หากคุณได้พบกับเพื่อนเก่า
ในสภาพที่คุณภาพชีวิตของคุณขณะนั้น อาจจะเทียบกับเพื่อนคนนั้นไม่ได้
คุณจะรู้สึกอย่างไร ?
คุณคิดว่า เขาจะคิดกับคุณอย่างไร ?
และหากเพื่อนของคุณคนนั้นเขาเห็นคุณแล้วเขาไม่ได้ทักทายคุณ แต่กลับทำเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันเลยล่ะ
คุณคิดอย่างไร ?
ชีวิตช่วงเวลาหนึ่งของคนหนึ่งคน ในแต่ละวันต้องพบเจอกับคนอื่นๆ มากมาย
ไม่มีใครที่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่า ในวันนี้ อีกหนึ่งวินาที หนึ่งนาที หรืออีกหนึ่งชั่วโมง ข้างหน้า
เราจะได้พบเจอใครบ้าง และส่วนหนึ่งของคนที่เราพบเจอนั้น จะเป็นคนที่เราเคยรู้จักหรือไม่
หากเรารู้ได้ล่วงหน้าคงจะดีทีเดียว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ
ในวันนั้นฉันคงทำได้ดีกว่านี้
และ คงไม่ต้องมารู้สึกผิดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นเป็นแน่ทีเดียว
เมื่อคราวที่ยังใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนในเมืองหลวงอันศิวิไลซ์
ครั้งหนึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีเวลามากพอที่จะเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
ซึ่งในทุกๆ ครั้งที่เดินทางกลับบ้าน ฉันมักจะใช้บริการรถไฟไทย เพราะปลอดภัยดี
และทำให้ได้พบเพื่อนร่วมทางมากมายหลายเพศ หลายวัย หลายอาชีพ
ได้เห็นความหลากหลายของวิถีชีวิตของคนที่ร่วมขบวนเดียวกัน บนเส้นทางสายเดียวกัน
ทุกคนล้วนเป็นคนที่ฉันไม่เคยรู้จักมักคุ้นมาก่อนเลย
กับบางคนที่เพียงแค่ยิ้ม หรือพูดคุยกันบ้างตามประสาคนในท้องถิ่นเดียวกัน
แล้วก็จากกันไปเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง โดยอาจไม่มีแม้แต่การร่ำลา
ฉันเดินทางกลับบ้านในช่วงวันหยุดหลายครั้ง แต่ในครั้งนี้แตกต่างกับทุกครั้งที่ผ่านมา
ฉันไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าจะได้พบคนที่ฉันเคยรู้จัก ถึงแม้ว่าจะไม่สนิทกันมากมายนัก แต่ก็ถือว่าเราเคยใช้ชีวิตในสถานที่แห่งเดียวกันมาเป็นเวลานานถึง 6 ปี และถึงแม้เวลาที่ใช้ในสถานที่แห่งเดียวกันนั้น จะเป็นเวลาเพียงแค่วันละประมาณ 8 ชั่วโมงก็ตามที
ใช่แล้วล่ะคุณคิดถูกต้องแล้ว สถานที่ฉันกล่าวถึงนั้นก็คือ โรงเรียนนั่นเอง
และถูกต้องอีกเช่นกัน ที่คนที่ฉันได้พบวันนั้น เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันในวัยเด็ก
ด้วยความที่ฉันมีพี่น้องเป็นหญิงล้วน ทำให้ไม่สนิทใจกับการสนิทสนมกับเพื่อนผู้ชาย ดังนั้นฉันจึงไม่สนิทกับเขามากนัก
เขาเป็นคนเรียนเก่ง เป็นนักกีฬาของโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นนักกิจกรรมตัวยง ร่วมกิจกรรมทุกอย่างของทางโรงเรียน และทำได้อย่างดีด้วย
ซึ่งฉันก็ได้แต่ชื่นชม และภูมิใจที่ได้มีเพื่อนร่วมห้องเป็นคนเก่งอย่างเขา
แต่น่าเสียดาย ด้วยความที่ฐานะทางการเงินของครอบครัวเขาไม่พร้อม ทำให้ไม่มีโอกาสเรียนต่อ
หลังจากจบชั้นประถมศึกษา เพื่อนร่วมห้องหลายคนไม่ได้เรียนต่อ ฉันและเพื่อนๆ ส่วนหนึ่งเรียนต่อในระดับสูงขึ้น
เราทราบข่าวเพียงว่า เพื่อนคนนี้ยึดอาชีพถีบสามล้อรับจ้าง หาเงินช่วยแม่และส่งน้องเขาให้เรียนต่อ พวกเราทุกคนและคุณครูทุกท่านบ่นเสียดายเมื่อทราบว่าเขาไม่ได้เรียนต่อ
ฉันคิดว่า เขาเองคงอยากจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเป็นแน่ เพราะอย่างที่ฉันบอกแต่แรกเขาเรียนเก่ง ขยัน และรักการเรียนมาก แต่เมื่อโอกาสไม่เอื้ออำนวยอย่างนั้น เป็นฉันก็คงจะเลือกทางเดินชีวิตแบบเดียวกับที่เพื่อนของฉันคนนี้เลือก
ฉันไม่เคยได้พบเขาเลย หลังจากแยกย้ายกันไป เมื่อเราจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
จนกระทั่งในวันนั้น เมื่อรถไฟขบวนที่ฉันโดยสาร จอดที่สถานีปลายทาง ของเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
หลังจากเก็บข้าวของสัมภาระเรียบร้อย ฉันก็เดินลงจากรถไฟตามปกติ
เมื่อก้าวเข้าสู่ชานชาลาของสถานี ฉันก็ได้พบกับเขา
ฉันจำเขาได้ทันที่ที่ได้เห็นหน้า แต่สำหรับเขา ฉันไม่แน่ใจ แต่แวบเดียวที่ฉันมองหน้าเขา เห็นเพียงหัวคิ้วเขาย่นนิดหน่อย เหมือนใช้ความคิดขณะที่เรามองหน้ากัน
แต่ขณะนั้น........ ไม่รู้ว่าทำไมฉันจึงได้คิดหรือทำตัวเช่นนั้น
แทนที่ฉันจะทักทายเขา ฉันกลับไม่ได้มองหน้าเขา และรีบเดินออกจากสถานีรถไฟไป
ในความคิดของฉันตอนนั้น คิดเพียงว่า ฉันไม่ควรทักเขา เพราะฉันกลัวเขาอาย อายที่เขายังคงเป็นคนถีบสามล้อรับจ้างเช่นเดิม
เมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไป จนฉันกลับถึงบ้าน ได้พบพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง ฉันกลับไม่มีความสุขมากมายเหมือนทุกครั้งที่ได้กลับบ้านอันแสนอบอุ่น
ฉันคิดทบทวนในการกระทำของตนเองต่อเพื่อนของฉันคนนั้น ว่า ทำไมฉันจึงไม่ทักทายเขา ทำไมต้องไปคิดแทนเขาว่าเขาจะอาย ทั้งที่อาชีพที่เขาทำก็เป็นอาชีพสุจริต ซึ่งเขาควรจะภูมิใจด้วยซ้ำที่ไม่ได้เบียดเบียนหรือทำให้ใครเดือนร้อน
เขาอาจจะดีใจที่ได้พบกับฉันซึ่งเป็นเพื่อนเก่า อาจจะอยากถามว่าตอนนี้อยู่ไหน ทำอะไร ได้พบเจอเพื่อนๆ หรือไม่ และอีกหลายคำถามที่เราจะได้ทราบคำตอบจากการพูดคุยกันก็ได้
ทำไม .. ทำไม..และ ทำไม.. คำถามต่างๆ วนเวียนอยู่ในหัวของฉันอยู่อย่างนั้น จนถึงทุกวันนี้ และถึงแม้เหตุการณ์ในครั้งนั้นจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม แต่เมื่อใดที่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น คำถามทั้งหมดก็ยังคงอยู่กับความคิดของฉันทุกครั้งไป
คุณรู้ไหม หากฉันกลับไปแก้ไขเหตุการณ์นั้นได้ หรือ หากฉันรู้ล่วงหน้าในวันนั้นว่าจะได้พบกับเขา ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นเลย
ฉันรู้ว่าฉันผิด ผิดทั้งความคิด และการกระทำต่อเพื่อนของฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้เลย
ในวันนี้ฉันทำได้เพียงแต่ขอโทษเขาลอยๆ โดยที่เขาไม่อาจรับรู้ได้ พร้อมกับกล่าวโทษตัวเอง และภาวนาให้ได้พบเขาอีกครั้ง แล้วฉันจะยิ้มทักทายเขา สอบถามถึงสารทุกข์สุขดิบของเขา และเพื่อนคนอื่นๆ รวมทั้งกล่าวคำขอโทษกับเขา ที่ในการพบกันในครั้งนั้นฉันไม่ได้ทักทายเขาเลย
ฉันอยากพบเขาอีกจัง....
เพื่อนเก่า เราอยากให้เธอรับรู้ไว้ว่าเรา ขอโทษจริงๆ นะเพื่อนคนเก่ง...
หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับคุณ
เหตุการณ์ที่คุณได้พบเพื่อนเก่าที่ห่างหายจากกันไปนานมาก
ไม่ว่าคุณกับเพื่อนคนนั้นจะสนิทกันหรือไม่
ความเป็นอยู่คุณกับเพื่อนจะแตกต่างกันเพียงใด
ขออย่าได้ละเลยที่จะทักทายปราศรัยกับเขา
อย่าทำแบบเดียวกับที่ฉันทำเลย
แล้วคุณจะไม่รู้สึกผิดต่อเพื่อนของคุณ..... อย่างที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้... T-T
จากคุณ :
กันย์นลิน
- [
2 ก.ย. 51 20:57:14
]