เรื่องสั้นเรื่องนี้เขียนมาจากเรื่องจริงอิงประสบการณ์ ซึ่งก็เติมแต่งเล็กน้อยให้ดูดีมากขึ้น โดยที่ตัวละครแต่ละคนได้มีการเปลี่ยนชื่อเรียบร้อยแล้ว คนเขียนมิได้เขียนเรื่องนี้ เพื่อมีจุดหมายมุ่งร้ายในทางที่เสื่อมเสียแต่อย่างใด หากแต่หัวใจของคนเขียน ต้องการเพียงถ่ายทอดความทรงจำดี ๆ ที่เคยประสบพบเจอเมื่อหลายปีก่อน (เมื่อครั้งยังวัยรุ่น) และอยากเอามาแบ่งปันทุกคนให้ได้อ่านค่ะ
ค่ำคืนนี้หลังจากกลับมาจากทำงาน ฉันก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร็ว จากนั้นก็หยิบสมุดเอกสารต่าง ๆ ที่ทำค้างจากที่ทำงานมาทำไปพลาง ๆ ฉันเพิ่งจะย้ายมาอยู่คอนโดแห่งนี้ได้เพียงแค่อาทิตย์เดียว เนื่องจากได้งานบัญชีที่แถว ๆ ถนนสุขสวัสดิ์ เพื่อนสนิทของฉันเป็นคนชักชวนให้ฉันมาเช่าคอนโดแห่งนี้ เพราะราคาไม่แพง พร้อมทั้งมีเครื่องเอื้ออำนวยความสะดวกหลายอย่าง
ครั้งแรกที่เข้ามาดูห้อง ฉันก็รู้สึกชอบห้องนี้เป็นพิเศษ เพราะอยู่ในมุมที่เงียบ ที่สำคัญเป็นห้องที่อยู่ติด ๆ กับห้องของเพื่อนสนิทเสียด้วย เมื่อได้ห้องที่ถูกใจฉันก็รีบวางเงินมัดจำไว้เลย จากนั้นก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดแห่งนี้โดยเร็ว ซึ่งคนที่ดูแลคอนโดก็ไม่เรื่องมากแต่อย่างใด เมื่อเงินมัดจำพร้อมก็ยื่นกุญแจห้องให้ฉันทันที
เมื่อนั่งทำงานกับเอกสารแฟ้มที่เอามาจากที่ทำงานเสร็จแล้ว ฉันก็หยิบหนังสือมานอนอ่านไปเรื่อย ๆ ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดูละครรอบดึก จึงเลือกที่จะอ่านหนังสือมากกว่า ช่วงที่อ่านหนังสือเพลิน ๆ ก็มีเสียงคนเคาะประตูหลายครั้ง
ป๊อก ๆ ป๊อก ๆ
ฉันลุกขึ้นจากเตียง วางหนังสือไว้บนที่นอน เดินมาตรงประตูห้องด้านหน้า
ใครเหรอ จึงเอ่ยถามชื่อคนที่มาเคาะประตู
ไม่มีเสียงคนตอบรับ ฉันก็เลยแง้มผ้าม่านส่องดู ซึ่งก็ไม่มีใครอยู่หน้าประตู คงมีแต่เพียงเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ตรงระเบียงห้อง ตอนแรกฉันก็คิดว่าอาจจะเป็นเด็ก ๆ ที่เล่นอยู่หน้าห้อง จึงไม่ได้สนใจอะไร และก็เดินกลับมานอนอ่านหนังสือต่อ
พอตกดึกมีคนมาเคาะประตูอีก ฉันจึงอดไม่ได้ที่จะกดโทรศัพท์ไปยังห้องของเพื่อน
นี่เดือน เธอเห็นใครมาเคาะประตูห้องเราไหม นี่มีคนมาเคาะอีกแล้ว พอเราเปิดผ้าม่านส่องดู ก็ไม่เห็นมีใครเลย
ใช่เด็กที่วิ่งเล่นหน้าห้องหรือเปล่า เด็กพวกนี้ไม่ยอมหลับยอมนอนนะเธอนะ บางคืนดึก ๆ ก็ยังนั่งเล่นกับพ่อแม่อยู่หน้าระเบียงเลย ฉันเห็นบ่อยจะตาย
เดือนเพื่อนสนิทซึ่งพักอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้มาสี่ปีเต็ม ๆ เธอรู้เรื่องความเป็นมาเป็นไปของคอนโดแห่งนี้เป็นอย่างดี
สงสัยคงจะเป็นเด็กน้อยจริง ๆ แหละ ช่างมันเถอะ เราไม่ถือหรอก
แล้วเธอยังไม่หลับอีกเหรอน้อง เดือนถามอย่างสงสัย
ยังหรอก เราอ่านหนังสืออยู่
ปกติเธอหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่ใช่เหรอ
ใช่จ้ะ เราหยุด
พรุ่งนี้ไปไหว้พระที่พระสมุทร์เจดีย์กับเราไหม อาทิตย์นี้แฟนเราไม่อยู่ด้วย ไม่อยากไปคนเดียว เหงา ๆ ยังไงก็ไม่รู้
ไปก็ไป ว่าแต่จะไปกันกี่โมงเหรอ
ตอนบ่าย ๆ ดีกว่า จะได้นอนตื่นสายหน่อย ไม่ต้องรีบนะ
ยังไงก็มาเคาะประตูห้องเราแล้วกัน
ได้เลยจ้า
เมื่อวางสายจากเดือน ฉันก็นั่งอ่านหนังสือเรื่อย ๆ คืนนี้เงียบผิดปกติ ไม่มีเสียงเด็กน้อยวิ่งเล่นที่หน้าระเบียงเหมือนเคย ตาที่จ้องหนังสือนาน ๆ ทำให้รู้สึกเมื่อย ฉันวางหนังสือลงบนที่นอน และเดินมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องด้านหลัง ซึ่งยื่นออกไปด้านนอก สายตาก็มองดูดาวและพระจันทร์สีสวยโดดเด่นในเงามืด สายลมที่พัดผ่านเข้ามาทำให้รู้สึกเย็นสบายกว่าอยู่ในห้องเสียอีก
ฉันยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดถึงอดีตคนรักที่เลิกรากันไปเมื่อหลายปีก่อน ป่านนี้เขาคงจะมีคนรักใหม่ไปแล้ว และก็คงลืมฉันไปแล้ว แต่ฉันนี่สิยังรักใครไม่ได้เลย แม้ว่าฉันจะเลิกรักเขาไปแล้วก็ตาม แต่หัวใจของฉันมันยังไม่พร้อมที่จะรับใครเข้ามาในชีวิต
พอสักพักก็กลับเข้ามาภายในห้อง ปิดล็อกประตูให้เรียบร้อย และก็หยิบหนังสือไปวางไว้ที่โต๊ะข้าง ๆ เตียง การต้องพักอยู่คนเดียวในห้องที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคย ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ก็พยายามคิดว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรชั่วร้าย คงไม่มีสิ่งเลวร้ายเข้ามาให้พบเจอ
แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 51 16:19:34