Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จิเซล ไดอารี่

    21 กันยายน

    3.30PM

    วันนี้เขียนไดอารีเร็วหน่อย มันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อก ฉันคงทำอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเขียนระบายในสมุดไดอารี่เล่มนี้ วันนี้ฉันอ่านข่าวในเว็บ มีข่าวเรื่องเขาด้วย!

    “สลัดคราบคาสโนวา ลั่นกระดิ่งวิวาห์ปลายปี”

    4.15PM
    แม่โทรมาถามหาสร้อยไข่มุกญี่ปุ่นที่มาลืมไว้ที่อพาร์ทเมนท์ของฉันเมื่อสองปีก่อน ตั้งสองปีมาแล้วแม่ยังจะจำได้อีกเหรอเนี่ย ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่ามันยังอยู่หรือเปล่า แต่พอไปเปิดกล่องที่ฉันเอาไว้หมักของมีค่า เก่าเก็บ ก็เจอ เฮ้อออ ดีนะที่เจอ ไม่งั้นฉันคงโดนแม่โทรจิกทุกวันให้ควานหามันจนเจอให้ได้

    พระเจ้า นอกจากสร้อยไข่มุกญี่ปุ่น ฉันยังเจอกล่องดำอีกด้วย ถึงมันจะเป็นกล่องสีชมพู ปุกปุยไปด้วยขนนกสีชมพู ตรงกลางมีโบว์ล้อมรอบด้วยมุก(เก๊)สีขาวอมมพู แต่ฉันก็เรียกมันว่ากล่องดำ เพราะมันเป็นหลุมดำในใจฉัน มันมาอยู่ตรงหน้าฉันแล้วตอนนี้ ฉันรื้อของในกล่องออกมากระจัดกระจายเต็มโต๊ะไปหมด ความทรงจำเก่า ๆ ของเขา....กับฉัน

    พวงกุญแจน้องหนูจิบิมารูโกะ สมัยก่อนฉันคลั่งไคล้จิบิมารูโกะมาก ถึขนาดเคยทำผมบ๊อบ ตัดหน้าม้าให้เหมือนจิบิมารุโกะ พอฉันตัดผมทรงนี้มาปุ๊บ รุ่งเช้าเขาก็ยื่นพวงกุญแจนี้ให้ บอกว่าเป็นพวงกุญแจรูปตัวฉันเอง ตั้งแต่นั้นมาฉันห้อยกุญแจอพาร์ทเมนต์ไว้กับพวงกุญแจนี้ตลอด

    โทรศัพท์มือถือที่เคยใช้ที่ญี่ปุ่น ด้านหลังมีรูปสติ๊กเกอร์ฉันกับเขาที่ลางเลือกไปมากแล้ว

    การ์ดวันเกิด 7 ใบ เราตกลงกันว่าเราจะไม่มีของขวัญวันเกิดเป็นสิ่งของให้แก่กัน ยกเว้นการ์ดและอาหารค่ำ

    สร้อยคอทองคำขาว เป็นสร้อยคอเพียงเส้นเดียวที่เขาให้ฉัน หลังจากนั้นเขาก็ซื้อจี้รูปต่าง ๆ ให้ฉันอยู่เสมอ สร้อยและจี้พวกนี้ถูกเก็บอยู่ในห่อกระเป๋าใบเล็กๆอีกที

    โอะมะโมะริ หลายห่อจากการไปท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ


    พวกรูปถ่ายนี่สมัยที่เรายังใช้กล้องใส่ฟิล์มกันอยู่เลย สมัยนั้นน่าจะมีกล้องดิจิตัลถูกๆให้ใช้เหมือนตอนนี้บ้างนะ เราจะได้ไม่ต้องเก็บรูปพวกนี้ไว้ เพราะกล้องดิจิตัลทำให้คนไม่อัดรูปกันเยอะๆเหมือนสมัยก่อน เราจะปรินท์รูปตอนที่อยากจะใช้ไปทำอะไรเท่านั้น

    อุ๊ย รูปนี้ กี่ปีแล้วนะ ตอนนั้นฉันอายุแค่ 18-19 เท่านั้นเอง มันเป็นรูปถ่ายวันแรกในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น ฮีซุงบอกว่ามันเป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์หน้าสำคัญในชีวิตของพวกเรา พวกเราทั้ง 15 คน ต่างก็มาจากต่างที่ ต่างถิ่น แต่โชคชะตาก็พาให้พวกเราข้ามทะเลมาถึงเกาะญี่ปุ่น มันเป็นพรหมลิขิตที่พวกเราทั้ง 15 ชีวิตมาผูกพันกัน คิดถึงเพื่อน ๆ จัง พวกเราสนิทกันมากอย่างเหลือเชื่อ ป่านนี้ทุกคนจะเป็นยังไงกันบ้างนะ ตั้งแต่ฉันหลบมาอยู่ที่ปารีสนี่ ฉันก็ตัดขาดกับเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้ติดต่อกับใครอีกเลย

    วันนั้นเป็นวันแรกที่ฉันได้เจอกับเขา เราเป็นคนไทยเพียง 2 คนในห้อง อืม...จะเรียกว่าคนไทย 2 คนหรือเปล่านะ เขาเป็นคนไทย อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ฉันเป็นอเมริกันเชื้อสายไทย เกิดและโตในนิวยอร์ค ชีวิตของฉันจนถึงตอนนั้น (จะว่าไปก็ “จนถึงตอนนี้” ด้วย) เคยไปไทยแลนด์แค่สองหนเท่านั้นเอง แต่ฉันก็พูดไทยได้ แถมยังอ่านแล้วก็เขียนภาษาไทยได้ด้วย แม่จ้างคนไทยมาเป็นครูพิเศษให้ฉันกับน้องสาวมาตั้งแต่ 8 ขวบ แถมยังมีเพื่อนซี้เป็นคนไทยสมัยไฮสคูลด้วย การได้เพื่อนคนไทยในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก แถมยังเรียนห้องเดียวกันด้วยเป็นเรื่องพิเศษมากๆสำหรับฉัน

    ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปเร็วมากเหมือนกับภาษาไทยของฉันที่เก่งขึ้นเยอะจากการได้พูดคุยกับเขาทุกวัน เปิดเรียนไปแค่ 2 เดือน เราก็กลายเป็นคู่ “Ume’s sweetheart” คู่รักคู่แรกและคู่เดียวของห้องอุเมะ มาคิด ๆ ดูแล้ว ที่ฉันหลงรักเขาหัวปักหัวปำอย่างรวดเร็วคงเป็นเพราะ บรรยากาศฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม โรแมนติก แถมยังเป็นครั้งแรกที่ฉันคบหากับเพื่อนชายได้อย่างเสรี เพราะแม่จับฉันเข้าโรงเรียนสตรีมาตลอดจนจบไฮสคูล แล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกันครั้งแรกในคืนวันทะนะบะตะ เจ้าหญิงทอผ้ากับคนเลี้ยงวัวคงอิจฉาเรา

    ความรักของเรามันเป็นไปด้วยดีอยู่หนึ่งปี จนกระทั่งเราเรียนจบจากโรงเรียนภาษาญี่ปุ่น เขาเข้ามหาวิทยาลัย ฉันเข้าแฟชั่นคอลเลจ เรายังเป็นแฟนกัน แต่สถานการณ์ของเราเริ่มสั่นคลอน ในขณะที่ฉันมุ่งมั่นอยู่กับการดีไซน์ วาดแพทเทิร์น และเย็บผ้า เขาไม่ได้มุ่งมั่นเรื่องเรียนเท่าไหร่นัก เขาเข้ามหาวิทยาลัยท็อปคลาสของญี่ปุ่นได้ เท่านั้นก็พอแล้ว อนาคตของเขารุ่งโรจน์แน่ เขาระเริงกับกิจกรรมต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ปาร์ตี้ และผู้หญิง

    ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงพวกนั้นเลยจริง ๆ ทั้งๆที่รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว ก็ยังจะมายุ่งกับเขา ขนาดฉันยืนหัวโด่อยู่ในงานปาร์ตี้ด้วย พวกหล่อนยังทอดสายตาให้เขาอีก หลายครั้งที่ฉันจี๊ดขึ้นมาหวิดจะมีเรื่องตบตีกันกลางงาน สัก 4-5 ครั้งได้ล่ะมั้งที่ฉันตบตีกับพวกผู้หญิงที่อยากจะแย่งแฟนชาวบ้าน 7 ปีที่เราเป็นแฟนกัน นอกจากปีแรกที่หวานชื่น อีก 6 ปีที่เหลือ ความรักของเราสองคนออกจะลุ่มๆดอนๆมาตลอด รักๆเลิกๆกันก็หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ฉันบอกเลิก เขาก็จะมาง้อฉันในวันต่อมา แล้วเราก็เป็นแฟนกันหมือนเดิม

    อันที่จริง เราสองคนเข้ากันได้ดีนะ ดีอย่างเหลือเชื่อ ถึงเราจะไม่ได้ชอบอะไรเหมือนกันไปซะทุกอย่าง แต่เราไม่จำเป็นต้องปรับตัวเข้าหากัน เพราะเรายอมรับในตัวตนซึ่งกันและกัน ฉันยอมรับเขาได้ทุกอย่างนะ ยกเว้นความเจ้าชู้ ฉันโกรธเป็นบ้าเรื่องที่เขามีผู้หญิงอื่นเป็นประจำ ฉันรับไม่ได้ที่เขาไม่ซื่อสัตย์กับฉัน เขาบอกว่าก็แค่เรื่องสนุก เขารักฉันที่สุด ฉันเป็นที่หนึ่งเสมอ ฉันไม่ได้อยากเป็นที่หนึ่ง แต่ฉันอยากเป็น “หนึ่งเดียว” เขาบอกว่าฉันเป็นหนึ่งเดียวที่เขารัก

    ครั้งหนึ่งเพื่อน ๆ คนไทยบอกว่า เราสองคนเป็น “คู่กรรม” กรรมของคนรอบข้างที่มารู้จักเรา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้จักคำว่า “กรรม” คำนี้แปลว่า การกระทำ แต่สำหรับคนไทยดูเหมือนจะหมายถึง “สิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นกับตัวเรา” มากกว่า มันก็คงจะจริง ฉันเคยโมโหคว้าแจกันขว้างใส่เขา แต่เขาหลบทัน มันก็เลยลอยไปฟาดเข้าที่หัวมูราฟ เพื่อนชาวอัฟริกาใต้ของเราแทน น่าสงสารมูราฟ เย็บไปหลายเข็ม หรืออีกครั้งหนึ่งที่ฉันโกรธจนไม่ยอมออกจากอพาร์ทเมนท์มาพบหน้าเขา เขาก็เลยจับเรโกะไว้เป็นตัวประกันหน้าอพาร์ทเมนท์จนกว่าฉันจะยอมลงมาคุยกับเขา เรโกะโทรศัพท์มาบอกฉันว่า เธอปวดฉี่จะแย่อยู่แล้ว ถ้าฉันไม่ลงคุยกับเขา เธอคงต้องไปฉี่ในพุ่มไม้ของสวนสาธารณะหน้าอพาร์ทเมนท์ จำได้ว่าช่วงนั้นประมาณกลางเดือนมกราคมที่หนาวมาก ฉันสงสารเรโกะ ก็เลยต้องลงมาคุยกับเขา

    เรื่องของเรามาถึงจุดแตกหัก 5 วันก่อนคริสมาส ฉันไปหาเขาที่อพาร์ทเมนท์แบบเซอร์ไพรส์เพื่อที่จะบอกข่าวสำคัญแก่เขา แต่เรากลับช็อคด้วยกันทั้งคู่ เพราะเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง แต่มียัยแม่มด นางมารร้ายอะริสะคู่แข่งของฉันเปลือยกายอยู่บนเตียงด้วย นอกจากจะอยากเอาชนะฉันเรื่องงานแล้ว เธอยังจะเอาผู้ชายของฉันด้วยเหรอ ยัยนั่นยิ้มเย้ยฉันอยู่บนเตียงอย่างสะใจ เขาก็รู้ว่าฉันเกลียดยัยนั่นเข้าไส้ แต่ก็ยัง...... แค่เขานอนกับคนอื่นฉันก็แทบจะทนไม่ได้อยู่แล้ว แต่เป็นยัยอะริสะนี่ ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้จริง ๆ ที่จะลุยเข้าไปตบหน้าหล่อนเพื่อ... เพื่ออะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันรู้แต่ว่าฉันสติแตก แล้วสิ่งที่ฉันช็อกยิ่งกว่าก็ตามมา เขาบอกเลิกฉัน

    “เราเลิกกันเถอะ เรารักกัน แต่เราอยู่ด้วยกันไม่รอดหรอก”

    หลอดไฟของฉันมันดับมานาน เพิ่งจะติดไฟก็วันนี้ รอบกายฉันมันสว่างขึ้นในทันใด ใช่ เราอยู่ด้วยกันไม่รอดหรอก ฉันรักเขาให้ตายแค่ไหน เราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เขาไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกฉัน ถ้าเราจำเป็นต้องแต่งงานกันเพื่อลูก เราคงทะเลาะกันไม่รู้จบ วันหนึ่งเราก็ต้องหย่ากัน ลูกจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา สู้ให้แกไม่มีพ่อเสียแต่แรกดีกว่า ฉันเชื่อว่าฉันจะเลี้ยงดูแกได้อย่างดี ให้ความรักแกได้อย่างเพียงพอ

    ฉันยอมรับข้อเสนอของเขา เราจบกันกัน เราจะเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันอีก ฉันไม่เสียน้ำตาสักนิด ฉันเข้มแข็งมากจนตัวเองยังแปลกใจ คงเป็นเพราะฉันเจ็บมานานจนด้านชา เสียน้ำตามากมากจนไม่มีจะเสีย คืนนั้นฉันตั้งสติโทรศัพท์ไปหาปิแอร์ ตอบรับข้อเสนอที่เขาชวนฉันมาทำงานกับเขาที่ปารีส วันรุ่งขึ้นฉันจองตั๋วเครื่องบินไฟลท์ดึก เก็บข้าวของที่จำเป็นและฝากให้รุ่นพี่ที่ทำงานของฉันจัดการเรื่องคืนห้องหักและธุรกรรมของฉันหลายๆอย่างในญี่ปุ่น หัวหน้าของฉันใจดีมาก เธอไม่ว่าอะไรเลยที่ฉันออกจากงานกะทันหัน เธอบอกว่าดีแล้วที่ฉันตัดใจจากผู้ชายห่วยๆพรรค์นั้นได้เสียที

    เซียราตกใจมากเรื่องที่ฉันจะอุ้มท้องและคลอดลูกที่ปารีสเพียงลำพัง แต่ฉันไม่อาจกลับไปนิวยอร์คได้ แค่ฉันมีลูกโดยไม่ได้แต่งงาน พ่อแม่ก็คงเสียใจมากอยู่แล้ว แต่ถ้าฉันกลับไปอยู่ที่นิวยอร์ค ผู้คนก็คงจะซุบซิบกันเรื่องฉัน ฉันจะสร้างความอับอายให้พ่อแม่ เซียราขอให้ฉันไปอยู่แอลเอด้วยกัน แต่ที่แอลเอ คนไทยเยอะเกินไป ฉันจะสร้างความอับอายให้พ่อแม่อยู่ดี ฉันอยู่ที่ปารีสนี่แหละ พ่อแม่จะไม่อับอายเรื่องของฉัน ตอนแรกพ่อแม่โกรธมากที่ฉันท้องและยืนยันที่จะไม่แต่งงานและไม่บอกว่าใครคือพ่อของเด็ก พวกเขาไม่คุยกับฉันเลยจนกระทั่งฉันคลอดแอนเดรียกับรอส (พวกเขาเห่อหลานมากจนฉันงง นึกว่าจะตัดขาดฉันไปชั่ชีวิต) โชคดีที่เซียราทำเงินได้เยอะจากพรสวรรค์ในการแต่งเพลงและเล่นดนตรี เธอส่งเงินให้ฉันเสมอทำให้ฉันใช้ชีวิตช่วงเริ่มต้นแบบสาวท้องโตในปารีสได้อย่างไม่ลำบากนัก และมาอยู่กับฉันในช่วงที่เธอว่าง ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งน้องสาวที่แสนวิเศษมาให้ฉัน พอฉันมีลูก พ่อกับแม่ก็หาอพาร์ทเมนท์ใหม่ให้ฉันอยู่เพื่อให้แอนเดรียกับรอสอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี แถมยังให้เงินค่าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วยจนฉันตั้งตัวได้ งานของฉันที่นี่ก็เยี่ยมมาก

    ฉันตัดขาดจากเขาโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังได้ยินข่าวคราวบ้าง หลังจากที่เราเลิกกันไม่นาน เขาก็เรียนจบปริญญาโทและกลับไทย ด้วยความที่รูปหล่อ เขาได้เล่นละครและกลายเป็นพระเอกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ควบคู่ไปกับข่าวผู้หญิงและตำแหน่งพระเอกที่เจ้าชู้ที่สุดในวงการ แอนนี่เล่าให้ฉันฟังหลายครั้งว่าเจอกับเขาที่งานสังคมต่างๆ เขาจำได้แอนนี่ได้ว่าเป็นเพื่อนรักของฉันที่เรียนไฮสคูลมาด้วยกัน เขายังพูดถึงตอนที่เราพาแอนนี่ไปเที่ยวฮอกไกโดกันเลย แต่แอนนี่ไม่เคยพูดสักครั้งว่าเขาถามถึงฉัน อะไรกันแค่ว่า “จิเซลสบายดีหรือเปล่า” ยังไม่หลุดออกมาจากปากเขาเลยเหรอ พระเจ้า ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเรื่องนี้ มันทำให้ฉันโมโหนะ ไม่ ฉันไม่เจ็บปวดเลยสักนิด เขาไม่ได้มีความหมายอะไร ฉันก็แค่โมโหเท่านั้นเอง

    โมนาพาแอนเดรียกับรอสกลับมาจากว่ายน้ำแล้ว คืนนี้เราจะไปกินอาหารจีนกัน

    22 สิงหาคม
    1.00PM
    แอนนี่โทรศัพท์มาบอกว่า เขาจะไปอเมริกา และอยากจะพบฉันสักครั้ง แอนนี่ยังไม่ได้บอกเขาว่าฉันอยู่ปารีส ฉันจะให้บอกหรือเปล่า????

    จากคุณ : jub-(^ 3^)-jub - [ 23 ส.ค. 51 01:49:55 A:124.120.202.186 X: TicketID:143748 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom