พระอาทิตย์ดวงโตที่อยู่ตรงหน้าของผม สะท้อนกับม่านน้ำทอแสงประกายดูระยิบระยับงามจับตาเหลือเกิน เวลาที่ผมนั่งเงียบๆคิดอะไรเพลินๆคนเดียว สิ่งรอบข้างที่เป็นธรรมชาติสามารถบำบัดความเหงาของผมได้เป็นอย่างดี นานแค่ไหนที่ผมไม่ได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด โดยเฉพาะสถานที่แห่งนี้...นั่นคือโรงเรียนที่สอนให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ...ถ้าไม่มีสถานที่แห่งนี้ ผมคงไม่ได้เป็นผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทมหาชนในปัจจุบัน
แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันนี้กำลังลาลับสายตาแต่ก็ยังไม่สิ้นแสงต้องกับเสาเหล็กที่ปลายยอดมีธงชาติไทยโบกสบัด
สายลมยามเย็นพัดผ่านผิวสัมผัสของผมเบาๆ ผสมกับเสียงวิหกโผบินกลับรังส่งเสียงพูดคุยกันอย่างอบอุ่นต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ ณ ห้วงเวลานี้ผมอยากเป็นนกน้อยกลุ่มนั้นจังเลยที่โบกโบยบินอิสระและมีสังคม
หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัยมีชื่อในกรุงเทพมหานคร เส้นทางชีวิตของผมก็หันเหเข้าสู่วัยทำงาน และก็ทำงานมาโดยตลอด จนลืมคิดถึงสิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปในวัยเด็ก ช่วงชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับผม ไม่รู้ว่าผมเก็บความทรงจำนั้นไว้ที่ซอกมุมไหนของตัวเอง...แต่ทุกครั้งที่ผมนึกถึงวัยเด็กผมจะจำเพื่อนกลุ่มนี้ได้ดีที่เติบโตมาพร้อมกับผม แต่ให้ตายสิ!! ทุกวันนี้ผมไม่เคยติดต่อหรือทราบข่าวคราวของเพื่อนๆเลยสักคน เงาของเสาธงกำลังพาความทรงจำของผมกลับเข้าสู่ห้วงวัยเด็กอีกครั้งอย่างช้าๆ...
ปิติ พิทักษ์ถิ่น คือเพื่อนคนแรกที่ผมรู้จัก นิสัยซุกซนและชอบผจญภัย ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้.. มีครั้งหนึ่งปิติชวนผมเข้าไปในป่าที่อยู่แถวหลังโรงเรียน โดยอาศัยเจ้าแก่ ม้าคู่กายของปิติ ในป่าแห่งนั้นดูยิ่งใหญ่และกว้างขวางมากๆสำหรับเด็กวัย 6-7 ขวบเราสองคนสวมบทบาทเป็นพรานป่าวิ่งเล่นซ่อนหากันอย่างสนุกสนานตามต้นไม้ใหญ่จนตะวันใกล้ตกดินจึงต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน
ปิติ พรุ่งนี้มาเล่นที่นี่กันอีกนะ เราจะชวนเพื่อนๆมาด้วย
เสียงของผมบอกกับปิติ หลังจากที่กระโดดลงจากหลังม้าแล้ว ปิติพยักหน้ารับทราบแล้วควบมันวิ่งกลับไปทางเดิม เช้าวันต่อมาผมรีบไปชวนวีระ เพื่อนในกลุ่มด้วยอีกคนหนึ่ง จำได้ว่าวีระ นามสกุล ประสงค์สุข รายนี้ก็มีความซนแก่นเซี้ยวไม่ต่างกัน หลังจากรวมตัวกันครบแล้วก็ใช้พาหนะเดิม คือเจ้าแก่ กว่าจะกลับเข้ามาบ้านอีกครั้งก็ตะวันบ่ายคล้อย จำได้ว่าโดนแม่หวดด้วยก้านมะยมไปหลายที สอง-สามวันมานี้ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเอาแต่เที่ยวเล่นทั้งวัน
(โปรดอ่านต่อ)
จากคุณ :
ออมสินไตตั้น
- [
5 ก.ย. 51 13:52:44
]