ละอองฝนที่กระเซ็นเข้ามาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้น ฉันเจตนาพลาดรถประจำทาง
ที่จะกลับบ้านไปสองคันแล้ว ฉันยังคงเฝ้าคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
รอยเลือดของชายแปลกหน้าที่ติดอยู่บนเสื้อฉันทำให้ฉันเป็นเป้าสายตาของคนที่รอโดย
สารรถประจำทางในป้ายเดียวกัน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะซักออกไหม....
...........................
ฉันมองนาฬิกาบนผนัง สี่โมงยี่สิบ ฉันเหลือเวลาอีก ชั่วโมงกว่าที่จะไปให้ทันงาน
เลี้ยงรุ่นของมหาวิทยาลัย ฉันมองตัวเองในชุดเสื้อกระโปรงเข้ารูปสีสดในกระจก หญิง
สาวในกระจกยิ้มนิดๆ แน่ละ นี่เป็นน้ำพักน้ำแรงที่อุตสาห์เก็บออมมา หากจะนับราคา
เสื้อผ้าชุดนี้ไม่ได้แพงมากมาย แต่กับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานและมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูน้องๆ
อย่างฉัน กว่าจะเจียดเงินมาซื้อได้สักชุดก็ถือว่าลำบาก
ฉันเดินออกจากบ้าน กังวลนิดๆเมื่อเห็นว่าฟ้าครึ้มไม่นานฝนคงจะตก หวังว่าฉันคงไป
ถึงงานก่อนที่ชุดเก่งฉันจะเปียก นี่มันฤดูอะไรกันนะ ฝนนี่ คิดอยากจะตกก็ตก ก่อนที่
ฉันจะออกจากบ้านก็ตกไปรอบหนึ่งแล้ว หลักฐานก็คือแอ่งน้ำที่ขังอยู่ริมถนนที่เป็นหลุม
เป็นบ่ออยู่นั่นไงล่ะ
เสียงแตรรถที่ดังถี่ๆทำให้ฉันต้องหยุดมอง เสียงนั้นดังมาจากรถญี่ป่นคันหนึ่งที่ด้านหลัง
ห่างออกไป ซึ่งขับอย่างไร้มารยาทที่สุด ทั้งปาดทั้งแซง ทั้งที่ความจริงรถก็เคลื่อนตัวไปได้
เรื่อยๆแท้ๆ ขับอย่างนี้คงได้เกิดอุบัติเหตุสักวัน ฉันเลิกสนใจกับรถคันนั้นและตั้งใจเดิน
ไปยังป้ายรถประจำทางข้างหน้า
ทั้งน้ำทั้งโคลนที่กระเด็นขึ้นมานั้นเร็วเกินกว่าที่ฉันจะได้ตั้งตัว รถญี่ปุ่นคันนั้นพยายาม
แทรกเข้ามาซ้ายสุดและวิ่งผ่านแอ่งน้ำนั้นไปโดยไม่ได้สนใจใคร ชุดสีสดของฉันเต็มไป
ด้วยคราบน้ำและโคลน... มันดูแย่เกินกว่าที่ฉันจะใส่มันไปงานเลี้ยงรุ่นได้ ฉันมอง
นาฬิกา ยังพอเหลือเวลาอีกชั่วโมง ฉันตัดสินใจกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนชุดใหม่ น่าเสียดาย
ฉันสู้อดทนเก็บออมเพื่องานนี้ คนขับรถคันนั้นไม่แม้แต่จะหันมามามอง เจ็บใจจนน้ำตาซึม
ฉันเดินกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว หรือฉันจะไม่ไปงานเลี้ยงรุ่น แต่อย่าเลย นี่เป็น
ไม่กี่โอกาสที่จะได้เจอเพื่อนๆพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงจะไม่มีชุดเก่ง ฉันก็ยังอยากจะเจอ
เพื่อนๆอยู่ดี
ฉันเดินผ่านแอ่งน้ำแห่งเดิม คราวนี้ไม่ลืมที่จะนำร่มมาด้วย อย่างน้อยก็จะได้ผ่อนหนัก
เป็นเบานี่ละนะ ความเดือดร้อนของคนเดินถนน ฉันขึ้นรถประจำทางสายที่ต้องการได้
แต่ก็ไม่เหลือที่นั่งแล้ว เพื่อนฉันจะรู้ไหมนะว่า กว่าจะได้เจอกันนี่มันลำบากขนาดไหน
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างและต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่ารถญี่ปุ่นสีขาวคันที่ไร้มารยาท
นั้นเกิดอุบัติเหตุอยู่ข้างหน้า รถคู่กรณีเป็นรถบรรทุกขนาดเล็กซึ่งกล่องสินค้าที่บรรทุก
มาถึงกับกระจัดกระจายอยู่กลางถนน ความจริงจะเรียกว่าแปลกใจก็ไม่เชิงเพราะฉัน
ออกจะรู้สึกสะใจนิดๆ นั่นคงเป็นความเดือดร้อนของคนรวยอีกรูปแบบหนึ่ง คนขับรถ
ญี่ป่นคันนั้นอายุราวยี่สิบปลายๆแต่งตัวเรียบร้อย ยกมือไหว้เจ้าของรถบรรทุกซึ่ง
กำลังโวยวาย เจอความยุ่งยากเสียบ้างเถอะนะคุณ
ชายคนนั้นหยิบเงินออกมาจากกระเป๋ายื่นให้คนขับรถบรรทุก แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
แน่ละรถมีประกัน ต้องรอจนประกันมานั่นละ ฉันถึงกับส่ายหน้า มีคนอีกมากที่คิดว่ามีเงิน
แล้วจะทำได้ทุกอย่าง ฉันเฝ้ามองเหตุการณ์นั้นผ่านหน้าต่างรถโดยสารที่กำลังเข้าจอดที่
ป้ายหน้าชายคนนั้นหันมามองรถที่ฉันโดยสารอยู่ ก่อนที่จะยื่นทั้งกระเป๋าสตางค์และถอด
นาฬิกาให้กับเจ้าของรถบรรทุกและวิ่งจากมา ฉันเห็นเจ้าของรถบรรทุกทำท่าตะโกนตามหลัง
ชายคนนั้นวิ่งย้อนมายังป้ายรถประจำทาง ในจังหวะเดียวกับที่รถจอด เขาแทรกคิว
คนที่ยืนรออยู่ก่อนขึ้นมาบนรถโดยไม่สนใจเสียงด่าของผู้โดยสารคนอื่น ก่อนจะแทรกตัว
เองเข้ามาข้างในมาอยู่ข้างๆฉัน พวกชนแล้วหนี อีกสักครู่เขาคงให้ทนายมาจัดการตาม
ประสาคนรวยละมัง แต่อย่างน้อยเขาควรจะได้รับการสั่งสอนบ้าง ในเรื่องมารยาทที่ไม่เกรง
ใจใครแบบนี้
เขาใช้แขนเสื้อป้ายเลือดสายเล็กๆที่ไหลจากคิ้วจนแขนข้างหนึ่งเปื้อนไปหมด จะรีบอะไร
นักหนาสำหรับคนรวย กฏหมายบ้านเมืองทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว ฉันคิดในใจ
พนักงานเก็บค่าโดยสารเดินตามมา ด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ เขาทำท่าหันซ้ายหันขวาจนฉัน
อยากจะหัวเราะ ไม่เคยขึ้นรถประจำทางหรือไงถึงไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าโดยสาร
เขาหยุดหันและมองมาที่ฉันก่อนจะเอ่ยปากขอยืมเงิน ฉันมองหน้าเขาเพื่อจะค้นว่าเขารู้
ไหมว่าเขาสร้างความลำบากให้กับฉันขนาดไหน เขาอธิบายว่าให้เงินทุกบาทไปกับคนขับ
รถบรรทุก เขาขอยืมสักยี่สิบบาทและจะคืนให้ ฉันยิ้ม ฉันรู้ว่ายิ้มนั้นออกจะเป็นยิ้มเยาะหรือ
สมเพช แต่ฉันก็ทำไปแล้ว เขากล่าวคำขอบคุณเมื่อฉันชำระค่าโดยสารให้
ก่อนป้ายที่ฉันจะลงเพียงสองป้าย เขาทำท่าจะแทรกตัวออกไป ฉันเจตนาเอียงตัวขวางไว้
นิดๆอย่างน้อยก็ขอสร้างความลำบากกับเขาอีกสักหน่อย อย่างน้อยเขาก็ควรได้รู้ว่าชีวิต
มันต้องมีลำบากบ้าง เขาแทรกตัวออกไปจนฉันเซไปข้างหน้าโดยไม่สนใจแม้แต่
น้อย แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว เพราะเขาลงไม่ทันป้ายนี้แล้ว แม้ว่าเขาจะตะโกนให้จอดรถอย่าง
ไรก็ตาม ฉันยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นอีกเมื่อลงจากรถประจำทางแล้วพบว่าที่ไหล่มีรอยเลือดเปื้อน
เป็นทาง คงเป็นตอนที่เขาแทรกตัวออกไป แต่จะให้กลับไปเปลี่ยนก็คงไม่ทัน ฉันมองดูนาฬิกา
ฉันมาสายไปเกือบยี่สิบนาทีแล้ว ฉันได้แต่ก่นด่าเขาในใจ
ภายในร้านนั้นว่างเปล่า หรืองานถูกยกเลิกแล้วไม่มีใครบอกฉัน หรือเพื่อนๆฉันย้ายไปร้าน
อื่น ฉันสับสนไปหมด วันนี้ทำไมมีแต่เรื่องน่าหงุดหงิด
"ริน" เสียงเพื่อนที่เรียกชื่อฉันดังมาจากข้างหลัง ฉันหันไปมองด้วยความแปลกใจเมื่อเห็น
ว่าเธอกำลังร้องไห้
"แก้ม ถูกรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลใกล้ๆ เพื่อนเราไปอยู่ที่นั่นหมดแล้ว ฉันมารอเธอ"
เพื่อนฉันบอก ฉันได้แต่ตกใจ ไม่คิดว่าในวันเลี้ยงรุ่นจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น ฉันและเพื่อนรีบ
วิ่งไปยังโรงพยาบาลแห่งนั้น
ภาพที่เห็นทำให้ฉันใจเสียขึ้นไปอีก เพื่อนฉันบางคนนั่งร้องให้ บางคนกอดกันแล้วกลั้นสะอื้น
"แก้มไปแล้ว"
เพื่อนอีกคนบอกทำเอาฉันน้ำตาไหลโดยกลั้นไม่อยู่ พวกเราเพิ่งเรียนจบและจากกันไปเพียง
ปีเดียวแท้ๆ ทำไมความตายถึงมาพรากเพื่อนฉันไปเร็วนัก ฉันกอดเพื่อนที่เพิ่งจะวิ่งมาด้วย
กันแล้วร้องให้
"พี่นพก็มาไม่ทันดูใจแก้ม"
เพื่อนฉันพูดพร้อมกับพยายามกลั้นสะอื้น ฉันมองตามสายตาของเพื่อนฉันไป
ชายคนที่กำลังกลั้นสะอื้นอยู่ครงหน้าห้องนั้น คือคนเดียวกับคนที่ขับรถสาดโคลนใส่ฉัน
คือคนเดียวกับที่เกิดอุบัติเหตุ คือคนที่ไม่มีความเกรงใจคนนั้น
"พี่นพเป็นคนรักของแก้ม ทำงานที่เดียวกัน"
ฉันรู้สึกใด้ว่าหัวใจฉันถูกบีบเหลือนิดเดียว เจ็บปวดเหมือนมันจะหยุดเต้นไป นี่คงเป็น
การลงโทษจากสวรรค์ ฉันทรุดตัวร้องให้อยู่ตรงนั้น เฝ้าแต่คิดให้ใครสักคนให้อภัยฉัน
................................
ฉันปฏิเสธเพื่อนที่จะไปส่งฉัน หลังจากที่พ่อแม่ของแก้มมาที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันนั่งสะอื้น
อยู่ที่ป้ายรถประจำทาง รอยเลือดบนไหล่ของฉันยังไม่จางลงไป แล้วรอยแผลในใจฉันล่ะ...
คนที่ดูเลวร้ายที่สุดในสายตาของคนทั้งโลก อาจกำลังทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตให้กับใคร
สักคนก็เป็นได้....
.................................
จากคุณ :
กลิ่นกาแฟครับ
- [
30 ส.ค. 51 15:44:26
]