Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Tears Stone

    เอางานเรื่องสั้นมาลงในอ่านกันดูค่ะ ถ้าเพื่อนๆ เข้ามาอ่านก็อย่าลืมคอมเม้นท์ให้ด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    *********************************************
    เส้นทางจากถนนสายหลักที่ตัดเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ นั้น    เรียงรายไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่แผ่ร่มเงาไล่ยาวไปตลอด 2 ข้างทาง   หมอกอ่อนๆ ในยามเช้าเริ่มแผ่วจาง  เผยให้เห็นสีสันสดใสของดอกไม้ป่าที่ส่งกลิ่นหอมระรื่น    บนท้องฟ้าเริ่มปรากฏแสงสีทองขึ้นที่ขอบฟ้าอันเป็นแสงแรกจากดวงตะวัน...


    บรรยากาศโดยรอบสดชื่นและเย็นฉ่ำ   หากหัวใจของโอลิเวียร์กลับร้อนรนด้วยความที่อยากจะเดินทางไปถึงให้ที่หมายโดยเร็วที่สุด    ตลอดคืนที่ผ่านมาเขาเดินทางโดยไม่หยุดพักและไม่ได้หลับตาลงเลย   ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ต้องการจะพบใครคนหนึ่ง   ทำให้ชายหนุ่มไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย   ชายหนุ่มก้าวลงจากรถเกวียนที่ขอโดยสารติดมาตั้งแต่เมื่อคืน   อาการบาดเจ็บที่ขาทำให้ดวงหน้าคมนิ่วด้วยความเจ็บปลาบ   แขนซ้ายที่หักถูกพันไว้ด้วยผ้าและคล้องอยู่ที่คอ   มือข้างที่เหลืออยู่จึงต้องทำหน้าที่ทั้งพยุงร่างและนำสัมภาระที่ติดตัวมาด้วยลงจากเกวียน


    รถเกวียนแล่นจากไปแล้วจนเกือบลับสายตา   ดวงตาคมจึงหันกลับมาสำรวจรอบกาย    ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาหลังจากที่ถูกเกณฑ์ไปออกรบที่ชายแดนอยู่ครึ่งปี    หากวันนี้เขาได้กลับมาแล้ว  และทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม   โอลิเวียร์ก้าวตรงไปที่ประตูของบ้านที่อยู่เบื้องหน้า  เคาะเรียกอยู่เพียงไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู  

    “โอลิเวียร์   นี่เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” หญิงวัยกลางคนที่มาเปิดประตูทักขึ้นด้วยความยินดีเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่ม   พลางหันกลับไปตะโกนบอกกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในบ้านด้วยแล้วสมาชิกที่เหลือก็กรูกันออกมาล้อมหน้าล้อมหลังทักทายกับผู้มาเยือนด้วยความยินดี

    โอลิเวียร์เพียงแต่ยิ้มรับคำถามมากมายที่พุ่งเข้าใส่เขา   หากดวงตาก็คอยมองหาใครคนหนึ่งที่เขาอยากพบมากที่สุด   และหวังว่าจะได้เห็นเธอคนนั้นออกมาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มอย่างยินดีเป็นคนแรกที่กลับมาถึง

    “เอ่อ  แล้วลีเดียล่ะครับ?”

    คำถามนั้นทำให้เสียงเซ็งแซ่ที่ดังอยู่รอบตัวเขาเงียบสนิทลงทันตา    หลายคนขยับตัวเดินหนีคล้ายกับจะปัดภาระให้กลับคนที่เหลือเป็นผู้ทำหน้าที่ตอบคำถามนั้นแทน   อาการแบบนั้นทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกใจไม่ดี   เขาส่งสายตาคาดคั้นไปยังทุกคน   แล้วชายหนุ่มก็ได้คำตอบเมื่อถูกพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

    “ลีเดีย ป่วยหนักแล้วก็เสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว” ผู้ที่พามาเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจากไปเพื่อปล่อยให้ชายหนุ่มได้อยู่ตามลำพัง

    โอลิเวียร์แทบจะไม่อยากเชื่อหูตนเอง   แต่เบื้องหน้าของเขาก็คือสถานที่ที่คนรักของเขาจะนอนหลับอย่างสงบไปจนชั่วนิรันดร์    ชายหนุ่มซบหน้าลงกับพื้นดิน    ก้อนแข็งๆ บางอย่างคล้ายจะเคลื่อนตัวมาจากหัวใจที่เจ็บหนึบมารวมกันอยู่ที่ลำคอ   ก่อนที่จะกลายเป็นหยดน้ำไหลออกมา    
    เขายังจำได้ดีถึงคำสัญญาที่จะรักษาชีวิตกลับมาหาเธอ   แต่ตอนนี้คนที่เคยรับปากว่าจะอยู่รอเขาไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว

    เสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระพรวนเล็กๆ ที่ห้อยติดอยู่กับกำไลวงหนึ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกระตุ้นเตือนให้ความทรงจำบางอย่างกลับคืนมา   ราวกับจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่เขาเคยได้ยินเมื่อครึ่งปีก่อน

    ‘ข้าไม่อยากให้โอลิเวียร์ไปเลย   ถ้าข้าเป็นผู้ชายก็ดีสิ  เราจะได้ไปออกรบด้วยกัน’ ลีเดียบอกอย่างเป็นกังวลเพราะชายหนุ่มหลายคนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเธอเมื่อไปรบแล้วก็น้อยคนนักที่จะได้กลับมา

    คำพูดนั้นทำให้คนฟังหัวเราะออกมาเบาๆ ลีเดียนั้นถูกเลี้ยงมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า   และมีร่างกายที่อ่อนแอ   เธอจึงไม่สามารถวิ่งเล่นได้อย่างเด็กคนอื่นๆ หญิงสาวจึงอยากมีร่างกายที่แข็งแรงเหมือนกับคนอื่น  และบางครั้งยังเคยอยากจะเป็นผู้ชายอย่างเขาด้วยซ้ำไป   ถ้าปาฏิหาริย์มีจริงเขาก็อยากอธิษฐานขอให้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรงและอยู่กับเขาตลอดไป   แต่แม้จะไม่มีปาฏิหาริย์เขาก็ยังรักเธอ   เขาชอบความอ่อนหวานนั้น   มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ   รักทุกอย่างที่ประกอบเป็นตัวเธอขึ้นมา

    ‘อย่าห่วงเลย   ข้าสัญญา  ไม่ว่ายังไงก็จะรักษาชีวิตเอาไว้  เพื่อพาหัวใจดวงนี้กลับมาพบกับเจ้าให้ได้’

    น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นหนักแน่นมั่งคง    จนคนฟังอดจะซาบซึ้งไม่ได้นิ้วก้อยจากมือข้างหนึ่งจึงยื่นเข้าไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของชายหนุ่มเอาไว้

    ‘ข้าก็สัญญาเหมือนกัน   ว่าจะรอโอลิเวียร์กลับมา’ น้ำเสียงนั้นเด็ดเดี่ยวและมั่นคงไม่ต่างไปจากอีกฝ่ายเช่นกัน   พร้อมกับเขย่านิ้วก้อยที่เกี่ยวกันไว้แทนคำมั่นสัญญา   จนได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระพรวนบนกำไล 2 วงที่สวมอยู่ในมือหญิงสาว    และในวันก่อนที่จะจากกันนั้น  เขาก็ได้รับกำไลวงหนึ่งเป็นสิ่งแทนใจติดตัวมา

    โอลิเวียร์หยิบกำไลที่ใส่อยู่ในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของเขาออกมาดู    เพียงขยับเบาๆ เสียงใสๆ ก็กังวาน   หากเสียงของผู้ที่เป็นเจ้าของกำไลวงนี้จะไม่มีวันดังขึ้นอีกแล้ว    ชายหนุ่มมองไปยังที่ซึ่งฝังร่างเธอเอาไว้   เขาแทบจะอยากปลุกวิญญาณของเธอขึ้นมาทวงคำสัญญา   แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว   โอลิเวียร์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ยามนี้เป็นสีส้มอมแดงราวกับเพลิงที่กำลังโหมไหม้อยู่ที่สุดขอบฟ้า    เขาโกรธสวรรค์  แค้นเคืองต่อโชคชะตา   ที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้โอกาสเขาได้ร่ำลากับเธอเป็นครั้งสุดท้าย    ถึงตอนนี้ชายหนุ่มไม่รู้แล้วว่าที่เขาสู้อดทนผ่านความเป็นความตายมาครั้งแล้วครั้งเล่า   เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร...


    โอลิเวียร์พาร่างกลับมายังบ้านของตนเองที่อยู่ชายป่าอีกด้านหนึ่ง    พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุ 14 ปีเท่านั้น   ชายหนุ่มจึงต้องอาศัยอยู่คนเดียวโดยได้รับความช่วยเหลือจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ลีเดียอาศัยอยู่   มือกร้านยกขึ้นลูบใบหน้าของตนเองจากเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากดวงหน้าของคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังแปรเปลี่ยนไปเป็นคนหมดอาลัยต่อชีวิตอย่างสิ้นเชิง  ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนแคร่ไม้ที่วางอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน   ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว   และน้ำค้างป่าก็กำลังลงหนักเหลือเกิน    หากร่างที่นอนนิ่งอยู่นั้นก็ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย    เพราะแม้แต่ชีวิตที่เหลืออยู่ของตนเองก็ดูจะไม่สำคัญอีกต่อไป
    ในความมึนงงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น    พร้อมกับอาการทั้งร้อนรุ่มและหนาวสะท้านสลับกันไปมา   ใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้และริมฝีปากก็เป็นสีแดงจัด หากลมหายใจกลับสะท้านเยือกและติดขัดจากการหายใจไม่สะดวก   ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น   โอลิเวียร์รู้สึกคล้ายกับว่าตัวของเขาถูกพยุงให้ลุกขึ้นและนอนในที่นอนอันอ่อนนุ่มและอบอุ่น    ตามด้วยผ้าเย็นๆ ที่วางลงบนหน้าผากของเขา    ชายหนุ่มอยากจะเผยอเปลือกตาขึ้นมองเมื่อรู้สึกว่าศีรษะของเขาถูกจับให้นอนหนุนอยู่บนตักของใครคนหนึ่ง   จมูกได้กลิ่นอายคล้ายกลิ่นดอกไม้ป่าอบอวลอย่างคุ้นเคย   หากความเบาสบายและผ่อนคลายก็ทำให้เขาเผลอหลับไปในที่สุด

    เปลือกตาของร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงค่อยๆ กระพริบเปิดขึ้น   เมื่อรู้สึกว่าแสงแดดยามสายกำลังส่องเข้ามากระทบใบหน้า    โอลิเวียร์ลืมตามองไปบนเพดานนิ่ง  อาการปวดหัวยังไม่สร่างหาย ก่อนจะค่อยๆ ลำดับความคิดตัวเองอย่างช้าๆ เขาเข้ามาในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่   ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าเมื่อหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้   หากก็ต้องชะงักเมื่อพบกับผ้าหมาดผืนหนึ่งวางอยู่บนหน้าผาก   โอลิเวียร์ขยับลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อได้กลิ่นอาหารลอยเข้ามา    มีใครอยู่ในบ้านของเขา...
    ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ลุกลงจากเตียง   ร่างของใครคนหนึ่งก็ยกถาดใส่อาหารเข้ามาให้เขา    โอลิเวียร์ถึงกับตะลึงงัน   หรือจะเป็นเพราะพิษไข้กำลังเล่นงานเขาอยู่    ถึงได้เห็นไปว่าคนที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขาตอนนนี้ก็คือ   ลีเดีย  นั่นเอง
    “ลีเดีย…” เสียงที่เรียกชื่อนั้นเบา  ตายังจับจ้องร่างที่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะแทบไม่กระพริบ       และเมื่อร่างนั้นยกมือขึ้นเพื่อให้แขนเสื้อยาวเปิดออกเผยให้เห็นกำไลวงหนึ่งที่สวมอยู่ในข้อมือนั้น    พร้อมกับรอยยิ้มที่เขาไม่เคยลืม    และในวินาทีนั้นเองที่โอลิเวียร์ตรงเข้าไปคว้าร่างนั้นมากอดไว้แนบอก    เขาไม่สนใจว่าร่างที่กอดอยู่นี้จะเป็นแค่วิญญาณหรือเป็นคนที่ยังมีลมหายใจอยู่    ขอให้เป็นลีเดียคนรักของเขาก็พอ      
    โอลิเวียร์ซบหน้าลงกับเรือนผมนุ่ม   เขาได้กลิ่นหอมของดอกไม้ป่า    ร่างในวงแขนให้สัมผัสเย็น   ผิวขาวนั้นเรียบลื่น   ชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม   เขาค่อยๆ ดันร่างให้วงแขนออกช้าๆ เพื่อมองร่างตรงหน้าให้ชัดๆ อีกครั้ง
    ร่างเล็กบางในชุดสีเขียวอ่อน   ขับให้ผิวขาวจัดอยู่แล้วยิ่งขาวเด่นยิ่งขึ้นตัดกับเรือนผมยาวสยายดำขลับเงางามราวกับเส้นไหมที่ล้อมกรอบดวงหน้างามผ่องอมชมพู  เปล่งปลั่งผุดผาด   ริมฝีปากได้รูปแต้มด้วยสีกลีบกุหลาบแดงระเรื่อ    จมูกโด่งรับกับโครงหน้ารูปไข่    หากที่เด่นที่สุดบนใบหน้างามนั้นคือ   นัยน์ตาสีฟ้าสดใสเช่นเดียวกับท้องฟ้าในฤดูร้อน...  รายละเอียดทุกอย่างนั้นคือสิ่งที่โอลิเวียร์จำได้ไม่เคยลืม   แต่อะไรล่ะที่แปลกไปจากเดิม
    “ไม่เจอหน้ากันแค่ 6 เดือน  ก็จำข้าไม่ได้แล้วเหรอ?” เสียงใสกลั้วหัวเราะนั้นก็ยังเหมือนเดิม   โอลิเวียร์มองเลยร่างบางไปทางด้านหลังเพื่อมองกระจกที่วางอยู่ตรงนั้น    แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้มีเงา...   ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเธอไม่ใช่วิญญาณ  แต่มีตัวตนอยู่จริงๆ ถ้าอย่างนั้นทำไมทุกคนถึงได้บอกว่าเธอตายไปแล้ว
    “เจ้าคือลีเดียจริงๆ งั้นหรือ?” โอลิเวียร์ถามอย่างจะให้แน่ใจอีกที    ร่างตรงหน้าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
    “ถ้าอย่างนั้นทำไมใครๆ ถึงบอกว่าเจ้าตายไปแล้วล่ะ?”
    ร่างบางนิ่งไปนิดหนึ่งคล้ายกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง “เพราะว่าข้าตายไปแล้วจริงๆ นั่นแหล่ะ”  คำตอบนั้นทำให้คนฟังต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก   “ถ้าอย่างนั้น...แล้วทำไม...” โอลิเวียร์พยายามตั้งสติบอกกับตัวเองว่าเขาไม่กลัวผี   ยิ่งเป็นผีของคนรักเขายิ่งไม่ควรกลัว  แถมตอนนี้ก็เป็นเวลากลางวันด้วย
    “เพราะ...ไม่ว่ายังไงข้าก็อยากจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้   อยากจะรอเจ้ากลับมา “ มือขาวเรียวเอื้อมไปจับมือชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะจูงมือให้เดินตามออกไปที่ด้านนอก
    “ตั้งแต่เจ้าจากไป  ข้าก็มาที่นี่ทุกวันเพื่อรอเจ้า   แต่แล้ววันหนึ่งข้าก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมาอย่างรุนแรง…”
    ความเจ็บปวดในครั้งนั้นราวกับจะย้อนคืนกลับมาอีกครั้ง    เช่นเดียวกับวันที่ลีเดียรู้สึกหัวใจเหมือนถูกบีบอย่างแรง   แล้วร่างทั้งร่างก็ล้มลงซบกับก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่วางอยู่ใกล้กับประตูบ้าน   ก้อนหินที่ไม่เคยมีใครขยับเขยื้อนหรือเคลื่อนย้ายออกไปไหนได้    ในวินาทีนั้นจิตใจของหญิงสาวรับรู้อยู่เพียงเรื่องเดียวที่อยู่ในหัวใจ   เธอยังตายไม่ได้   เธอยังต้องรอโอลิเวียร์กลับมา   เธอต้องรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้   หัวใจของหญิงสาวร่ำร้องอยู่ข้างใน   เธอยังไม่อยากตาย   เธออยากมีร่างกายที่แข็งแรง   อยากอยู่กับเขาไปจนชั่วชีวิต   ไม่อยากแยกจากกันแบบนี้เลย   ถ้าปาฏิหาริย์ที่เฝ้าคอยมาตลอดทั้งชีวิตมีจริง    ลีเดียก็ปรารถนาอยู่เพียงสิ่งเดียว  แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

    จากคุณ : นารีจำศีล - [ 15 ส.ค. 51 20:40:51 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom