้กลับมา
คำพูดนั้นทำให้คนฟังหัวเราะออกมาเบาๆ ลีเดียนั้นถูกเลี้ยงมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และมีร่างกายที่อ่อนแอ เธอจึงไม่สามารถวิ่งเล่นได้อย่างเด็กคนอื่นๆ หญิงสาวจึงอยากมีร่างกายที่แข็งแรงเหมือนกับคนอื่น และบางครั้งยังเคยอยากจะเป็นผู้ชายอย่างเขาด้วยซ้ำไป ถ้าปาฏิหาริย์มีจริงเขาก็อยากอธิษฐานขอให้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรงและอยู่กับเขาตลอดไป แต่แม้จะไม่มีปาฏิหาริย์เขาก็ยังรักเธอ เขาชอบความอ่อนหวานนั้น มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ รักทุกอย่างที่ประกอบเป็นตัวเธอขึ้นมา
อย่าห่วงเลย ข้าสัญญา ไม่ว่ายังไงก็จะรักษาชีวิตเอาไว้ เพื่อพาหัวใจดวงนี้กลับมาพบกับเจ้าให้ได้
น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นหนักแน่นมั่งคง จนคนฟังอดจะซาบซึ้งไม่ได้นิ้วก้อยจากมือข้างหนึ่งจึงยื่นเข้าไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของชายหนุ่มเอาไว้
ข้าก็สัญญาเหมือนกัน ว่าจะรอโอลิเวียร์กลับมา น้ำเสียงนั้นเด็ดเดี่ยวและมั่นคงไม่ต่างไปจากอีกฝ่ายเช่นกัน พร้อมกับเขย่านิ้วก้อยที่เกี่ยวกันไว้แทนคำมั่นสัญญา จนได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระพรวนบนกำไล 2 วงที่สวมอยู่ในมือหญิงสาว และในวันก่อนที่จะจากกันนั้น เขาก็ได้รับกำไลวงหนึ่งเป็นสิ่งแทนใจติดตัวมา
โอลิเวียร์หยิบกำไลที่ใส่อยู่ในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของเขาออกมาดู เพียงขยับเบาๆ เสียงใสๆ ก็กังวาน หากเสียงของผู้ที่เป็นเจ้าของกำไลวงนี้จะไม่มีวันดังขึ้นอีกแล้ว ชายหนุ่มมองไปยังที่ซึ่งฝังร่างเธอเอาไว้ เขาแทบจะอยากปลุกวิญญาณของเธอขึ้นมาทวงคำสัญญา แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว โอลิเวียร์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ยามนี้เป็นสีส้มอมแดงราวกับเพลิงที่กำลังโหมไหม้อยู่ที่สุดขอบฟ้า เขาโกรธสวรรค์ แค้นเคืองต่อโชคชะตา ที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้โอกาสเขาได้ร่ำลากับเธอเป็นครั้งสุดท้าย ถึงตอนนี้ชายหนุ่มไม่รู้แล้วว่าที่เขาสู้อดทนผ่านความเป็นความตายมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร...
โอลิเวียร์พาร่างกลับมายังบ้านของตนเองที่อยู่ชายป่าอีกด้านหนึ่ง พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุ 14 ปีเท่านั้น ชายหนุ่มจึงต้องอาศัยอยู่คนเดียวโดยได้รับความช่วยเหลือจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ลีเดียอาศัยอยู่ มือกร้านยกขึ้นลูบใบหน้าของตนเองจากเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากดวงหน้าของคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังแปรเปลี่ยนไปเป็นคนหมดอาลัยต่อชีวิตอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนแคร่ไม้ที่วางอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว และน้ำค้างป่าก็กำลังลงหนักเหลือเกิน หากร่างที่นอนนิ่งอยู่นั้นก็ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย เพราะแม้แต่ชีวิตที่เหลืออยู่ของตนเองก็ดูจะไม่สำคัญอีกต่อไป
ในความมึนงงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น พร้อมกับอาการทั้งร้อนรุ่มและหนาวสะท้านสลับกันไปมา ใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้และริมฝีปากก็เป็นสีแดงจัด หากลมหายใจกลับสะท้านเยือกและติดขัดจากการหายใจไม่สะดวก ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น โอลิเวียร์รู้สึกคล้ายกับว่าตัวของเขาถูกพยุงให้ลุกขึ้นและนอนในที่นอนอันอ่อนนุ่มและอบอุ่น ตามด้วยผ้าเย็นๆ ที่วางลงบนหน้าผากของเขา ชายหนุ่มอยากจะเผยอเปลือกตาขึ้นมองเมื่อรู้สึกว่าศีรษะของเขาถูกจับให้นอนหนุนอยู่บนตักของใครคนหนึ่ง จมูกได้กลิ่นอายคล้ายกลิ่นดอกไม้ป่าอบอวลอย่างคุ้นเคย หากความเบาสบายและผ่อนคลายก็ทำให้เขาเผลอหลับไปในที่สุด
เปลือกตาของร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงค่อยๆ กระพริบเปิดขึ้น เมื่อรู้สึกว่าแสงแดดยามสายกำลังส่องเข้ามากระทบใบหน้า โอลิเวียร์ลืมตามองไปบนเพดานนิ่ง อาการปวดหัวยังไม่สร่างหาย ก่อนจะค่อยๆ ลำดับความคิดตัวเองอย่างช้าๆ เขาเข้ามาในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าเมื่อหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ หากก็ต้องชะงักเมื่อพบกับผ้าหมาดผืนหนึ่งวางอยู่บนหน้าผาก โอลิเวียร์ขยับลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อได้กลิ่นอาหารลอยเข้ามา มีใครอยู่ในบ้านของเขา...
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ลุกลงจากเตียง ร่างของใครคนหนึ่งก็ยกถาดใส่อาหารเข้ามาให้เขา โอลิเวียร์ถึงกับตะลึงงัน หรือจะเป็นเพราะพิษไข้กำลังเล่นงานเขาอยู่ ถึงได้เห็นไปว่าคนที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขาตอนนนี้ก็คือ ลีเดีย นั่นเอง
ลีเดีย
เสียงที่เรียกชื่อนั้นเบา ตายังจับจ้องร่างที่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะแทบไม่กระพริบ และเมื่อร่างนั้นยกมือขึ้นเพื่อให้แขนเสื้อยาวเปิดออกเผยให้เห็นกำไลวงหนึ่งที่สวมอยู่ในข้อมือนั้น พร้อมกับรอยยิ้มที่เขาไม่เคยลืม และในวินาทีนั้นเองที่โอลิเวียร์ตรงเข้าไปคว้าร่างนั้นมากอดไว้แนบอก เขาไม่สนใจว่าร่างที่กอดอยู่นี้จะเป็นแค่วิญญาณหรือเป็นคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ ขอให้เป็นลีเดียคนรักของเขาก็พอ
โอลิเวียร์ซบหน้าลงกับเรือนผมนุ่ม เขาได้กลิ่นหอมของดอกไม้ป่า ร่างในวงแขนให้สัมผัสเย็น ผิวขาวนั้นเรียบลื่น ชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม เขาค่อยๆ ดันร่างให้วงแขนออกช้าๆ เพื่อมองร่างตรงหน้าให้ชัดๆ อีกครั้ง
ร่างเล็กบางในชุดสีเขียวอ่อน ขับให้ผิวขาวจัดอยู่แล้วยิ่งขาวเด่นยิ่งขึ้นตัดกับเรือนผมยาวสยายดำขลับเงางามราวกับเส้นไหมที่ล้อมกรอบดวงหน้างามผ่องอมชมพู เปล่งปลั่งผุดผาด ริมฝีปากได้รูปแต้มด้วยสีกลีบกุหลาบแดงระเรื่อ จมูกโด่งรับกับโครงหน้ารูปไข่ หากที่เด่นที่สุดบนใบหน้างามนั้นคือ นัยน์ตาสีฟ้าสดใสเช่นเดียวกับท้องฟ้าในฤดูร้อน... รายละเอียดทุกอย่างนั้นคือสิ่งที่โอลิเวียร์จำได้ไม่เคยลืม แต่อะไรล่ะที่แปลกไปจากเดิม
ไม่เจอหน้ากันแค่ 6 เดือน ก็จำข้าไม่ได้แล้วเหรอ? เสียงใสกลั้วหัวเราะนั้นก็ยังเหมือนเดิม โอลิเวียร์มองเลยร่างบางไปทางด้านหลังเพื่อมองกระจกที่วางอยู่ตรงนั้น แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้มีเงา... ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเธอไม่ใช่วิญญาณ แต่มีตัวตนอยู่จริงๆ ถ้าอย่างนั้นทำไมทุกคนถึงได้บอกว่าเธอตายไปแล้ว
เจ้าคือลีเดียจริงๆ งั้นหรือ? โอลิเวียร์ถามอย่างจะให้แน่ใจอีกที ร่างตรงหน้าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
ถ้าอย่างนั้นทำไมใครๆ ถึงบอกว่าเจ้าตายไปแล้วล่ะ?
ร่างบางนิ่งไปนิดหนึ่งคล้ายกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง เพราะว่าข้าตายไปแล้วจริงๆ นั่นแหล่ะ คำตอบนั้นทำให้คนฟังต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ถ้าอย่างนั้น...แล้วทำไม... โอลิเวียร์พยายามตั้งสติบอกกับตัวเองว่าเขาไม่กลัวผี ยิ่งเป็นผีของคนรักเขายิ่งไม่ควรกลัว แถมตอนนี้ก็เป็นเวลากลางวันด้วย
เพราะ...ไม่ว่ายังไงข้าก็อยากจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ อยากจะรอเจ้ากลับมา มือขาวเรียวเอื้อมไปจับมือชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะจูงมือให้เดินตามออกไปที่ด้านนอก
ตั้งแต่เจ้าจากไป ข้าก็มาที่นี่ทุกวันเพื่อรอเจ้า แต่แล้ววันหนึ่งข้าก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมาอย่างรุนแรง
ความเจ็บปวดในครั้งนั้นราวกับจะย้อนคืนกลับมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับวันที่ลีเดียรู้สึกหัวใจเหมือนถูกบีบอย่างแรง แล้วร่างทั้งร่างก็ล้มลงซบกับก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่วางอยู่ใกล้กับประตูบ้าน ก้อนหินที่ไม่เคยมีใครขยับเขยื้อนหรือเคลื่อนย้ายออกไปไหนได้ ในวินาทีนั้นจิตใจของหญิงสาวรับรู้อยู่เพียงเรื่องเดียวที่อยู่ในหัวใจ เธอยังตายไม่ได้ เธอยังต้องรอโอลิเวียร์กลับมา เธอต้องรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ หัวใจของหญิงสาวร่ำร้องอยู่ข้างใน เธอยังไม่อยากตาย เธออยากมีร่างกายที่แข็งแรง อยากอยู่กับเขาไปจนชั่วชีวิต ไม่อยากแยกจากกันแบบนี้เลย ถ้าปาฏิหาริย์ที่เฝ้าคอยมาตลอดทั้งชีวิตมีจริง ลีเดียก็ปรารถนาอยู่เพียงสิ่งเดียว แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
จากคุณ :
นารีจำศีล
- [
15 ส.ค. 51 20:40:51
]