Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    [เรื่องแปล] จอมนางคู่บัลลังก์ บทที่ 9 ครึ่งหลัง (เขียนโดย...เฟิงน่ง)

    บทที่ 1-3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6833585/W6833585.html

    บทที่ 4-6   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6837939/W6837939.html

    บทที่ 7   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6847435/W6847435.html

    บทที่ 8   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6879659/W6879659.html

    บทที่ 9   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6900453/W6900453.html

    เชิงอรรถท้ายเล่ม   http://my.dek-d.com//story/viewlongc.php?id=423352&chapter=12




    บทที่ 9 (ครึ่งหลัง)


    สถานที่สอบปากคำถูกกำหนดเอาไว้ในคุกใต้ดิน

    แสงไฟลุกโรจน์ สาดส่องจนภายในคุกสว่างเจิดจ้าดุจกลางวัน อุปกรณ์ลงทัณฑ์หน้าตาประหลาดสารพัดชนิดวางอยู่สองฟากข้าง แต่ละชิ้นต่างเปื้อนเลือดแห้งกรังสีดำคล้ำ

    พิงถิงเพิ่งจะเคยเข้ามาในนี้เป็นครั้งแรก จึงเดินติดตามอยู่ด้านหลังของฉูเป่ยเจี๋ยพลางกวาดตามองอย่างละเอียดถี่ถ้วน

    ผนังคุกแข็งแกร่งทนทาน โจมตีจากด้านนอกไม่ง่ายดาย แต่โจมตีจากด้านในได้สะดวกมาก หญิงสาวกลอกตาเล็กน้อย จดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่มองเห็นเอาไว้ในสมองอย่างแม่นยำ

    ลมหายใจร้อนผ่าวของฉูเป่ยเจี๋ยพ่นเข้ามาในหูของหญิงสาว

    “หากกลัว ก็กอดข้าไว้ให้แน่นๆ”

    พิงถิงหดคออย่างจักจี้ ส่งผลให้ชายหนุ่มหัวเราะก้องอย่างชอบใจ

    เมื่อมาถึงสุดทาง แสงไฟยิ่งเจิดจ้ากว่าเดิม เผยให้เห็นเด็กหนุ่มซึ่งศีรษะก้มต่ำผู้หนึ่งถูกแขวนอยู่กลางอากาศ สองมือสองเท้าถูกล่ามด้วยตรวนและกุญแจมือหนักอึ้ง โซ่เหล็กดึงมือเท้าทั้งสี่ข้างแยกออกจากกัน

    เพียงมองแวบเดียว พิงถิงก็ทราบทันทีว่านั่นคือตงจั๋วจริงๆ  แม้เสื้อผ้าจะขาดวิ่น แต่รอยแผลกลับไม่ได้มากมายอะไรนัก ดูท่าทางคงไม่ได้โดนทรมานหนักหนาสาหัสสักเท่าไร

    “เจ้าหนู รีบตื่นซะ ! หวางเยี่ยของพวกเรามาแล้ว !” ในคุกใต้ดินมีผู้คุมร่างกำยำบึกบึนรับผิดชอบดูแลต่างหาก ปลายด้ามของแส้ขนาดใหญ่งัดคางของเด็กหนุ่มขึ้นมาให้ฉูเป่ยเจี๋ยมองเห็นใบหน้าคมคายอ่อนเยาว์ถนัดชัดตา

    ดวงตาซึ่งเพิ่มประกายเย็นยะเยียบที่ไม่เคยปรากฏในกาลก่อนขึ้นหลายส่วนของตงจั๋วจ้องฉูเป่ยเจี๋ยเขม็ง

    “เฮอะ...ฉูเป่ยเจี๋ย”

    ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของวังจิ้งอานหวาง ได้ยืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว...

    “เปิ่นหวางไม่ได้มีเจตนาร้ายใด เพียงแต่มีจิตนับถือในตัวเสี่ยวจิ้งอานหวาง จึงหวังจะเกลี้ยกล่อมให้เสี่ยวจิ้งอานหวางมาสวามิภักดิ์ต่อตงหลินของข้าเท่านั้น” ชายหนุ่มยิ้มจางๆ ในความผ่าเผยแฝงความจริงใจ “ในเมื่อเสี่ยวจิ้งอานหวางไม่สามารถอยู่ในกุยเล่อได้อีก แล้วไยจึงไม่หานายที่ประเสริฐคนใหม่เล่า ?”

    ตงจั๋วแค่นเสียงเย็น

    “ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไง ข้าก็ไม่มีทางบอกอะไรเจ้าแม้แต่คำเดียว”

    ฉูเป่ยเจี๋ยจุปากส่ายศีรษะพลางทำหน้าเสียดาย

    “บุรุษเหล็กนั้นข้านับถืออย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ภายใต้เงื้อมมือข้า ผู้ที่สามารถเป็นบุรุษเหล็กได้มีไม่มากนัก” กล่าวจบก็ถอยกายไปหนึ่งก้าว สองมือยกขึ้นกอดอก หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องใต้สังกัดที่ข้างกาย

    พิงถิงซ่อนตัวนิ่งรอดูความเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ด้านหลังฉูเป่ยเจี๋ย ครั้นเห็นชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวโดยแสดงชัดว่าจะเริ่มใช้ทัณฑ์ ก็รีบก้มหน้าคิดหาวิธีช่วยตงจั๋วอย่างร้อนใจ ขณะนั้นเองเสียงแส้แหวกอากาศได้ดังมากระทบโสต

    ขวับ ! เผียะ !

    เสียงแส้กระทบเนื้อที่ดังขึ้นส่งผลให้ร่างบอบบางของหญิงสาวสะท้านเฮือก

    เผียะๆๆ !

    เสียงแส้กระทบเนื้อดังตามมาอีกหลายครั้งติดๆ กัน ที่นอกคุกสายลมพัดกระหน่ำดั่งบ้าคลั่ง ภายในคุกกลับร้อนอบอ้าวชวนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

    โซ่เหล็กขยับตามการเคลื่อนไหวดังเป็นเสียงโลหะเสียดสีกัน ร่างที่ห้อยอยู่เกร็งเขม็งสลับผ่อนคลายตามจังหวะสะบัดหวดเข้าใส่ของแส้

    แส้อันโหดเหี้ยมกัดขย้ำลงใส่เนื้อของตงจั๋วอย่างดุร้าย ตงจั๋วเองก็ใจแข็งไม่ใช่เล่นเช่นกัน เพราะไม่แม้แต่จะร้องออกมาสักแอะ

    ฉูเป่ยเจี๋ยซึ่งยืนขวางอยู่ข้างหน้าพิงถิงเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอาการตัวสั่นสะท้านของหญิงสาว จึงเอื้อมมือไปตบแผ่นหลังของนางเบาๆ อย่างอ่อนโยน พิงถิงเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับแผ่นหลังตั้งตรงและใบหน้าด้านข้างอันไร้ปรานีที่ถูกแสงไฟอาบไล้จนแดงเข้ม

    “ยังไม่พูดอีกรึ ?” ฉูเป่ยเจี๋ยเอ่ยเนิบๆ “ควรจะรู้ไว้นะว่า...แส้...เป็นแค่การลงทัณฑ์ที่ใช้กันบ่อยที่สุดในคุกเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับอาหารว่างเรียกน้ำย่อย หากใช้พวกของเล่นที่จะใช้หลังจากนี้ไปละก็ เกรงว่าต่อให้เจ้ายอมพูด...ก็ไม่แคล้วต้องพิการอยู่ดี”

    ตงจั๋วพูดเสียงแหบพร่า ทว่าน้ำเสียงกลับยังคงหนักแน่นเด็ดเดี่ยวนัก

    “วังจิ้งอานหวางไม่มีผู้ที่กลัวตาย !”

    ฉูเป่ยเจี๋ยหัวเราะเบาๆ ในลำคอ พิงถิงเงยหน้าขึ้น ก็ได้เห็นประกายเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นบนริมฝีปากของชายหนุ่ม

    รอยยิ้มอันตรายนี้ทำให้หัวใจของนางถึงกับหนาววูบ

    ดูท่าคืนนี้ชีวิตของตงจั๋วยากจะรอดเสียแล้ว...

    ครั้นเห็นฉูเป่ยเจี๋ยทำท่าจะเอ่ยปาก จิตใต้สำนึกก็สั่งให้หญิงสาวดึงแขนเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้ทันทีเป็นการดึงความสนใจ

    ฉูเป่ยเจี๋ยก้มหน้าลงมามองนางจริงๆ  และกล่าวอย่างอ่อนโยน

    “ทำไมหน้าถึงซีดอย่างนี้เล่า ? เจ้ากลัวหรือ ? ไม่ต้องกลัว...มีข้าอยู่ด้วยทั้งคน”

    “เลือดเยอะไปหมด” ในเสียงพูดเจือกระแสขลาดกลัวไม่ใช่น้อย

    เสียงโซ่เหล็กขยับเสียดสีกันดังขึ้นโดยพลัน ราวกับว่าตงจั๋วกำลังสะดุ้งเฮือก

    “กลัวเลือดรึ ?” ชายหนุ่มส่ายหน้า ถามอย่างหยอกเย้า “หากผู้หญิงของข้าฉูเป่ยเจี๋ยกลัวเลือด แล้วต่อไปจะติดตามข้าไปรบได้อย่างไร ?”

    หญิงสาวเงยหน้าขึ้น เผยดวงหน้าผุดผาดเกลี้ยงเกลาครึ่งดวงมองมายังชายหนุ่มอย่างอ่อนแอ ปลายหางตาเหลือบเห็นตงจั๋วที่ถูกแขวนอยู่กลางอากาศในสภาพเลือดโซมกาย

    นัยน์ตาตงจั๋วเบิกกว้าง ประกายไม่อยากจะเชื่อผุดขึ้นเพียงวูบเดียวก็หายวับ ก่อนจะก้มหน้าลงต่ำเป็นการกลบเกลื่อนทันทีราวกับว่าเข้าใจอะไรแล้ว

    “หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเพคะ” หญิงสาวเอามือกุมหน้าผาก ทิ้งน้ำหนักตัวครึ่งหนึ่งไปที่ร่างของชายหนุ่ม

    กิริยาอ้อนแบบนี้ไม่ค่อยจะได้พบเห็นนัก ฉูเป่ยเจี๋ยใจอ่อนยวบ รีบประคองนางไว้ ก้มลงถามเสียงหนัก

    “ไม่สบายตรงไหนหรือ ? ข้าไม่น่าเรียกเจ้ามาด้วยกันเลย”

    หญิงสาวไม่แม้แต่จะเหลือบไปมองตงจั๋ว นัยน์ตาใสกระจ่างสะท้อนแต่ภาพฉูเป่ยเจี๋ยเพียงผู้เดียว

    “ในนี้อึดอัดมาก หม่อมฉันอยากจะไอ แต่ไอไม่ออก ให้ใครสักคนส่งหม่อมฉันออกไปข้างนอกนะเพคะ ส่วนฝ่าบาทก็ค่อยๆ จัดการงานหลวงต่อไปเถิด”

    “ข้าจะพาเจ้าไปเอง”

    “แต่งานหลวงสำคัญ......”

    “เจ้าสำคัญกว่า”

    เสียงเร้าอารมณ์ดังขึ้นแนบชิดติ่งหูนุ่มนิ่ม จากนั้นร่างบางจึงเบาวูบ ถูกชายหนุ่มช้อนลอยขึ้นสู่วงแขนเป็นที่เรียบร้อย

    “ว้าย !” พิงถิงร้องอุทานอย่างตระหนก เมื่อนึกถึงว่าตงจั๋วอยู่ข้างๆ นี่เอง ดวงหน้านวลก็ยิ่งแดงจัด คราวนี้จึงกลายเป็นว่าหญิงสาวซ่อนใบหน้ากับแผ่นอกของชายหนุ่มจากใจจริงไป

    ผู้คุมคุกถือแส้เปื้อนเลือดก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วถามอย่างระมัดระวัง

    “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ นักโทษนี่......”

    “เฝ้าเอาไว้ให้ดี คนของวังจิ้งอานหวาง...หึหึ...เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาลงมือสอบปากคำเอง”

    “พ่ะย่ะค่ะ” ผู้คุมกล่าวรับ แล้วขอความเห็นต่ออย่างรอบคอบ “ถ้าเช่นนั้นจะเพิ่มจำนวนคนเฝ้าให้มากขึ้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”

    สายตาคมกริบของผู้เป็นนายกวาดมองมาทันที

    “หรือเหอเสียยังจะกล้ามาบุกวังของข้า ?”

    “พ่ะย่ะค่ะๆ สู่เซี่ยทราบแล้ว”


    <>::<>::<>

    จากคุณ : Linmou - [ 25 ส.ค. 51 08:22:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom