ห้องว่างให้เช่า
สายลมเย็นอ่อน ๆ พัดผ่านผิวกายผมไป ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือก
ลึกเข้าไปถึงกระดูกอย่างประหลาด ฟ้าครึ้มมาแต่ไกล คาดว่าอีกมีนานฝน
คงตก ผมต้องเร่งรีบหาห้องเช่าให้ได้เป็นการด่วนเสียแล้ว หลังจากที่เดิน
หามาทั้งวันตั้งแต่เช้า ภายใต้ภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ขอที่ไม่ต้องแพง
มากก็ได้ เพราะผมมีเงินอยู่จำนวนจำกัด และต้องเอาไว้ใช้ให้ถึงจนกว่าจะ
หางานใหม่ทำได้.
คนมันอยู่ในช่วงขาลงก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่น่าเชื่อว่า เมื่อวาน
ผมยังเป็นคนมีอันจะกิน และมีงานการทำที่มั่นคง รายได้หรือก็เกือบครึ่ง
แสน มีตำแหน่งงานในบริษัทขนาดใหญ่ ในชีวิตคงไม่ต้องมีอะไรเดือด
ร้อนอีกแล้ว ถ้าเหตุการณ์จะไม่เปลี่ยนไปเสียก่อน
นี่แหละหนาที่ว่ากันว่า อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ เหมือนมีอะไรบางอย่างคอยควบ
คุมอยู่ แม้เราจะพยายามฝืนอย่างไรก็ตาม บทสรุปสุดท้าย ก็คงเป็นอย่าง
เดิม และคงหนีความจริงข้อนี้ไปไม่พ้น.
ผมทุ่มเทให้กับการทำงานที่บริษัทแห่งนั้น ในตำแหน่งพนักงาน
ตรวจสอบบัญชี จนแทบจะไม่มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง ผลตอบแทนที่ผมได้
รับจากการตรากตรำทำงาน คือการถูกไล่ออกด้วยความผิดเพียงน้อยนิดใน
ความคิดผม แต่หากสร้างความเสียหายให้กับบริษัทแห่งนั้นบ้าง เพราะโดน
ภาษีย้อนหลังไปพอสมควร ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมเชื่อว่า ความเสียหาย
เท่านี้ ไม่ถึงขนาดทำให้บริษัทต้องล้มหรอกน่า แค่ไม่กี่สิบล้านเอง ก็ใคร
มันจะไปรู้ล่ะครับว่า มันจะเป็นแบบนี้ ท่านประธานบริษัทได้เรียกผมไปคุย
และแจ้งข่าวกับผมว่า ทางบริษัทพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว จำเป็นต้องให้ผมออก
แม้ผมจะอยู่ที่นี่มานาน และทำความผิดบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่จับได้ แต่
มันหลายครั้งเหลือเกิน และที่หนักที่สุดก็งานบัญชีที่คุณรับผิดชอบอยู่ทำให้
บริษัทถูกเรียกเก็บ ภาษีย้อนหลัง และต้องจ่าย หลังอานเลย...
ผมฟังนิ่งและแย้งในใจ อะไรกันเหตุผลเพียงแค่นี้เองเหรอในการที่จะให้ผม
ออก และยังบอกอีกว่า ทางบริษัทยินดีจ่ายค่าชดเชยให้คุณ แต่จ่ายได้
เพียงเดือนเดียวเท่านั้น หากคุณไม่พอใจ ก็ให้คุณไปฟ้องเอาเอง...
ไร้เยื่อใยชะมัด แค่ทำตัวเลขงบดุลบริษัทผิดเกินไปเพียงแค่
2 3 หลักเท่านั้น...และก็มาทำงานสายบ้างช่วงหลัง ๆ และแอบหลับบ้าง
บางครั้ง แต่เอาเหอะ ยังไงผมก็เป็นแค่ลูกจ้าง จะให้อยู่หรือไล่ออกก็
แล้วแต่นายจ้างพอใจ นี่ผมทุ่มเทให้กับบริษัทไม่พอใช่ไหม...
หลังจากที่ผมตกงานแล้ว บ้านพักสวัสดิการของบริษัท ผมก็
หมดสิทธิอยู่ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ผมต้อง แบกกระเป๋าเดินทางเหมือนไปต่าง
ประเทศ แต่กลับมาเดินหาห้องพักราคาถูกแถวย่านชุมชนแห่งนี้
ฝนเริ่มลงเม็ดบ้างแล้ว ผมเดินหาที่หลบฝนโดยการเลี่ยงเดินเข้า
ไปในซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างรกทึ้มไปด้วยต้นไม้และต้นหญ้าขึ้นสูง ผม
มองเข้าไปภายในซอยด้วยความฉงนสงสัยว่า ในใจกลางกรุงเทพ แถว
ถนนรามคำแหงยังมีที่แบบนี้หลงเหลืออยู่อีกหรือ ลึก ๆ เข้าไปในซอย ผม
มองเห็นอพาร์ทเม้นอยู่ไม่ไกลมากนัก ผมตัดสินใจกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อให้ถึงที่
หมายโดยไว เพราะฝนฟ้าเริ่มรั่วหนักมากขึ้นแล้ว
บังเอิญเสียจนแปลกใจ ที่อพาร์ทเม้นแห่งนี้ สภาพก็ยังใหม่
ราคาก็ไม่แพง พอดีว่างอยู่หนึ่งห้อง คนดูแลอพาร์ทเม้นท์บอกให้ฟังว่า
อยู่ ๆ เจ้าของห้องก็หายไป นานร่วม สองเดือนแล้ว ทางอพาร์ทเม้นจึงต้อง
ใช้กุญแจสำรองเปิดห้อง และเก็บของ ๆ เจ้าของห้องเช่าเดิมออกมาเก็บไว้
และนี่พึ่งจะทำความสะอาดเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง คนดูแลอพาร์ทเม้น
หญิงร่างอ้วน เตี้ย อายุราว สามสิบต้น ๆ บอกผม เมื่อผมแจ้งความต้อง
การออกไป พร้อมทั้งชี้ไม้ชี้มือไปที่กองข้าวของที่ถูกขนย้ายออกมาโดยคน
งาน ชาย สองคน อีกคนมองมาทางผมด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วเลี่ยงสาย
ตาไปหาคนดูแลอพาร์ทเม้น พร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปากให้กับเจ้าของร่าง
อ้วน เตี้ยนั้น
ถ้าคุณสนใจเช่าต่อก็วางมัดจำสองเดือน แล้วห้องนี้ก็เป็นของ
คุณทันที เธอกล่าวย้ำอีกที
ในขณะที่ผมกำลังเพ็งพินิจกับข้าวของที่ถูกย้าย
ขนออกมา เห็นเสื้อผ้า ดูเหมือนจะเป็นของผู้หญิงเพราะสังเกตเห็นเสื้อปิด
นมด้วย ขนาดพอประมาณทีเดียว เสื้อสายเดี่ยวสีแดงด้วย คิดว่าคงเป็นวัย
รุ่นหรือนักศึกษาแถวนี้เป็นแน่แท้ แต่ในใจก็นึกแปลกใจ จึงออกปากถาม
คนดูแลอพาร์ทเม้นไปว่า
แล้วเธอหายไปไหนครับ
ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คงหนีตามผู้ชายมั้ง เห็นแฟนมาหาหลายครั้ง
อย่างว่าคนหน้าตาดีก็งี้แหละน้อง อพาร์ทเม้นเนี่ย เด็กนักศึกษา
ต่างจังหวัด หน้าตาดี เข้ามาพักที่นี่เยอะ ปีนี้ พี่ยังแปลกใจเลย...
เธอเปลี่ยนศัพท์นามเรียกผมเหมือนสนิทกันปานญาติพี่น้อง (ก็เรียกผมน้องนิ)
ความสงสัยผมก็คลายจางไปพร้อมกับ
คำตอบส่งเดชของเธอ
แล้วว่าไงล่ะน้อง จะเอาไหมห้องนะ ถ้ายังไงก็ วางเงินแล้วขึ้นไปดูห้องได้เลย
เธอถามย้ำผมด้วยน้ำเสียงที่เครียดลง...
ผมไม่รอช้า เดินหามาทั้งวัน โชคดีแค่ไหนแล้วที่ผมได้ที่พัก
เสียที สภาพภายนอกอพาร์ทเม้น ยังเอี่ยมเสียด้วย ผมมองไปรอบ ๆ
บริเวณเพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ พลันผมก็สบตาเอากับสายตาคมคู่หนึ่งเข้า เธอ
นั่งอยู่ตรงโต๊ะภายในล๊อบบี้ข้าง ๆ ของที่ถูกขนย้ายมาจากห้องที่ผมกำลังจะ
เข้าอยู่ เธออยู่ในชุดนักศึกษา เสื้อสีขาวรัดรูป ทรงเธอก็โตพอใช้ได้
กระโปรงไม่สั้นมาก เพ็งพิศดูก็พองาม เส้นผมดำขลับ ยาวประบ่า ผิดขาว
จัด ริมฝีปากบางเป็นสีชมพูได้รูปน่าจุ๊บน่าหอมนั้นรับกับใบหน้ารูปใข่ สวย
ยิ่งนัก เธอมองมาทางผม เหมือนจ้องเขม็ง นัยน์ตาดูเศร้า ๆ สักพักพอให้
ผมหายตะลึง และผมต้องหลบสายตาคู่นั้นด้วยความเขินอาย แต่มองกลับ
ไปหาเธออีกครั้ง...
อ้าว...เธอหายไปแล้ว สงสัยผมคงหลบสายตาคู่ดุ คู่นั้นนานไปหน่อย หรือ
ไม่ก็ตาฝาด อาจเพราะเหนื่อยกับการเดิน...เดิน...เดิน ภายใต้อากาศที่ร้อน
อบอ้าว และเปียกฝนนิดหน่อยตอนวิ่งมาที่นี่...ก็เป็นได้
ผมควรขึ้นห้องพักและจัดแจงข้าวของ อาบน้ำ และก็นอนพัก
สักงีบ ผมบอกตัวเองอย่างนั้น และก้าวขาตามผู้ดูแลอพาร์ทเม้นไปยังห้อง
ว่างดังกล่าว เหมือนคนเหม่อลอย
420 เป็นเบอร์ห้อง ที่ผมต้องอาศัยอีกหลายคืนนับจากนี้ คน
ดูแลมอบกุญแจให้ผมชุดหนึ่ง ก่อนที่จะขอแยกตัวออกไปทำธุระส่วนตัว
ของแก
ก้าวแรกที่ผมเข้ามาในห้องนี้ ผมสัมผัสได้ถึง กลิ่นไอที่อับชื้นเฉอะแฉะ
และอบอ้าวเป็นกำลัง เหมือนอยู่ห้องอบซาวน่าก็ไม่ปาน ภายในบริเวณ
ห้อง ประกอบไปด้วย ตู้เสื้อผ้าขนาด หนึ่งเมตรครึ่ง เตียง ขนาด ห้า ฟุต
และห้องน้ำก็มีอ่างอาบน้ำเสียด้วย ความมืดสลัวยามพลบค่ำเช่นนี้ ทำให้
ผมมองอะไรไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควร มีเพียงแสงไฟรอดผ่านร่องหน้าต่าง
ออกมาเท่านั้น ผมเดินไปเปิดสวิทไฟที่อยู่บริเวณหัวเตียงเพื่อหวังเพิ่มความ
สว่างในการสำรวจห้องได้ดียิ่งขึ้น
แกร๊ก...ไฟหัวเตียง ติด ๆ ดับ ๆ ให้ผมลุ้นอยู่ว่ามันจะใช้ได้ไหม และแล้ว
อาการ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็ชัดเจนเมื่อมันไม่แสดงอาการอะไรให้ผมเห็นอีก
เลย แม้แต่แสงไฟจากขดลวดของมัน ผมเดินไปที่หน้าต่างของห้องที่ทำ
ด้วยไม้ และมีเพียงบานเดียวเท่านั้น พร้อมทั้งออกแรงผลักเต็มที่ ด้วยหวัง
ให้อากาศได้ระบายถ่ายเท และหวังพึ่งแสงสว่างจากไฟข้างนอกอพาร์ทเม้น
บ้าง แต่หน้าต่างก็ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย รู้สึกเหมือนติดอะไร
บางอย่างอยู่ ผมจึงรีบสำรวจบริเวณทั้งสี่ด้านของหน้าต่าง และผมก็พบคำ
ตอบ มันถูกลงกลอนอยู่นั่นเอง.
ผมผลักหน้าต่างอีกครั้ง หลังจากสะเดาะกลอนให้ออกไป แสงสว่าง และ
สายลมได้หอบเอาไอเย็นยะเยือกไหลลึกถึงกระดูกอย่างประหลาดเข้ามาใน
ห้อง ผมต้องกอดอกอย่างเสียไม่ได้ เพื่อหวังให้อ้อมกอดของตัวเองขับไล่
ความเย็นลงไปได้บ้าง
สงสัยผมคงจะไม่สบาย ผมคิด และเดินถอยหลัง พร้อมกับล้มตัวลงนอน
บนฟูกที่ยังไม่ได้ปูที่นอน กลิ่นอับจากที่นอนทำเอาผมแทบอ้วก และต้อง
รีบดีดตัวกลับขึ้นมา ไม่ไหวจริง ๆ กลิ่นแบบนี้ ไปนอนให้ยุงกัดอยู่ข้างนอก
ดีกว่า ผมคิดประชดตัวเอง
ผมทิ้งสัมภาระไว้ในห้องและเดินไปแจ้งคนดูแลหอ ที่ตอนนี้ดูเหมือนใบ
หน้าที่บ่งบอกอารมณ์ของเธอ เปลี่ยนไป ดูไม่เหมือนกับตอนแรกที่ผมเข้า
มาติดต่อเลย อาจเป็นไปได้ว่า คงได้ไปทะเลาะกับใครบางคนมา
ผมแจ้งปัญหาเรื่องที่นอนเหม็นอับ และ หลอดหัวเตียงที่ใช้งานไม่ได้ ให้
เธอรับทราบ เธอบอกว่าจะส่งช่างไปจัดการให้ใน 10 นาที และจะเปลี่ยน
ฟูกให้ด้วย ให้ผมขึ้นไปรอก่อน ผมออกตัวว่าขอรออยู่ข้างล่างดีกว่า เสร็จ
แล้วบอกผมด้วย พร้อมกับยื่นกุญแจให้เจ้าหล่อนไป
เธอมองหน้าผมแว๊บหนึ่งก่อนที่จะรับกุญแจจากมือผมไป และยกหูโทรศัพท์
เรียกช่างมาตามที่บอก...ผมย้ายร่างกายที่เหนื่ยอ่อนของตัวเองมาที่ ล๊อบ
บี้ และนั่งลงตรงม้านั่งตัวที่ผมเห็นหญิงสาวแสนสวยคนนั้นแหละ พลางนึก
เธออยู่ห้องไหนนะ น่ารักเป็นบ้า...คงได้เจอกันอีก เพราะเราได้ย้ายมาอยู่
ชายคาเดียวกันแล้ว ผมคิดและเผลอยิ้มอยู่คนเดียว เหมือนคนตกหลุม
รัก...
.................................
มีต่อครับ
แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 51 01:43:36
จากคุณ :
p_phet
- [
23 ส.ค. 51 01:33:26
]