Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ดาบนั้นคืนสนอง [ตอนที่ 1]

    หมายเหตุ : บุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ในเรื่องเป็นบุคคลและเรื่องราวที่สมมติขึ้นเพื่อความบันเทิง หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งของเรื่องมีความสอดคล้องหรือเกี่ยวพันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    1

    “เย็นนี้ว่างหรือเปล่า ถ้าไม่ต้องเข้าเวรหรือสอนดนตรีละก็ ช่วยไปเป็นคู่ซ้อมดาบเอเป้ให้นักกีฬาพี่หน่อยสิ... พี่คุยกับเขาไว้แล้วว่าจะหาคนมาเป็นคู่ซ้อมให้ เพราะอาจารย์พิชิตพาโค้ชธานีไปโรงพยาบาล ไม่รู้จะกลับมาดูให้เมื่อไหร่”

    คำขอของรุ่นพี่ชมรมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และอดีตนักกีฬาฟันดาบทีมชาติที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ช ซึ่งถือโอกาสในการพาทีมมาเก็บตัวซ้อมกลับมาช่วยสอนเทคนิคการให้รุ่นน้องในชมรมทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจะถอดคอนแทคเลนส์ออกหันไปมองคนพูดอย่างแปลกใจ

    “ไอ้ว่างก็ว่างอยู่หรอกครับ แต่เรื่องที่พี่เต้นจะเอาคนที่เพิ่งกลับมาเล่นดาบไปซ้อมกับนักกีฬาทีมชาตินี่คงพูดเล่นมากกว่าละมั้ง ตัวทีมชาติมีเยอะแยะ ผมคงไปเกะกะเขามากกว่า”

    “ไอ้เรามันก็ถ่อมตัวเกินไป ดีกรีนักกีฬามหาวิทยาลัยมันก็ไม่เลวหรอกนา...” อุเทนหัวเราะ “ถ้าณตไม่ถูกรถชนข้อเท้าหักไปตอนที่เขามาคัดตัวนักกีฬาฟันดาบละก็ อาจารย์พิชิตคงทั้งผลักทั้งดันเต็มที่เลยละ”

    “อย่าเลยฮะ คัดไปก็ขายหน้าเขาเปล่า ๆ... ฝีมือผมไม่ได้ดีอะไร แค่ได้เปรียบตรงที่แขนขายาวกว่าคนอื่นเขาเท่านั้นเอง ได้เป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย เพราะชมรมเราคนน้อย เลยถูกจับไปแข่งให้มันครบประเภทละไม่ว่า” รุ่นน้องแย้งยิ้ม ๆ พลางเก็บคอนแทคเลนส์ใส่กล่อง ล้างหน้า เช็ดหน้า หยิบแว่นสายตาขึ้นมาสวม “นอกจากเรื่องนี้ พี่เต้นมีอะไรอย่างอื่นให้ผมช่วยอีกหรือเปล่า”

    นักกีฬารุ่นพี่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้อดีตสมาชิกชมรมฟันดาบที่ถูกตามตัวกลับมาช่วยซ้อมให้น้องในชมรม “พี่คิดอยู่แล้วว่า ณตต้องมองออก...”  

    “ที่จริงมันก็เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่เราเคยคุยกันมาแล้วหลายหนนั่นแหละ...” เขาถอนใจหนักหน่วง “เมื่อก่อนพี่เคยคิดว่าไม่ควรพูดให้มากไป เงียบ ๆ ไว้สักพัก มันคงจะเรียบร้อยได้เอง แต่มาถึงวันนี้พี่ว่า ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างงั้นข้างในที่ร้าวอยู่แล้วมันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เอาสักวัน“

    “ลำพังตัวพี่ก็ไม่มีปากมีเสียงอะไร เพราะเป็นนักกีฬาเก่าที่เขาจ้างต่อ เหมือนเป็นบุญเป็นคุณกัน ส่วนอาจารย์พิชิตก็เข้าหน้ากับผู้บริหารส่วนใหญ่แทบไม่ติดแล้ว ฝ่ายผู้บริหารก็เข้าข้างคนของตัวเองเหลือเกิน...”  

    “แต่คราวนี้ พี่ไม่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว คราวนี้ เราจะต้องหาจังหวะรุกกลับบ้าง แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า จะรุกยังไงไม่ให้มันกระเทือนจนล้มครืนกันไปหมดทั้งสมาคม เพราะแบบนี้พี่ถึงอยากปรึกษาณตว่าจะทำยังไงดี” อุเทนอธิบาย “แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่พี่อยากให้ณตช่วย คือ พี่อยากให้ณตคุยกับนิกษ์หน่อย ช่วยพี่ซื้อใจกำลังสำคัญของสมาคมเอาไว้ให้มีกำลังใจอยู่กับเราต่อไปได้อีกนิด...”

    ประณตขมวดคิ้ว “ผมเป็นตำรวจ เป็นครูสอนดนตรี ไม่ใช่นักจิตวิยาหรือจิตแพทย์สักหน่อย... สมาคมไม่มีหมอหรือนักจิตวิทยาสำหรับนักกีฬาหรือครับ”

    อดีตนักกีฬาทีมชาติส่ายหน้า “ไม่มีหรอก... อาจารย์พิชิตเคยขอไปหลายหนแล้ว แต่ก็ไม่ได้เพราะ นายกสมาคมกับผู้จัดการทีมบอกว่างบประมาณของสมาคมเราไม่พอ แต่ขอโทษเถอะนะ พี่ว่าเขาพูดไม่จริงว่ะ เขาไม่เห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์การกีฬา โดยเฉพาะจิตวิทยาการกีฬาเลย”

    “พี่นึกถึงคนอื่นที่พอจะปรึกษาเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับกฎหมายได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องจัดการกับความรู้สึกของคนอื่นได้ดีด้วยนอกจากณตไม่ออกเลย” เขาจับแขนของชายหนุ่มรุ่นน้องไว้แน่น “คิดว่าช่วยพี่สักหนเถอะนะ ณต... เรื่องเงินก็สำคัญ แต่เรื่องใจสำคัญที่สุด... เรื่องเงินจะได้ ไม่ได้ต่อไปอย่างไร แต่เบื้องต้นนี้ขอแค่เอาคนไว้ได้ พี่ก็พอใจแล้ว”

    อย่างที่เพื่อนสนิทที่เป็นสมาชิกชมรมฟันดาบด้วยกันเคยพูดไว้ จุดอ่อนสำคัญของเขาอยู่ที่ความใจดีจนเกินไป และคราวนี้ ความเห็นใจก็ทำให้ประณตต้องยอมตกปากรับคำว่า จะพยายามช่วยเหลืออุเทนเท่าที่เขาจะทำได้อีกตามเคย...  

    ***************************************************************************


    “โอ้โห ตัวสูงกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย” เป็นคำทักทายแรกจากปากของชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาฟันดาบมือหนึ่งของประเทศ “พี่เต้นกับอาจารย์พิชิตพูดถึงคุณบ่อย ๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

    นิกษ์ พินเทอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของประณต ดูเป็นคนละคนกับนักกีฬาฟันดาบชายผู้เงียบขรึม ถือตัว เข้ากับใครไม่ค่อยได้ ทั้งยังเคยมีเรื่องขัดแย้งถึงขั้นเกือบวางมวยกับธนัตถ์ นักกีฬาฟันดาบประเภทฟอยล์ ซึ่งเป็นนักกีฬามืออันดับต้น ๆ ของสมาคมเช่นเดียวกันตั้งแต่แรกเข้าเป็นสมาชิก

    รุ่นน้องชมรมที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติออกความเห็นว่า เป็นเรื่องของเด็กเส้นสองคนที่กินเกาเหลากันมากกว่า เพราะคนหนึ่งเป็นอดีตครูสอนกีฬาฟันดาบในสถาบันสอนกีฬาฟันดาบในแทมปา รัฐฟลอริด้า เป็นนักดาบที่มีชื่ออยู่ในอันดับต้น ๆ ของการแข่งขันระดับโลก และความหวังของสมาคม ส่วนอีกคนก็ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ลูกรัก’ ของ ‘ผู้ใหญ่’ ในสมาคม โดยเฉพาะพลตรีทวีศักดิ์ นายกสมาคม กับพันโทสุกิจ ผู้จัดการทีม และยังเป็นลูกชายของโค้ชธานี ซึ่งเป็นอดีตนักฟันดาบเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์คนแรกของไทยด้วย

    อย่างไรก็ตาม ผลงานที่เริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงขาลงของทีมนักกีฬาฟันดาบชายในช่วงปีหลัง ๆ มานี้ก็ทำให้สมาคมกลับคืนสู่สภาพสมาคมนอกสายตาเช่นเดิม ไม่มีใครให้ความสนใจอย่างในช่วงปีแรกที่นิกษ์เข้ามาเป็นสมาชิก และธนัตถ์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาแถวหน้าอีก

    ปฏิกิริยาจากคนภายนอกต่อข่าวคราวของสมาคมส่วนมาก คือ การรับรู้อย่างแกน ๆ ว่า “แพ้อีกแล้ว” บางครั้งก็มีเสียงประชดแว่วมาว่า “คงนึกว่าตัวเองเก่งตายละ” โดยพุ่งเป้าไปหาข้อสรุปเรื่องความสามารถของนักกีฬา โดยยังไม่ทันตั้งคำถามด้วยซ้ำว่า “เกิดอะไรขึ้น และทำไมถึงเป็นแบบนั้น”  

    เมื่อมีผลเกิดขึ้น ย่อมต้องมีเหตุที่ทำให้เกิดผลนั้นเสมอ และการที่ผลงานของนักกีฬาฟันดาบทีมชายพลาดเป้าหมาย และสาเหตุที่ทำให้นิกษ์ที่เขาเห็นและนิกษ์ที่ใครอีกหลายคนเข้าใจว่าเป็นก็เช่นกัน... ย่อมมีเหตุผลในตัวของมันเอง

    จากการพูดคุยถามไถ่ในเรื่องทั่วไปเพื่อสร้างความคุ้นเคยเบื้องต้นทำให้ประณตเริ่มเข้าใจเหตุผลที่ทำให้นักกีฬาฟันดาบหน้าคม ตาดุผู้นี้มีภาพลักษณ์อย่างที่ปรากฏต่อสายตาของคนทั่วไป

    สิ่งแรกที่ชวนให้สะดุดใจ คือ สำเนียงภาษาไทยของนิกษ์ที่ฟังแปร่งแปลกกว่าคนไทยทั่วไปทั้งที่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาคือคนไทยแท้ ๆ เพราะใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาเกือบทั้งชีวิต และตัดสินใจทิ้งงาน โอนสัญชาติจากอเมริกันเป็นไทย มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทยตามคำชักชวนของผู้ใหญ่ในสมาคมกีฬาฟันดาบที่รู้จักกับผู้ใหญ่ที่แม่ของเขานับถือ ประกอบกับการสนับสนุนของครอบครัวมาเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง

    แม้มีความพยายามที่จะเอาชนะอุปสรรคทางการสื่อสารนี้ให้ได้อยู่เต็มร้อยโดยการพยายามพูดภาษาไทย หากการคิดหาคำภาษาไทยสำหรับสื่อสารที่ยังทำได้ค่อนข้างช้า บางหนยังใช้คำผิดความหมายทำให้คนจริงจังอย่างนิกษ์รู้สึกหงุดหงิดและรำคาญตัวเองอยู่ไม่น้อย

    สีหน้าไม่พอใจที่นิกษ์เผลอแสดงออกมา ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะไม่พอใจคนอื่น หากเพราะไม่พอใจตัวเองที่ไม่สามารถทำพูดให้เหมือนคนอื่นได้ และมีความเป็นไปได้ที่คนอื่นที่เขาสนทนาด้วยอาจขบขันสำเนียงและการใช้ภาษาไทยของเขาจนอดยิ้มหรือหัวเราะความผิดพลาดของเขาไม่ได้ตามธรรมชาติของคนไทย ทว่าการกระทำที่ปราศจากเจตนาร้ายนี้ก็อาจส่งผลให้เขารู้สึกไม่ดี และไม่ค่อยอยากพูดจากับใครมากนัก

    “ขอโทษนะ ถ้าผมพูดภาษาไทยไม่เข้าใจ ต้องให้แก้กันเรื่อย” นิกษ์บอก “ผมเรียนภาษาไทยช้า หาครูสอนไม่ได้ ไม่มีเวลาหา อ่านเองก็ยาก เพราะผมมีปัญหาเรื่องดิสเล็กเซีย1 อ่านหนังสือได้ไม่คล่อง”  

    “ไม่เป็นไรครับ ผมนับถือในความพยายามของคุณนิกษ์ที่ไม่ยอมแพ้เรื่องนี้มากกว่า... นึกเป็นภาษาไทยไม่ออกก็บอกเป็นภาษาอังกฤษได้นะครับ” ประณตเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษและแปลเป็นไทยอีกครั้ง

    ปัญหาการเรียนรู้ด้านการอ่านของคู่สนทนาข้อนี้เป็นปัญหาที่อยู่เหนือข้อสันนิษฐานที่คาดหมายไปมาก และน่าจะเป็นปัญหาที่แทบไม่มีใครเคยรับรู้มาก่อน

    หากมองเฉพาะด้านการฝึกซ้อม ปัญหานี้อาจเป็นเรื่องเล็ก เพราะภาษาเทคนิคของกีฬาฟันดาบเป็นที่เข้าใจตรงกันในบรรดานักกีฬาและสต๊าฟฟ์โค้ช จึงไม่มีผลมากนัก ทว่าหากมองในภาพรวมแล้วปัญหานี้ถือปัญหาใหญ่ทีเดียว

    ไม่เฉพาะแต่ปัญหาทางด้านการทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้เวลาอ่านเอกสารค่อนข้างนาน หรือต้องอาศัยความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นจนน่าเป็นห่วงว่าเขาอาจตกเป็นเป้าหมายของการฉกฉวยประโยชน์ของบุคคลที่ไม่หวังดี หากยังรวมไปถึงปัญหาด้านสภาพจิตใจของเขาด้วย เพราะแม้นิกษ์จะสนิทสนมกับเพื่อนร่วมสมาคมบางคน เช่น อุเทน  แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างสื่อสารกันไม่ถนัดจึงไม่รู้จะแก้ปัญหาให้กันอย่างไร ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เขาต้องเก็บความรู้สึกต่าง ๆ เอาไว้แต่เพียงลำพัง... ใจที่กังวลย่อมส่งผลให้ร่างกายภายใต้การควบคุมของจิตใจพลอยรวนไปด้วย และเมื่อไม่สามารถทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ ก็ทำให้ไม่สบายใจยิ่งขึ้นอีก หากทำใจไม่ได้ เหตุการณ์เหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นวนเวียนไปไม่รู้จบ

    น่าแปลกใจที่ ‘ผู้ใหญ่’ ซึ่งไปติดต่อให้นักกีฬามาอยู่ที่นี่ควรจะรู้ได้ตั้งแต่เริ่มทำสัญญากับนักกีฬาในความดูแลของตนแล้ว แต่กลับไม่ได้ดำเนินการอะไรเพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้เขาเลย


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------  


    1. Dyslexia เป็นความบกพร่องในการเรียนรู้เกี่ยวกับการอ่าน ไม่ใช่ความบกพร่องด้านสติปัญญา แต่เป็นความบกพร่องที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น การอ่านไม่ได้ ไม่สามารถแยกแยะหรือจดจำตัวอักษรได้ หรือจำได้ เข้าใจความหมาย แต่เขียนไม่ได้ จะส่งผลให้พูดช้า มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร และเรียนได้ช้ากว่าคนอื่น


    (มีต่อนะคะ)

    แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 51 01:34:40

    จากคุณ : ปิยะรักษ์ - [ 24 ส.ค. 51 00:50:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom