จริงๆ แต่งไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้นำมาลงที่นี่
แต่งตั้งแต่ มีนาคม 2551 ส่งอาจารย์เป็นงานปลายเทอม
วิชาร้อยกรอง - ร้อยแก้ว ฝากด้วยนะครับ
----------------------------------------------------------------------
พลิกแผนซ้อน
ซ่อนแผนฆาตกรรม
รถยุโรปสีดำคันงามแล่นฝ่าพายุฝนมุ่งตรงสู่เคหาสน์หลังใหญ่ย่านชานเมือง เมื่อถึงหน้าที่หมาย เครื่องยนต์ดับลงสนิท ทั้งสี่ชีวิตต่างมองดูสภาพอากาศที่ไม่สู้ดีอย่างหมดหวัง มาริสา สุสุขเสวี ผู้หญิงคนเดียวในรถโทรศัพท์เรียก แก้ว เด็กรับใช้ให้เปิดประตูเคหาสน์ และนำร่มมาให้พอรับคนเป็นเจ้านายทั้งสี่คน
เมฆฝนดำ รถสีดำ ชุดที่ทุกชีวิตสวมอยู่ก็ดำสนิท ราวกับทุกอย่างเป็นใจที่จะร่วมไว้อาลัยสำหรับการจากไปของ อภิชาติ สุสุขเสวี มหาเศรษฐีชื่อดังเจ้าของกิจการวัสดุก่อสร้าง ทรัวแอสเว ท่านเป็นโรคหัวใจ ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ สมาชิกทุกคนในบ้านก็ประคับประคองอาการป่วยของท่านมาตลอด แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าท่านจะด่วนจากไปในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้
มาริสาเป็นเพียงสะใภ้ที่แต่งเข้าบ้าน แท้จริงแล้ว อภิชาติ สุสุขเสวี มีทายาททั้งหมดสามคน คือ เอกสิทธิ์ สุสุขเสวี ลูกชายคนโตรูปร่างล่ำสัน ภูริ ลูกชายคนรองรูปร่างสูงโปร่ง และ ชัยชาญ ลูกชายคนสุดท้องรูปร่างสมส่วน ซึ่งเป็นสามีของมาริสานั่นเอง
การเสียชีวิตของอภิชาติ ทั้งตำรวจและแพทย์ต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า สาเหตุการตายคือ หัวใจวาย และสาเหตุของอาการหัวใจวาย คือ ความตกใจกลัวกับบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของเอกสิทธิ์ที่ว่า หลังๆ คุณพ่อบอกว่า พบเห็นคุณแม่มาชวนให้ไปอยู่ด้วยกันบ่อยๆ คำให้การของภูริที่ว่า คุณพ่อชอบบอกว่าเห็นภาพวิญญาณของคุณแม่มาหา และคำให้การของชัยชาญ กับ มาริสา ที่ว่า คุณพ่อมักพูดเสมอ บอกให้เราสองคนมีหลานให้ท่านอุ้มเร็วๆ เพราะไม่รู้ว่าคุณแม่จะมาพาคุณพ่อไปเมื่อไหร่
และเหตุการณ์ทุกอย่างก็คงจบลงด้วยดี ถ้าช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น ภูริ พี่ชายคนรองไม่ได้พบศพที่สอง
ฝนยังคงตกกระหน่ำตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั่งช่วงสายของวันนี้ ชัยชาญตื่นก่อนใคร ออกจากห้อง เดินเลาะลงบันไดและตรงไปยังห้องครัวทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน เมื่อเปิดประตูตู้เย็นออกและพบว่าไม่มีไฟส่องสว่างให้เห็นสิ่งต่างๆ ในตู้เช่นทุกวัน ความเย็นเหือดหาย คล้ายว่าของข้างในเน่าเสีย
แก้ว! เสียงตะโกนเรียกเด็กรับใช้ดังขึ้น แก้ว! อยู่ไหน มานี่สิ
ค่า ... คุณชัย สาวใช้วิ่งออกมาด้วยท่าทางไร้เรี่ยวแรง ดูก็รู้ว่าเธอเพิ่งตื่นนอน
ไฟดับตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ของในตู้เย็นเน่าหมดแล้ว แบบนี้จะกินอะไรกัน
ว้าย ... จริงเหรอคะ สาวใช้หลุดจากภวังค์แห่งความง่วงหง่าวหาวนอน ตายจริง แย่แล้วๆ แบบนี้จะทำยังไงดีคะ
เธอเก็บของไปทิ้ง ... เดี๋ยวฉันจะชวนคุณสาออกไปซื้อกับข้าวข้างนอกเอง
ประตูเคหาสน์เปิดออกช้าๆ ทั้งชัยชาญและผู้หญิงข้างกายต่างสวมเสื้อกันฝน ตลาดไม่ได้อยู่ไกลจากเคหาสน์นัก พวกเขาทั้งสองจึงคิดว่า การนั่งรถสองแถวที่แล่นผ่านหน้าเคหาสน์อยู่เรื่อยๆ จะเป็นการสะดวกการที่จะนำรถยุโรปคันหรูออกไป เพราะในตลาดสดไม่ได้มีที่จอดรถที่เพียงพอนัก
ทั้งสองเดินฝ่าสายฝนพรำออกไป โดยหารู้ไม่ว่า ภูริ พี่ชายคนรอง กำลังมองคนทั้งสองผ่านหน้าต่างห้องนอนอย่างมีเลศนัย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ท่ามกลางความมืดสลัวและความเงียบงันของเคหาสน์ ประตูห้องของเอกสิทธิ์ถูกเปิดออกช้าๆ พี่ชายคนโตคนนี้กำลังนั่งเขียนจดหมายอยู่บนโต๊ะทำงานของตน
ว่าไง ... มีธุระอะไร นายเอกกล่าวขึ้นโดยไม่หันหลังกลับมามอง
กระบอกปืนติดเครื่องเก็บเสียงเล็งมายังท้ายทอยออกเขา กระสุนพุ่งทะลุกระโหลกศีรษะพุ่งออกมาทางหน้าผาก นายเอกสิทธิ์หน้าฟุบลงกับโต๊ะ เลือดไหลเป็นทางยาว เขาเสียชีวิตในทันที
แก้ว
แก้ว ... ภูริตะโกนเรียกเด็กรับใช้ แก้ว
อยู่ไหน มานี่สิ
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากสาวใช้
แก้ว ...
มีอะไรเหรอ ... พี่รอง ชัยชาญน้องคนสุดท้ายเปิดประตูเข้ามาพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง
ไฟมาหรือยังล่ะ พี่ภู มาริสาวางถุงวัตถุดิบทำอาหารลง ก่อนถอดเสื้อกันฝนออก
ยังไม่มาเลย ชัย ภูริตอบ แก้วเองก็หายไปไหนไม่รู้ เรียกก็ไม่ตอบ
อาจจะอยู่ข้างบนก็ได้ เดี๋ยวฉันขึ้นไปดูเอง
มาริสาหยิบเอาของที่กองไว้บนพื้นสักครู่เดินเข้าไปวางบนโต๊ะทานข้าวในครัว ก่อนเดินกลับออกมาแล้วขึ้นไปยังบันได
แก้ว ... แก้ว ... อยู่ไหน? เสียงที่ได้ยินกลับมาเป็นเพียงเสียงสะท้อนของมาริสาเอง
แก้ว ... แก้ว ...
มาริสารู้สึกสะดุดตาทันทีที่ห้องของเอกสิทธิ์เปิดประตูทิ้งไว้ เธอรีบเดินตรงไปทันที
พี่เอกคะ เห็นแก้ว... เธอพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น
เสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งขึ้นมาตามบันไดของเคหาสน์
เกิดอะไรขึ้น ยัยสา!
นิ้วเรียวบางชี้เข้าไปในห้อง เมื่อสองพี่น้องหันเข้าไปมอง ก็เห็นร่างไร้วิญญาณของนายเอกสิทธิ์ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะจมกองเลือดอยู่
คนเป็นพี่รองรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที เมื่อจับร่างของนายเอกหงายขึ้น ทำให้มั่นใจได้เลยว่า เขาตายแล้ว!
ฝนยังไม่หยุดตกเ พียงแต่พรำๆ หาได้กระหน่ำดั่งเมื่อก่อนเกิดเหตุ ที่จอดอยู่หน้าเคหาสน์สุสุขเสวี นอกจากรถยุโรปคันหรูของครอบครัวนี้ก็มีรถตำรวจและรถพยาบาลอย่างละคัน สารวัตรเริงฤทธิ์ใช้ผ้าเช็ดตัวที่เจ้าของบ้านเตรียมให้เช็ดน้ำเนื้อตัวที่เปียกฝนระหว่างเดินจากรถมายังบ้าน ชัยและสานำทางคณะตำรวจไปยังห้องที่เกิดเหตุ
ผู้ตายชื่อนายเอกสิทธิ์ สุสุขเสวี อายุ 35 ปี เป็นลูกชายคนโตของครอบครัว สารวัตรกล่าว ภู ชัยและสาพยักหน้าแทนคำตอบว่า ใช่!
คุณพ่อของพวกคุณเพิ่งเสียชีวิตเมื่อไม่นานสินะครับ ผู้หมวดธนพล ศิริวงศ์นุวัฒน์ หรือที่ใครๆ รู้จักกันในนาม หมวดพอล เอ่ยขึ้น เขาเป็นเด็กหนุ่มผิวขาวสะอ้าน คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ปากเรียวบาง ถือเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
ครับ! ชัยชาญตอบ คุณรู้ได้ยังไงล่ะครับ
ดูจากการชุดดำสำหรับไว้ทุกข์ที่กองรวมกันอยู่ในตระกร้าผ้าตรงประตูครัว หมวดพอลตอบ
แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าคนที่จากไปคือคุณพ่อ ภูริถาม
ที่ผมรู้ว่าเป็นคุณพ่อของพวกคุณ ก็เพราะว่าที่ห้องรับแขกมีรูปถ่ายครอบครัวของพวกคุณที่ค่อนข้างใหม่ติดอยู่ตรงฝาผนัง แต่ไม่มีคุณแม่อยู่ในรูป และรูปคุณแม่ของพวกคุณที่มีคำว่าชาตะ มรณะ ก็แขวนอยู่หน้าห้องพระนั่น ถ้าสามหนุ่มหนึ่งสาวในภาพถ่าย คือ สามหนุ่มที่น้องที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันและสะใภ้ที่แต่งเข้าบ้านอีกหนึ่ง คนที่หายไปจากรูปก็คือ คุณพ่อของพวกคุณนั่นเอง
ตำรวจสมัยนี้เก่งยังกับนักสืบ มาริสากล่าว แต่ความเก่งกาจของคุณคงไม่จำเป็นสำหรับคดีฆาตกรรมในครั้งนี้ เพราะพอฉันกับสามีกลับมาจากข้างนอกก็พบศพพี่ใหญ่ ข้าวของก็ไม่ได้กระจัดกระจาย ไม่มีรอยเท้าจากนอกบ้านด้วย แสดงว่า คนร้ายคือคนที่อยู่ในบ้านขณะนั้น ซึ่งก็คือ พี่รอง พี่นั่นแหละ!
จะบ้าเหรอ สา ผู้ถูกกล่าวหารีบแก้ตัว เธอเอาอะไรมาพูด ฉันอยู่ในบ้าน ... เอ่อ ... คนเดียวก็จริง แต่ฉันไม่ได้ฆ่าพี่ใหญ่นะ
ไม่จริงใช่มั้ย ... พี่ฆ่าพี่ใหญ่ทำไม พี่รอง ชัยพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
เฮ้ย ... น้องเล็ก นายคิดว่าพี่ฆ่าเหรอ ตั้งแต่ตื่นมาพี่ยังไม่ได้เจอพี่ใหญ่เลย ก็คิดว่าเขาคงยังนอนอยู่บนห้อง ไม่คิดว่าเขาจะถูกฆ่าตายแบบนี้
จริงสิ ... นอกจากพี่รอง ยังมีแก้วอีกคน ที่อยู่ในเคหาสน์นี้ในระหว่างที่เราสองคนไม่อยู่ ชัยนึกขึ้นได้
ใครกันครับ แก้ว ... สารวัตรเริงฤทธิ์สงสัย
สาวใช้ครับ ภูกล่าว เพิ่งรับเข้ามาใหม่ไม่นานนี้เองหลังจากที่คนเก่าลาออกไป
ประมาณกี่เดือนครับ สารวัตรเริงฤทธิ์หันไปถามภูต่อ
ยังไม่ถึงเดือนเลย ยี่สิบกว่าวันเห็นจะได้
ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้สูงว่าสาวใช้คนนั้นเป็นคนร้าย ลองกระจายกำลังค้นหาทั่วเคหาสน์ก่อนดีกว่า สารวัตรออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายรวมทั้งหมวดพอลขานรับและออกทำหน้าที่ทันที
หมวดธนพลซอยเท้าลงบันไดอย่างรวดเร็ว เขามองกลับไปที่ตระกร้าผ้าหน้าห้องครัวอีกครั้ง และรู้สึกผิดสังเกต
มีอะไรหรือเปล่าครับ ผู้หมวด นายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเดินมาพร้อมกันเอ่ยทัก
ถ้ามีน่ะ มีแน่ ... หมวดพอลรีบวิ่งตรงไปยังตระกร้าผ้า สมาชิกในบ้านมีอยู่ไม่กี่คน แต่ผ้าในตระกร้าล้นพะเนินขึ้นมาจนน่ากลัว ครอบครัวที่มีคนใช้อยู่ด้วย ไม่น่าเก็บผ้าที่จะซักค้างไว้หลายวันเช่นนี้ เหตุเดียวที่ผ้าในตระกร้าจะล้นออกมาก็คือ ...
พอลใช้มืทั้งสองข้างโกยผ้าขึ้นมาในอ้อมอก ชายเสื้อผืนหนึ่งเกี่ยวกับขอบตระกร้า ทำให้ตระกร้าใบใหญ่นั้นล้มลง
มีศพของสาวใช้ซ่อนอยู่ในตระกร้าผ้านั่นไง! นักสืบหนุ่มเอ่ยพร้อมกับจังหวะที่ศพปรากฏต่อหน้าทุกคน
เสียงอึกทึกครึกโครมทำให้ทุกคนรีบวิ่งลงมาดู มาริสากรีดร้องเสียงดังลั่น รอยกระสุนกลางหน้าผากบอกให้รู้ว่าเธอโดนยิงแสกหน้า
ใครกัน ใครที่ทำแบบนี้ ... มาริสาพูดด้วยความหวาดกลัว ก่อนเป็นลมล้มลง โชคดีที่ชัยประคองไว้ทันเวลา
แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 51 15:18:45
แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 51 15:11:08
จากคุณ :
รตกร
- [
23 ส.ค. 51 03:54:37
]