Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    [เรื่องแปล] จอมนางคู่บัลลังก์ บทที่ 10 (เขียนโดย...เฟิงน่ง)

    บทที่ 1-3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6833585/W6833585.html

    บทที่ 4-6   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6837939/W6837939.html

    บทที่ 7   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6847435/W6847435.html

    บทที่ 8   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6879659/W6879659.html

    บทที่ 9 (ครึ่งแรก)   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6900453/W6900453.html

    บทที่ 9 (ครึ่งหลัง)   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6922261/W6922261.html

    เชิงอรรถท้ายเล่ม   http://my.dek-d.com//story/viewlongc.php?id=423352&chapter=12




    บทที่ 10


    ผืนแผ่นดินสีขาวโพลน

    พิงถิงหยุดม้า เอ่ยถามคนผ่านทางเป็นครั้งแรกว่า

    “ท่านปู่ท่านนี้ ผาสามแยกนางแอ่นไปทางไหนหรือ ?”

    “ตรงไปข้างหน้า เห็นทางช่องผาข้างหน้านั่นไหม ? ให้เข้าไปข้างใน ตรงสุดทางจะมีทางแยกไปซ้ายขวา ให้ไปทางขวา แล้วขี่ม้าต่อไปอีกครึ่งวันก็จะถึง” ผู้เฒ่าซึ่งแบกเสบียงอาหารที่ตากแดดเอาไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อหน้าร้อนมาหนึ่งกระสอบเอ่ยตอบ แล้วเงยหน้าขึ้น “อากาศหนาวจะแย่ ยังต้องเร่งเดินทางอีกหรือ ?”

    “ใช่แล้ว !” หญิงสาวกล่าวขอบคุณผู้เฒ่า แล้วชักม้าหันหัวกลับ คลี่ยิ้มละไม “ทางช่องผาหรือ......”

    เป้าหมายอยู่ตรงหน้านี่เอง

    นึกถึงรอยยิ้มอันอบอุ่นของนายน้อย เมื่อได้พบนาง ไม่ทราบนายน้อยจะมีสีหน้าเช่นไร

    หญิงสาวระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเอาไว้ไม่อยู่ จึงสะบัดแส้ใส่บั้นท้ายม้าไปหนึ่งครั้ง ม้าส่งเสียงร้องก้องแล้ววิ่งเหยาะๆ ตรงไปข้างหน้า

    ทางช่องผาอยู่ข้างหน้านี่เอง แนวผนังผาทั้งสูงและลาดชันสองแนวขนาบทางสายน้อยซึ่งสามารถให้ม้าเพียงสามตัววิ่งเคียงกันเข้าไปได้เอาไว้ตรงกลาง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจากในทางช่องผา จะเห็นท้องฟ้าเล็กแคบเป็นเส้นเดียว

    รัศมีสีเทาสาดส่องลงมา

    พิงถิงยืนอยู่ที่ด้านหน้าปากทางเข้าของทางช่องผาอย่างเงียบงัน

    สายลมพัดทะลวงผ่านช่องทางแคบเล็ก หนาวเหน็บเสียดกระดูก ในเสียงหวีดหวิวอันหนาวสะท้าน ได้ม้วนกรวดทรายปลิวตลบ

    ในอากาศแฝงเร้นลางสังหรณ์อันทำให้จิตใจไม่สงบอย่างประหลาด

    “ทหาร......” ปากจิ้มลิ้มขยับแผ่วเบา แล้วทอดถอน ชั่วครู่ให้หลัง รูม่านตาของหญิงสาวได้หดวูบราวกับสำเหนียกถึงภัยที่กำลังมาเยือน มือสะบัดแส้หวดลงบนตัวม้าโดยแรง

    “ย่าห์ !”

    ดูเหมือนม้าดำเองก็กระสากลิ่นแห่งความไม่สบายใจได้เช่นกัน จึงแผดร้องก้องอย่างพลุ่งพล่าน เท้าทั้งสี่ลอยพ้นพื้น ห้อตะบึงเต็มเหยียดเข้าไปในทางช่องผาจนเสียงลมพัดผ่านหูดังอื้ออึง

    ผนังผาสองฟากข้างคุกคามเข้ามาหาอย่างน่าสะพรึงกลัว

    ทางด้านหลัง เสียงฝีเท้าม้าดังสะเทือนเลือนลั่นได้ปรากฏขึ้นอย่างปุบปับ ประหนึ่งมารร้ายซึ่งซุ่มซ่อนกายอยู่ใต้พิภพได้มาเยือนโลกหล้าอีกครั้ง

    ทหาร...ทหารที่ไล่ตามมา !

    ทหารของวังเจิ้นเป่ยหวางได้ไล่ตามมาถึงแล้ว !

    เสียงฝีเท้าม้าที่ดุจดั่งหมายจะเหยียบย่ำผืนแผ่นดินสีขาวโพลนแห่งนี้ให้พังพินาศดังสะท้อนก้องอยู่ทางด้านหลัง

    ใกล้เข้ามาทุกที...ทุกที...ดังกึกก้องจนหูแทบหนวก ไม่ยากจะจินตนาการถึงไอสังหารตลบฟ้าและอาวุธอันคมกริบสะท้อนประกายสีเงินทางด้านหลัง

    พิงถิงห้อตะบึงไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับไปมอง

    เสียงโห่ร้องดั่งพายุหมุนตามติดมาอย่างกระชั้นชิด

    “หยางเฟิ่ง !”

    เสียงร้องเรียกกึกก้องทรงอำนาจดังมากระทบโสต

    ฉูเป่ยเจี๋ยมาถึงแล้ว...

    ร่างบอบบางบนหลังม้าสะท้านน้อยๆ  หญิงสาวหลับตาลง ห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่งบนทางสายน้อยต่อไป

    ...พุ่งไป...พุ่งไป !... สายลมที่พัดกระหน่ำอย่างกำแหงหาญกรีดใส่ใบหน้าจนเจ็บแปลบ

    “ป๋ายพิงถิง !”

    ยังคงเป็นเสียงของคนเดียวกัน เจือกระแสกราดเกรี้ยวอย่างน่าสะพรึงกลัว...

    ร่างบางสะท้านเยือกอีกครั้ง

    น้ำเสียงอ่อนโยนของคนผู้นี้...นางจำได้อย่างลึกซึ้ง

    เขาบอกว่าเรามาสาบานต่อจันทรา...จะไม่ทรยศกันชั่วนิรันดร์

    เขาบอกว่าเมื่อวสันต์มาเยือน จะเลือกดอกไม้สดที่งามที่สุดหนึ่งดอกมาปักเรือนผมให้นางผู้เป็นที่รักของเขาทุกวัน

    แต่บัดนี้เพลิงโทสะของเขาได้ลุกโรจน์ ดุจราชสีห์ที่ถูกยั่วให้โกรธเกรี้ยว จนกระหายเลือด...

    นั่นคือเสียงของจอมอสูรผู้ซึ่งนำทัพหมื่นม้าบุกทะลวงทัพข้าศึกในสมรภูมิ ยามทลายทัพศัตรูออกคำสั่งประหารฆ่าไม่ละเว้น

    เสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามาอีกแล้ว ราวกับอยู่ด้านหลังนี่เอง

    หญิงสาวทุ่มเทสุดกำลังออกคำสั่งให้ม้าพาหนะห้อตะบึงพร้อมกับสะบัดแส้หวดเร่งอย่างดุดันอีกครั้ง

    แส้มิได้หวดลง เพราะมีคนไล่ตามมาทัน และกระตุกดึงแส้ในมือของนางออก จากนั้นยื่นมือมารวบเอวของนางไว้อย่างดุดัน กระชากด้วยกำลังมหาศาลราวกับหมายจะระบายความโกรธเกรี้ยวทั้งหมด

    “กรี๊ด !” หญิงสาวหวีดร้องอย่างตระหนก ร่างบางร่วงตกลงสู่อ้อมอกกว้างหนาซึ่งไฟโทสะกำลังลุกโชติช่วง

    ครั้นลืมตา ก็พบกับดวงตาดำสนิทที่เต็มไปด้วยแววอันตรายลอยอยู่เหนือศีรษะ

    “หนีมาไกลมากพอแล้ว” มือหนึ่งบังคับม้า มือหนึ่งจับตัวเชลยเอาไว้แน่น ฉูเป่ยเจี๋ยโค้งริมฝีปาก เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “ดูเจ้าสิ ไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย แล้วยังหนีมาไกลถึงเพียงนี้เชียว”

    ในน้ำคำอันอ่อนโยนผิดคาดหมายซ่อนเร้นอันตรายอย่างลึกล้ำ หญิงสาวนิ่งมองชายหนุ่มอย่างสงบ

    “ทราบตั้งแต่เมื่อไรเพคะว่าหม่อมฉันคือป๋ายพิงถิง ?”

    “ยังดี...ยังไม่ใช่เมื่อสายเกินไป” ชายหนุ่มก้มหน้าลง หรี่ตามองนางอย่างพิจารณา

    ลำคอระหง มือเรียวขาวผ่อง ดวงหน้าหมดจดเกลี้ยงเกลา

    แววตายังคงสงบเยือกเย็นนัก ประกายฉลาดเฉลียวซ่อนเร้นอยู่อย่างลึกล้ำในส่วนลึกของดวงตา

    นางต้องไม่ทราบเป็นแน่ว่าสิ่งใดคือทัณฑ์ทรมานที่แท้จริง และต้องไม่ทราบเช่นกันว่าเจิ้นเป่ยหวางที่กำลังกราดเกรี้ยวนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด...

    จะลงโทษนางอย่างไรดี ?

    “ตงจั๋วเล่า ?” หญิงสาวถามต่อ นางไม่มีทางดิ้นหลุดรอดไปจากเงื้อมมือของฉูเป่ยเจี๋ยได้อยู่แล้ว จึงผ่อนคลายตัวเองอิงแอบกับอกกว้างเสียเลย แล้วแหงนหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน

    “หนีไปแล้ว วางใจเถิด ข้าจะจับเขาให้ได้แน่นอน พวกเจ้าจะได้พบกันอีกครั้งในไม่ช้า” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา “ผาสามแยกนางแอ่น ถูกหรือไม่ ?”

    หญิงสาวคลี่ยิ้มบาง

    ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม “หากกลัวก็ร้องเถอะ ข้าใจอ่อนกับน้ำตาของเจ้ามากที่สุด”

    หญิงสาวหยุดยิ้ม “ข้างกายฝ่าบาท จะต้องมียอดฝีมือด้านการสะกดรอยอยู่เป็นแน่”

    “ถูกต้อง”

    “ฝ่าบาทระแวงสงสัยความเป็นมาของหม่อมฉันแต่แรกแล้ว เมื่อจับคนของวังจิ้งอานหวางได้ จึงนำมาทดสอบหม่อมฉัน”

    “หากเจ้าสะกดกลั้นตัวเองอยู่ ปล่อยให้เจ้าหนูนั่นถูกข้าเฆี่ยนจนตาย ก็คงขจัดความหวาดระแวงของข้าไปได้”

    “ฝ่าบาทจงใจปล่อยให้หม่อมฉันช่วยเขาไปได้ แล้วลอบสะกดรอยตามพวกเราเพื่อจะหาที่ซ่อนตัวของนายน้อย”

    ฉูเป่ยเจี๋ยมองร่างบางในอ้อมแขนอย่างรู้ทัน

    “มีทหารอีกกองหนึ่งล้อมผาสามแยกนางแอ่นเอาไว้แล้ว แผนกองหนุนของเจ้าไร้ประโยชน์”

    “อกของฝ่าบาทนี่อุ่นที่สุดจริงๆ” ดูเหมือนนางจะล้าเสียแล้ว จึงหลับตาลง อิงแอบเข้าหาชายหนุ่มอย่างโอนอ่อน “ในเมื่อฝ่าบาทร้ายกาจถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดจึงจับตัวตงจั๋วไม่ได้เล่า ?”

    ฉูเป่ยเจี๋ยถูกนางกล่าวสะกิด ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ตัวเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อในบัดดล ผลุนผลันชูดาบขึ้นตวาดออกคำสั่งเสียงดังลั่นทันควัน

    “ถอย ! ถอยออกจากที่นี่ !”

    หญิงสาวยิ้มหวาน “สายไปแล้วเพคะ”

    จากคุณ : Linmou - [ 1 ก.ย. 51 06:34:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom