Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ตัวตาย ตัวแทน...

    ตัวตาย…ตัวแทน…
    โดย ปากกาผจญภัย (บ้าเกม)
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    แสงไฟสาดส่องไปทั่วฟลอร์ เสียงเพลงจากวงดนตรีบทเวทีดังกระฮึ่ม และเรือนร่างของผู้คนที่บิดผันกระเส่าร้อนเร่าตามจังหวะทำนองแห่งความสนุกในร้านกินดื่มแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง ทุกอย่างดูสลัวราวกับจะเป็นเงาที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างทางอัตลักษณ์ได้ชัดเจน ผมยืนนิ่งจิบเบียร์จากปากขวดเล็กบริเวณเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม สายตาหลังกรอบแว่นหนากวาดผ่านภาพเหล่านั้นไปอย่างเลื่อนลอย ยังคงนิ่งงันไปกับบรรยากาศที่อยู่รอบๆ ตัว


    ความนิ่งงัน….


    จิบเบียร์จากปากขวดอีกครั้ง ของเหลวเมารสละมุนลิ้นในขวดสีชาพร่องลงไปจนเหลือเพียงครึ่ง ผมขยับกรอบแว่นด้วยมือขวา ตอนนี้ เสียงเพลงภายในร้านถูกเปลี่ยนมือจากดนตรีสดเป็นเพลงแนวเฮาส์รีมิกซ์จากเครื่อง CDJ ที่อยู่ในบูธละแวกใกล้ๆ หากแต่ความเคลื่อนไหวและจังหวะเรือนร่างของผู้คนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไร้รอยสะดุด ทั้งๆ ที่ความติดขัดในสไตล์และประเภทดนตรีนั้นก็เด่นชัดจนยากจะทำเป็นเมินเฉย ผมวางขวดเบียร์ เอนหลังพิงกับขอบโต๊ะ ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ไม่เลย ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะรู้สึกสนุกสนานไปกับบรรยากาศเหล่านี้ และแม้จะพาตัวเองเพื่อมาสัมผัสและเก็บเกี่ยวเป็นประสบการณ์บ้างตามวิสัย ก็หาใช่ว่ามันจะได้รับการเติมเต็มกันสักกี่มากน้อย อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ว่ามันมีสัจธรรมอันใดที่ผู้คนสามารถค้นพบและบรรลุได้ภายใต้แสงไฟ เสียงเพลง และก้นแก้วเหล้ากันอีกละหรือ

    อันที่จริง ถ้าจะว่ากันตามตรง ผมเองก็ไม่สู้จะถนัดกับสถานที่เหล่านี้มากสักเท่าใดนัก อาจจะด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตของตนเอง ที่มักจะวนเวียนอยู่กับกิจกรรมเดิมซ้ำๆ ในฐานะนักเขียนอิสระที่โมงยามผ่านเข็มนาฬิกา จะหมดไปกับกองกระดาษ หน้าจอมอนิเตอร์โน้ตบุ๊ค สมุดบันทึก และความเลื่อนไหลของทุกสรรพสิ่งรอบๆตัวที่ราวกับจะหยุดนิ่งของห้องพักย่านกรุงเก่าเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้า บางทีอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ก็เป็นได้กระมัง ที่ทำให้ผมตัดสินใจที่จะออกมาหาความโลดโผนสวิงสวายแห่งโลกที่แสงไฟเฉิดฉายใต้ฟ้าราตรีกาล….

    แต่เอาเถอะ ผมบอกกับตัวเอง เบียร์หมดเมื่อไหร่ ก็ไปเมื่อนั้น

    ผมหักข้อนิ้วแก้ขบ นี่เป็นครั้งที่ห้าสำหรับความพยายามในการรับรู้ประสบการณ์อันสุดเหวี่ยงด้วยตนเอง แต่ไม่เคยมีเลยแม้สักครั้งที่ความเข้าใจจะฝังรากเข้าสู่ห้วงสำนึก ทุกสิ่งยังคงดำเนินไปในรูปแบบของมัน รวดเร็ว ฉับไว เร่งเร้า ยากแก่การตีความ และมี ‘ภาษา’ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมัน ที่คนอย่างผมไม่สามารถบังอาจไปเข้าใจได้ และพาลประหวัดคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมายังโลกแห่งนี้ ใช่….ผมทอดถอนใจเอาเสียแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความบังเอิญที่ฤทธิ์เบียร์มันแทรกซึมในทุกอณูของเส้นเลือด จนทำให้ผมต้องเซถลาไปทางด้านขวา และหันหน้าเพื่อจะได้พบกับเธอ….


    เธอคนนั้น….


    ท่ามกลางเสียงดนตรี กลิ่นแอลกอฮอล์ และความอึมครึม เธอ…สาวสวยรูปร่างอวบในชุดแซกสั้นแขนกุดสีเข้ม ผู้ยืนเต้นในจังหวะแบบโบฮีเมียนกับขวดเบียร์เล็กสีชาในมือขวา ในมุมหนึ่งของร้านกินดื่มแห่งนี้เพียงลำพัง แน่นอน จังหวะของเธอผิดแผกแปลกออกไปจากคนอื่นๆ (ที่มักจะมีท่าเต้นในแบบพิมพ์นิยมเดียวกัน) แต่กลับเข้ากับทำนองของดนตรีอย่างน่าประหลาด จะเพราะเหตุนี้หรือเปล่านะ ที่ทำให้ผมไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ ท่วงท่าราวกับว่าโลกทั้งใบไม่เคยมีตัวตน ผมสลวยเคลี้ยบ่าดัดเป็นลอนขยับพริ้วตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย เรือนร่างที่เบียดใต้เนื้อผ้าที่เธอสวมใส่ สายตาที่หลับพริ้มดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีบางชนิดที่มีอยู่แต่ในหัวใจของเธอแต่เพียงผู้เดียว  


    สาวสวยผู้โดดเดี่ยว….กับขวดเบียร์ของเธอ

    โดดเดี่ยว….เหลือเกิน

    ทว่าโดดเด่น….เกินคณานับ

    เป็นเอกเทศ…จากสิ่งรอบข้างอย่างสิ้นเชิง



    หัวสมองของผมเคลื่อนที่คิดคำนึงอย่างช้าๆ  มันน่าประหลาดใจอย่างเหลือล้นที่หญิงสาวเช่นเธอต้องมาร่ายรำอยู่เพียงลำพัง เปล่าเลย ใช่ว่าเธอจะร้างไร้คนที่เข้าหา ผมจับสังเกตมาโดยตลอด แต่อาจจะเพราะท่วงท่าที่เธอใช้ และการไร้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่รอบข้างกระมัง ที่ขับไล่แขกผู้ไม่พึงประสงค์ทั้งหลายให้ถอยห่างออกไป ผมใช่สองตาเก็บเกี่ยวความเพลิดเพลินจากภาพดังกล่าวจนกระทั่งร่างงามพลันเซมาทางด้านซ้าย อาจจะเพราะจำนวนคนที่มากมายเกินกว่าพื้นที่ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ตัวดีมากล่อมเกลา หรือความบังเอิญสุดหยั่งคาด จะอะไรก็ตาม แต่แล้ว สายตาของผม ก็ประสานเข้ากับสายตาของเธอ พร้อมกับการปฏิสัมพันธ์แรก…


    รอยยิ้ม…


    แรกเริ่ม ผมไม่สู้จะแน่ใจเท่าใดนัก ว่ารอยยิ้มที่ดูเหมือนจะแก้เก้อในอิริยาบถของเธอนั้น ส่งตรงมาถึงใคร แต่มันค่อนข้างจะน่ารัก ใสซื่อ และจริงใจมากพอที่จะสว่างวาบท่ามกลางบรรยากาศที่ฉาบเคลือบไปด้วยความไร้ระเบียบแห่งนี้ ผมจิบเบียร์จากในขวด หัวสมองครุ่นคิด…


    คล้ายกันเหลือเกิน…..คล้ายกับใครบางคนในห้วงแห่งความทรงจำ….


    เสียงเพลงบรรเลงต่อเนื่อง เบียร์ถูกจิบผ่านลำคออีกหน แม้ภาพที่เห็นจะติดตรึง แต่ความสับสนกลับค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นริ้วๆในจิตใจ ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างคือความคลุมเครือ ไร้ความชัดเจน มันสมควรแล้วหรือที่ผมจะเอาถือเอาสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเป็นสาระ เธอคนนั้นก็เป็นเพียงแค่ใครคนหนึ่ง ในค่ำคืนแห่งนี้ หากแต่รอยยิ้มและแววตาของหญิงสาวที่ปรายขึ้นท่ามกลางความสลัวแห่งบรรยากาศที่ส่งตรงมาอีกครั้งนั้น  ก็ค่อยๆ ละลายความลังเล และทำให้ผมตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาเธอ…


    “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังยิ้มให้ใคร…” ผมเอ่ยขึ้น มือขวาถือขวดเบียร์ ใบหน้านิ่ง “แต่อย่างน้อยถ้าไม่รังเกียจ ขอผมดื่มกับนักเต้นสาวผู้เริงร่ายไปกับขวดเบียร์ของเธอสักหน่อยจะได้ไหมครับ….”


    ในตอนนี้ ถ้าจะมองโครงสร้างของประโยคในการเชื้อเชิญหรือขอชนแก้วที่ได้เอ่ยไป ว่าตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นที่ได้รับการสอนสั่งจากเพื่อนซี้ผู้สันทัดจัดเจนในโลกแห่งคนกลางคืนของผมนั้น มันคงจะประเมินคุณภาพให้ต่ำกว่าเกณฑ์อย่างไม่ต้องสงสัย ผมพอจะเข้าใจ แต่ท่ามกลางความมืดสลัว รอยยิ้มบางๆ ก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออีกครั้ง


    “ก็ไม่ได้ยิ้มให้ใครเป็นพิเศษหรอกค่ะ เผอิญว่าคุณหันมาทางนี้พอดี ว่าแต่...” สิ้นประโยค เสียงกิ๊งจากการกระทบระหว่างขวดของผมกับของเธอก็ดังขึ้นแทรกมาท่ามกลางความอึกทึก เธอโน้มตัวมากระซิบที่ข้างๆ หู


    “…จะขอชนแก้วกับผู้หญิง คุณคงต้องร่าเริงกว่านี้หน่อยนะ พ่อเสือยิ้มยาก…”


    น้ำเสียงใสๆ และรอยยิ้มละไม นำส่งประโยคที่ชวนให้ใจสั่นไหวไม่น้อยผ่านเข้าสู่โสตสัมผัส ผมนิ่งอึ้งชั่วครู่ในขณะที่เธอกระดกขวดเบียร์ส่งน้ำเมาเข้าริมฝีปากอิ่ม เธอตัวเล็กกว่าที่ผมกะไว้จากสายตาพอสมควร แม้จะมีรองเท้าส้นเข็มคู่งามช่วยหนุนส่งแต่เธอก็สูงขึ้นเลยจากหัวไหล่ของผมไปเพียงนิดเดียว ผมกระดกเบียร์ลงคอก่อนจะประสานตาของตนเองเข้ากับแววตาคู่งามของเธอ


    “เราเคยพบกันมาก่อนรึเปล่า?”


    “ไม่คิดว่าอย่างนั้นนะคะ ทำไมหรือ?” สำเนียงใสหยั่งเสียงให้กับความกังขาของผม ผมขยับขวดเบียร์หมุนในมือ โน้มตัวลง กระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูของเธอ


    “ผมอยากจะแน่ใจ ว่าคุณใช่ หรือไม่ใช่คนๆนั้นของผม…”


    สิ้นสำเนียงกระซิบแผ่วเคล้าความอึกทึก ผมนึกประหลาดใจตัวเอง เปล่าเลย หาใช่ว่าผมอยากจะทำทุกสิ่งเป็นเพียงกระบวนการง่ายๆ ของความลุ่มหลงอย่างที่พึงเป็นในโลกแห่งโมงยามราตรีกาล ที่สนองด้วยการเกี้ยวหญิงที่ตัวเองไม่รู้จัก เพียงแต่ความเป็นตัวเธอที่ปรากฏออกมาโดยคร่าวๆ นั้นสะกิดความรู้สึกของผมอย่างที่ไม่อาจจะระงับ เธอจ้องหน้าผมอย่างงงๆ ก่อนที่เสียงหัวเราะใสๆ และแววตากึ่งเชื้อเชิญจะตามมา


    “ตายละ…” ปรารภหยอกเอิน น้ำเสียงสนุกสนานในกิริยาของผมอยู่ในที “นอกจากจะเป็นเสือยิ้มยากแล้ว ยังเป็นเสือผู้หญิงด้วยเหรอ คุณนี่ร้ายไม่ใช่เล่นนะ ทำแบบนี้กับทุกคนรึเปล่าคะ?”


    “ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ ผมทำเรื่องดังกล่าวกับคุณแค่คนเดียว…” ผมเอ่ยตอบไปตามจริง แน่ล่ะ ผมอาจจะเป็นเสือยิ้มยาก แต่หาใช่เป็นเสือผู้หญิง และผมก็ไม่เคยที่จะทำเช่นนี้กับใคร อีกครั้งที่เธอหัวเราะเบาๆ ให้กับประโยคดังกล่าว


    “อย่างนั้นเหรอ แล้วแบบนี้…..” เธอเว้นช่วง โน้มตัวขึ้นมากระซิบที่ข้างหูผมอีกครั้ง “ชั้นควรจะเป็นใครดีล่ะ เป็นตัวชั้นเอง หรือว่า….เป็นใครคนนั้นของคุณ”


    “สะดวกใจจะเป็นแบบไหนก็ตามแต่เถอะ…”


    “คนพิลึก…” เธอตัดพ้อกึ่งเล่นกึ่งจริง “แล้วคุณจะแน่ใจได้ยังไง ว่าชั้นพูดความจริง…”


    “นั่นคงขึ้นอยู่กับความจริงใจของคุณแล้ว” ผมตัดบท ยักไหล่อย่างไม่ใยดี แต่รอยยิ้มบางๆ ก็อดไม่ได้ที่จะปรายบนริมฝีปากเมื่อสบสายตาเข้ากับแววตาและรอยยิ้มของหญิงสาวที่อยู่ต่อหน้า อีกครั้งที่เราชนขวดเบียร์ และร่ำดื่มไปด้วยกันภายใต้บรรยากาศสลัวแสงไฟ


    มันเป็นการพบกันของคนแปลกหน้า….โดยแท้


    อันที่จริงแล้ว มันอาจจะไม่เคย หรือมีความมุ่งหมายใดๆ ที่เกิดจากเจตนาโดยสมบูรณ์ ณ สถานที่แห่งนี้…กับชายร่างสูงท้วม ผมยาวประบ่า แว่นกรอบหนา เชิ้ตสีดำ กางเกงยีนส์สีสนิม อย่างเช่นที่ตัวของผมเป็นนั้น มันคงจะเป็นของธรรมดาที่สามารถหาได้ทั่วไป หากแต่ในสภาพที่ความคลุมเครือแห่งบรรยากาศ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ และเสียงเพลงกลบความคิดแทรกซึมอยู่ในทุกอณู มันดูจะเป็นประหนึ่งเชื้อไฟที่เร่งเร้าเคมีระหว่างคนสองคน และตัดทอนเวลาเริ่มต้นแห่งความสัมพันธ์ระหว่างกันให้สั้นลง จากสาม หรือสี่เดือน ให้เหลือเพียงแค่สาม หรือสี่นาที ทุกอย่างเป็นเพียงการขับเคลื่อนของความ ‘บังเอิญ’ ของแต่ละคนที่ซ้อนทับกัน เป็นความลวงตาที่ห่มคลุมจนกฏเกณฑ์และความเป็นจริงของโลกใบนี้ถูกลดทอนความสำคัญลงจนไม่ถือเป็นสาระอย่างสิ้นเชิง


    เราสองคนเดินผ่านขั้นตอนการแนะนำตัวกันอย่างสั้นๆ ที่ไม่เป็นพิธีรีตองมากนัก ไม่ต้องรู้พื้นเพ ไม่ต้องใส่ใจปูมหลัง รู้กันแค่เพียงชื่อของกันและกันความสะดวกในการเรียกหา เพราะทั้งผมและเธอต่างกำกับไว้ในใจ เราเพียงต้องการจะรู้ ว่าต่างฝ่ายต่างมีตัวตน แต่ไม่ก้าวก่ายไปสู่เบื้องลึกของกันและกัน ก่อนที่จะเบี่ยงประเด็นไปยังเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ ของสภาพรอบๆ ตัวเพื่อเป็นกับแกล้มแก้เก้อ


    “สรุปแล้ว….” สาวสวยเอ่ยถามผมหลังเปิดเบียร์ขวดที่สอง เธอดูผ่อนคลายลงมาก สองขาไขว้กันพอเห็นน่องอ่อนที่เผยออกมาจากชุดแซกรำไร เธอค่อนข้างขาวพอสมควรเมื่อผิวเนียนกระทบแสงไฟจากเคาน์เตอร์ “คุณพอจะบอกได้รึยังคะ ว่าชั้นเป็นใครคนนั้นของคุณรึเปล่า?”


    “แล้วถ้าผมบอกออกไปแล้ว…” ผมหยุดเว้นช่วง ขยับกรอบแว่นและลูบเครา จิบเบียร์ “คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าผมพูดความจริงออกไป”


    “นั่นก็คงต้องขึ้นกับความจริงใจของคุณละมัง…” เธอย้อนคำพูดของผมเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะไปกับมัน ไม่ใช่ว่าอับอาย หรือตลกตัวเองที่ถูกคนอื่นเอาคำพูดมาขว้างใส่หน้า แต่มันกลับเป็นอารมณ์สนุกปนความขมในลำคอ เพราะคำถามง่ายๆ...


    ....กลับเป็นสิ่งที่ตัวของผมตอบออกมาได้ยากที่สุดในเวลาเช่นนี้


    ขึ้นกับความจริงใจของคุณ…มันคงต้องถามต่อไปอีกว่า จริงใจต่อใคร…


    ต่อตัวเธอ...

    ต่อตัวผม….

    หรือต่อทั้งสองกรณี…




    (มีต่อ)

    จากคุณ : บ้าเกม - [ 28 ส.ค. 51 03:30:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom