คืนหนึ่งผมรู้สึกรำคาญและหนวกหูนักศึกษาที่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆและส่งเสียงร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน โดยไม่มีความเกรงใจเพื่อนบ้านอย่างผมสักนิด...ผมลุกจากที่นอนออกไปปิดหน้าต่างดังโครมคราม เพื่อให้น้องๆนักศึกษา 5-6 คนนั้นได้รู้สึกตัว พร้อมกับดุสุนัขที่เลี้ยงไว้เสียงดังลั่น
"ส่งเสียงเห่าหอนอะไรกันนักว่ะ!! เกรงใจคนอื่นหน่อยสิ เดี๋ยวปั๊ด!!"
สาบานได้ว่าผมดุสุนัขนะครับ ไม่ดุเปล่า ผมง้างเท้าตั้งท่าจะเตะสุนัขที่ยืนทำหน้างง ฟังผมดุ
หลังจากนั้นผมก็เปิดแอร์ภายในห้อง โดยให้ทุกอย่างอยู่ในความเงียบที่สุด และก็ได้ผล...เสียงของนักศึกษากลุ่มนั้นเงียบลง ราวกับมีปาฎิหารย์
ผมพยายามข่มสายตาให้หลับภายในความมืด เพราะในสมองครุ่นคิดแคร์ความรู้สึกของนักศึกษากลัวจะเข้าใจผมผิด เรื่องเมื่อสักครู่ที่ดุสุนัข
(จ๊าก!!ใครบ้างที่จะไม่คิดว่ะ?)
และความเงียบก็ค่อยๆทำให้ภวังค์ของผมจมดิ่งลึกลงทุกๆ...
รุ่งเช้า...เกือบ 7 นาฬิกาที่ผมรู้สึกตัวลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกงัวเงีย เหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม มือควานหารีโมทเพื่อปิดแอร์ จากนั้นก็ลุกจากที่นอนจัดแจงเตรียมตัวไปทำงาน ผมรูดม่านสีเหลืองครีมที่ติดกับหัวเตียงออกให้รับแสงจากทางทิศตะวันออก ก่อนจะเดินมารูดม่านอีกด้าน พลันสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นหนูน้อยตัวหนึ่งที่งอหางขดเป็นม้วน ลำตัวสั่นสะท้านที่ไม่อาจเดาได้ว่ามันหนาวจากแอร์ที่เย็นตลอดทั้งคืน หรือว่ากลัวที่ภัยกำลังมาถึงตัว..
ถ้าผมผลักบานหน้าต่างออกไป เจ้าหนูตัวนี้ก็จะกระโดดออกไปนอกหน้าต่างได้ แต่ถ้าผมเปิดมุ่งลวดเจ้าหนูน้อยตัวนี้ก็จะวิ่งเข้ามาในห้อง...
ใจหนึ่งกสงสาร...แต่อีกใจหนึ่งก็ต้องการกำจัดเจ้าหนูพวกนี้ที่วิ่งส่งเสียงดังยามค่ำคืนบนเพดาน ...เอาไงดี...เอาไงดี...
"ปีเตอร์!! คุณมาดูหนูตัวนี้หน่อยสิ!! จะเอาไงดี?"
ผมตะโกนเรียกปีเตอร์ที่กำลังง่วนกับการอุ่นอาหารเช้าให้เจ้าสุนัขแสนรู้ ปีเตอร์เดินเข้ามาพร้อมกับเหล็กคีบถ่านอันหนึ่งในมือ...
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ปีเตอร์จัดการง้างเหล็กคีบถ่านนั้นขึ้นๆลงๆ ก้าวเข้ามาในห้องราวกับเพรชฆาตหมายจะเอาชีวิตน้อยๆนั้น
ตัวมันสั่นสะท้านด้วยความกลัวมากกว่าที่จะหนาวเหน็บจากอากาศภายนอก
"หมับ!!"
"จี๊ด!! จี๊ด!!"
เสียงหนูน้อยบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวดและแน่นหน้าอกที่ถูกบีบจากเหล็กชิ้นนั้น
"จะเอาไปไหนล่ะ ปีเตอร์?"
ผมถามอย่างสงสัย...ปีเตอร์ไม่ตอบแต่ยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย และเปิดประตูห้องออกไป ผมมองออกไปจากนอกหน้าต่าง เสียงปีเตอร์เรียกสุนัขที่เดินเตร็ดเตร่แถวนั้น ทั้งหมดกรูกันมายืนทำหน้าสลอนจ้องมองสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆในมือของเจ้านาย...
"งานเข้าแล้วตรู"
ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของเจ้าหนูน้อย หรือเจ้าสุนัขทั้งหลายกันแน่...
"อย่าเสียเวลากับมันอยู่เลย..เดี๋ยวจะไปทำงานไม่ทัน เอาถุงพลาสติดใส่หนูไว้ก่อน แล้วถึงปล่อยให้หมาไล่จับ.."
ผมนึกสนุก...โห!!ใครจะรู้ว่าหน้าตาที่ดูดีจะมีจิตใจโหดเหี้ยมกับเขาเป็นเหมือนกัน
"ปล่อยมันดีกว่า?"
จู่ๆปีเตอร์ก็เปลี่ยนใจ และลึกๆผมก็โล่งใจ (จริงเหรอ?)
อย่างน้อยๆเช้าตรู่ของวันนี้ ผมและปีเตอร์ก็ไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัวน้อยๆให้เป็นบาปติดตัว...
"'งั้นโยนมันออกไปนอกรั้วเลยสิ"
ผมบอกปีเตอร์ผ่านม่านมุ้งลวดออกไป ปีเตอร์ทำตามแต่โดยดี แล้วรีบขึ้นมาล้างมือและอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
....
รอดไปนะ...เจ้าหนูน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ผมและปีเตอร์ก็ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเจ้าล่ะกัน...ขออโหสิกรรมให้ด้วยล่ะ!!ที่ผมและปีเตอร์ผิดพลาดไปด้วยการกระทำ วจีกรรมที่ล่วงเกินเจ้าหนูน้อยไปก่อนหน้านี้...สาธุนะ
จากคุณ :
ออมสินไตตั้น
- [
16 ส.ค. 51 18:08:18
]