 |
O--top of the tundra and bottom of the taiga--เริ่มต้น--O
[บทนำ] วิถีชีวิตที่แตกต่างกันของผู้คนในสังคมคับแคบ ทว่าเปิดกว้างทางความรู้สึกแต่กลับกดขี่ทางความคิดอย่างไม่อาจทน
☆彡ผมขอย้อนไปถึงอดีตของมนุษย์ ไม่ใช่แค่สมัยของโครมันยองค์ ไม่ใช่สมัยของไพรเมต และก็ไม่ใช่สมัยของไซยาโนแบคทีเรีย แต่เป็นสมัยที่สสาร อวกาศและกาลเวลายังไม่กำเนิด มนุษย์มีอดีตที่ยาวไกล เทียบแล้วกับอดีตอันน่าขบขันและบิดเบี้ยวดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั่น ไม่ต่างจากการเอาตัวเลขที่มีค่ามากกว่าศูณย์เพียงเศษผงหารด้วยค่าอินฟินิตี้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องตลกที่จำยอมต้องเป็นเรื่องตลกเมื่อใครซักคนจะคิดว่าอดีตของมนุษย์เมื่อสมัยสสาร อวกาศและกาลเวลายังไม่กำเนิดนั้นเป็นอย่างไร ที่กล่าวว่าเป็นเรื่องจำยอมเพราะที่จริงมันไม่ใช่เรื่องตลกแต่เพราะเงื่อนไขทางสหภาพของความเป็นมนุษย์ ยิ่งแล้วด้วยความเป็นคนซึ่งอยู่บนพื้นฐานของสังคมสสารนิยมอย่างไม่รู้ตัวแล้ว การครุ่นคิดถึงอดีตอันมีค่าน้อยนิดปริ่มๆจะติดลบเช่นนั้นเป็นเรื่องของคนที่ได้ตายไปแล้วตั้งแต่ยังไม่เกิด
...............
[ส่วนที่1]
มีนิทานเรื่องหนึ่งอยากเล่าให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่าครั้งหนึ่งไม่นานมานี้จนทุกวันนี้เรื่องนี้ก็ยังคงดำเนินเรื่องไปอย่างต่อเนื่องอาจจะถึงอนาคตที่ก็ไม่นานเท่าไหร่นัก มีเก้าอี้ไม้เนิ้อแข็งเก่ากร่างทรงกลมสี่ขาสูงราวเด็กอนุบาลนั่งห้อยขาถึงพื้นสบายๆดีดกระเด้งขึ้นมายามดึกของคืนฤดูร้อน พร้อมพลางกับเหงื่อแฉะชื้นอาบหน้าผากอันลื่นมันของแล็กเกอร์ที่ถูกทาไว้มาเนิ่นนาน ฝันร้ายถึงพ่อเก้าอี้ไม้ที่กระตุกๆขาหน้าดังก็อกๆ อย่างไม่เป็นจังหวะพลางสะบดไม่เป็นภาษาด้วยใจความถามถึงเศษซากไม้ที่เหลือหลงจากการให้กำเนิดลูกเก้าอี้ไม้น้อยว่าหายไปไหน แล้วทันไดพ่อเก้าอี้ไม้น้อยก็โอดร้องครวญครางพร้อมแท่งขาทั้งสีพร้อมใจกันแยกฉีกออกคนละทิศทางประหนึ่งมีเชือกผูกมัดไว้แล้วทันไดก็ถูกกระขากดึงอย่างไม่พร้อมเพรียง ไม่ทันที่กระพริบตา ร่างของพ่อเก้าอี้ไม้ก็กระจัดกระจายหายไปอย่างไม่รู้ระเบียบ คงมีแต่แผ่นไม้กลมตั้งนิ่งอยู่บนพื้นอย่างไร้อารมณ์ อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วโลกหลากสีก็ทันกระชากเก้าอี้น้อยกลับสู่เตียงนุ่มสีเทาพร่า สิ่งเดียวที่เก้าอี้น้อยคิดได้หลังจากถูกปลดปล่อยคือ สืบค้นถึงสิ่งที่พ่อเก้าอี้ไม้ถามหา เรื่องราวการค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นในคำเรียกร้องจากความฝันนั้น เรื่องราวการค้นหาอดีตของมนุษย์ก็ไม่ต่างกัน ด้วยแรงบันดาลใจที่ก่นร้องจากเบื้องลึกของสิ่งที่เราไม่เคยรู้จัก มีพลังมหาศาลมากเหลือเฟือต่อการสนองความต้องการปลดปล่อยพันธนาการของทาสผู้อยากเป็นอิสระ การค้นหาถูกประคองอย่างเหยเกเพื่อให้เป็นที่มั่นใจว่ามันจะเข้าสู้เป้า เพื่อที่มันจะบอกได้ว่ามนุษย์นั้นมาจากที่นั่น จากที่ที่จะสร้างความรู้สึกถึงศักดิ์ศรีและความมีอยู่ของเสรีภาพที่เข้าใจ เข้าใกล้แล้วเข้าใกล้เล่า แต่กลับถูกหยุดไว้แค่ความรู้สึกพึงพอใจว่าคือคำตอบที่ถูกบรรยายไว้ครบถ้วนก่อนการค้นหาแล้ว ด้วยเงื่อนไขทางสหภาพความเป็นมนุษย์ ยูเรก้า ครั้งแล้วครั้งเล่ากับความสำเร็จที่ถูกอุตริขึ้นอย่างสวยงาม
ยูเรก้ายูเรก้ายูเรก้ายูเรก้ายูเรก้ายูเรก้ายูเรก้ายูเรก้า หน่วยย่อยของความสำเร็จถูกจับต่อด้วยอำนาจของผู้มีหน้าที่จัดการนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ความสวยงามที่ปรารถนา และความแนบเนียนเมื่อต้องใช้สติปัญญาเท่าที่มนุษย์มีในการพินิจ ตติยภูมิของอุตริกรรมที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้จึงต้องอยู่ภายใต้การสังเกตการอย่างใกล้ชิดของบุคคลชั้นนำผู้ได้รับการไว้วางใจ และผ่านการทำให้เป็นความคิดแบบเดียวกันอย่างไม่อาจแยกได้เท่านั้น จตุรภูมิของอุตริกรรมอันเป็นขั้นสูงของรูปแบบที่ถูกกำหนดในการสร้างอุดมคติของสิ่งที่เรียกว่า ปัญญา ตามที่มนุษย์เข้าใจ กล่าวคือการนำเอาตติยภูมิของอุตริกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต และถูกเก็บรักษาไว้ด้วยแวดล้อมทางความจงรักภักดีภายในเรือนหอแห่งเสรีภาพและเปลวไฟมาประกอบเข้าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการขานนามให้เป็น
อวัยวะส่วนที่เลอเลิศที่สุดของความเป็นมนุษย์
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่สิ่งประดิษฐ์ค่อยๆโผล่พ้นเงามืดหลังเรือนม่านสีทองประหลาดสูงมากกว่าเรือนตัวของมันถึงสามเท่า พลันค่อยๆเผยตัวภายใต้การต้อนรับด้วยช่อดอกไม้สีเหลืองที่ไม่มีใครรู้จักชื่อจากทุ่งทุนดราของไซบีเรีย เสียงโห่ร้องประหนึ่งครวญหอนเคล้าเสียงปะทะกันอย่างรวดเร็วของฝ่ามือเป็นจังหวะที่ถูกซักซ้อมมาหลายชั่วอายุคน ฟังดูอื้อหึ่งคล้ายเสียงผึ้งที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนให้บินกำลังกระพือปีกอย่างหัวเสีย แค่เพียงผ้าม่านปิดฉากลงภายหลังการชื่นชมอย่างสนุกสนาน ชั่วครูผู้คนต่างกรูกันออกจากห้องโถงโอ่อ่าที่บุผนังด้วยหนังของวัวสีขาวจากอินเดียตอนใต้ เพดานที่สูงชะลูดจนไม่มีใครคิดที่จะแหงนมอง เพราะคงคิดว่ายังดีซะกว่าหากได้ชื่นชมกับแชนดาเลียร์คริสตัลสีไสระยิบระยับจากเกาะฮอกไกโด ที่โหนห้อยอย่างนิ่งเงียบระหว่างช่องโถงเพดานที่ห้อยต่ำลงมาถึงระดับสายตานั้น ไม่มีการแก่งแย่ง ไม่มีการหกล้ม ไม่มีการสะดุดเหยียบ ความเป็นระเบียบอย่างแปลกประหลาดที่ก็ได้รับการฝึกซ้อมมายาวนานชั่วอายุคนเช่นกัน ทำให้ผู้คนหมดไปจากโถ่งกว้างภายในแค่ไม่กี่หอบเหนื่อยของนักวิ่งพันเมตรชาวจาไมกา ในช่องกะโหลกอันหนาหนักของผู้ไม่อยู่ ณ ที่นั่นแล้วเหล่านั้น พลันไม่มีสิ่งไดหลงเหลือระหว่างช่องว่างของเส้นประสาทเส้นหนึ่งกับอีกเส้นหนึ่ง เสมือนไม่มีการพูดคุยอะไรๆกันทั้งสิ้นระหว่างทั้งสอง ... ประหลาดแท้
จากคุณ :
ameen_adam
- [
24 ส.ค. 51 15:48:51
]
|
|
|
|
|