Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    วนเวียน(ศิลปะ)

    การวนเวียนแหวกว่ายอยู่ในการกระทำเดิมๆ ซ้ำๆ อาจเป็นเรื่องน่าเบื่อ หรืออาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่ก้าวหน้า ไม่พัฒนา สำหรับคนบางคน ยิ่งหากคนคนนั้นไม่ได้ประกอบวิชาชีพศิลปะ หรือไม่ได้หลงใหลคลั่งไคล้ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์อย่างจริงจัง แต่การลงมือกระทำซ้ำๆ แบบไม่ยอมเลิกราง่ายๆ (ถึงแม้นว่าจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่กำลังกระทำนั้นอยู่ ‘แล้ว’ หรือ ‘ยัง’ ก็ตาม) นับว่าเป็น ‘สัญญาณดี’ สำหรับคนศิลปะที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นไปสู่บันไดแห่งความสำเร็จในโลกทัศนศิลป์

    ‘ซ้ำๆ’ ไม่ได้หมายถึงการทำซ้ำกับคนอื่น  

    และคนยืนยันเท่านั้นที่จะอยู่รอดในโลกแห่งการสร้างสรรค์  

    การวนเวียนอยู่ในพฤติกรรมการย้ำคิด ย้ำทำ อาจดูเป็นเรื่องน่ากังวลหากผู้ที่เป็นเจ้าของพฤติกรรมนั้นไม่ได้มีหัวใจจดจ่อกับศิลปะ แต่การ ‘ย้ำ’ คิดและทำดังกล่าวจะกลายเป็นเรื่องน่าสรรเสริญโดยพลันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเขาหรือเธอคนนั้นย้ำย่ำในวิชาชีพศิลปะและการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการย้ำพูด ย้ำทำ ย้ำคิด ย้ำมุ่งมั่น ที่สำคัญคือ ย้ำ ‘ยืนยัน’  

    การวนเวียนอยู่นั่นอย่างไม่ยอมเลิกรา หรือการ ‘กัดไม่ปล่อย’ จนกว่าจะถึงที่สุดนั้นก็คือการ ‘ยืนยัน’ นั่นเอง  

    เป็นที่รับรู้กันดีในหมู่ศิลปินที่มีอาชีพขายความฝันและจินตนาการว่าการ ‘ยืนยัน’ อย่างมั่นคงในสายอาชีพศิลปะนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในบางครั้งหากดื้อดึงยืนยันโดยไม่รู้ที่มาที่ไป หรือยืนยันโดยไม่มีฐาน (ทั้งรูปธรรมและนามธรรม) ที่แน่นพอ การดื้อดึงดังกล่าวก็อาจจะเป็นกลายเป็นการทำร้ายตัวเองได้

    หรือถ้าใครคนนั้นมีความรู้ความสามารถอย่างเปี่ยมล้น แต่ดันทู่ซี้ดื้อดึง ‘ยืนยัน’ ผิดสถานการณ์ ผิดที่ ผิดเวลา ผิดโอกาส ผิดสถานะ ฯลฯ การมั่นคงในจุดยืนนั้นๆ ก็แทบจะกลายเป็นการฆ่าตัวตายได้เลยเช่นกัน

    การ ‘ยืนยัน’ กับการ ‘ดื้อรั้น’ ถือเป็นคนละเรื่อง

    คนศิลปะย่อมรู้คุณค่าความสำคัญของการ ‘ยืนยัน’ เป็นอย่างดีว่ามี ‘ผล’ มหาศาลต่ออัตลักษณ์ในผลงานของตนเอง และความเจริญก้าวหน้าบนเส้นทางศิลปกรรมมากมายล้นพ้นสักเพียงใด

    ด้วยความที่รับรู้ถึง ‘ผล’ ของการยืนยันได้เป็นอย่างดีมากเกินไป ทำให้ศิลปินหลายๆ คนยึดมั่นถือมั่นที่จะปฏิบัติการ ‘ยืนยัน’ จนเกินพอดี ซ้ำหลายคนยังเกิดอาการหน้ามืดตามัว แยกไม่ออกระหว่างคำว่า “ไม่ยอมรับสิ่งใหม่” กับ “ยืนยันในสิ่งเก่า”

    หากใจปิด การยอมรับในสิ่งใหม่เพื่อนำสิ่งที่เป็นประโยชน์เหล่านั้นมาเสริมความแข็งแรงให้กับการ ‘ยืนยัน’ ก็ไม่เกิด

    ถ้าใจเปิด โอกาสที่จะยอมรับสิ่งใหม่เพื่อนำสิ่งดังกล่าวมาสร้างฐาน เสริมราก ให้กับสิ่งเก่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการ ‘ยืนยัน’ ก็ถือกำเนิด

    ‘ความจริง’ ของศิลปะที่ใช้ได้ดีกับคนศิลปะในทุกยุคทุกสมัยอย่างไม่มีเสื่อมคลายก็คือ “ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่ออนุรักษ์สิ่งเก่า”

    อย่างไรก็ตามแต่ ควรยืนยันอย่างฉลาด มั่นคงอย่างมีสติ โอนเอนได้ (บ้าง) ในบางสถานการณ์  หากการหวั่นไหวนั้นๆ จะช่วยส่งผลให้การ ‘ยืนยัน’ มีอานุภาพมากยิ่งขึ้นในภายหลัง

    การ ‘รอ’ อย่างเข้าใจใน ‘จังหวะ’ ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในการ ‘ยืนยัน’  

    ที่สำคัญการยืนยันไม่ใช่การ ‘ชน’

    รุ่นน้องจากสถาบันเดียวกันหลายคนกับผม (และรุ่นพี่บางคน) ที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่  และยังไม่เคยย่างเท้าเข้าชิมลาง ‘ชีวิตจริง’ ในสมองมักจะมีอีโก้ หรืออุดมการณ์ที่แรงกล้าอย่างไม่มีอะไรมาทำการเปลี่ยนแปลงแนวคิดได้ ซึ่งหากถามว่าผิดมั้ย? ผมขอตอบว่าไม่ผิด ซ้ำผมยังเห็นเป็นเรื่องดีอีกต่างหากที่เด็กจบใหม่ไฟแรงจะมี ‘พลัง’ ในความซื่อสัตย์ต่อการดำรงวิชาชีพ และพยายามสร้างสรรค์สังคมด้วยการ ‘ยืนยัน’ อย่างแรงกล้าขนาดนี้

    แต่จะถูกต้องมากยิ่งขึ้น หากอุดมการณ์ดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากการรู้จริง ทำจริง ได้ผลจริง และค้นคว้าจริง

    นัยหนึ่ง การ ‘ยืนยัน’ หมายถึงการซื่อสัตย์ แต่ยังไงก็ไม่ได้หมายถึงการ ‘ชน’

    ที่ไม่สบายใจก็คือรุ่นน้อง (อย่างที่บอก “และรุ่นพี่” บางคน) เหล่านั้นต่างแสดงออกในพฤติกรรมการ ‘ยืนยัน’ ที่ผิด ทั้งนี้เนื่องมาจากเขาและเธอเหล่านั้นมีประสบการณ์ในการ ‘เข้าใจ’ ตลอดจน ‘ตีความ’ ความหมายของคำว่า “ยืนยัน” อย่างไม่ถูกต้อง

    นักศึกษาจบใหม่ข้างต้นเข้าใจว่าการ ‘ยืนยัน’ คือการ ‘ชนดะ’ ทันทีที่มีใครหรืออะไรบางอย่างมากั้นขวางเป้าหมายแห่งอุดมการณ์ หรือการทำตัว ‘ขวางโลก’ อย่างถึงที่สุด หากโลก (ที่มีศิลปะเข้ามาเกี่ยวข้อง) ไม่ดำเนินไปตามหลักการที่พวกเขาเคยรับรู้และต้องการ

    การ ‘ชน’ และ ‘ขวาง’ อย่างสุดขีดนับเป็นการประกาศตัวอย่างไร้ที่กำบังว่าตนนั้นอยู่ในขั้วตรงข้ามกับสิ่งที่ไม่เห็นด้วย (ถึงแม้ว่าอาจจะมีใครสักคน หรือหลายคนที่เห็นด้วยกับการ ‘ชน’ และ ‘ขวาง’ นั้นก็ตาม) ซึ่งการประกาศตัวแหกโลกอย่างสุดขั้วดังกล่าวนับเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างเปิดเผยและรุนแรง อาจเป็นการตัดโอกาสของตนเองในการทำตัว ‘ยืนยัน’ ให้มวลชนได้รับรู้ได้ เนื่องจากสังคมอาจจะตกใจในพฤติกรรมดังกล่าว เพราะไม่คุ้นเคย และจะถอยห่างเขาคนนั้นออกไปเรื่อยๆ ทีละนิด ทีละนิด

    อย่างที่บอก ควรยืนยันอย่างฉลาด มั่นคงอย่างมีสติ โอนเอนบ้างในบางโอกาส

    จริงอยู่ ที่ลึกๆ ของความหมายแห่งการ ‘ยืนยัน’ นั้นหมายถึงการ ‘ชน’ หรือ ‘ขวางโลก’ แต่หากตะบี้ตะบันยืนยันที่จะขวางโลกด้วยการชนซึ่งๆ หน้าแล้วล่ะก็ ผมเห็นถึงอนาคตโดยไม่ต้องไปร่ำเรียนวิชาหมอดูจากผู้รู้คนไหนได้เลยว่ามีแต่ ‘เสีย’ กับ ‘เสีย’

    อาจมี ‘ได้’ บ้าง แต่เล็กน้อยและชั่วคราว

    ในมุมมองของผม การทำตัว ‘กลมกลืน’ ไปก่อนในวัยกระเตาะเพื่อที่จะปฏิบัติการกร้าว ‘ยืนยัน’ ในวัยเติบโตไม่ใช่เรื่องเสียเกียรติ

    ทุกสังคมล้วนมีกติกา ซึ่งต้องเป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอน

    รุ่นน้อง (และรุ่นพี่) หลายคนที่หลังจบการศึกษามาหมาดๆ ยืนกรานที่จะไม่ยอมทำงานบริษัท ไม่ยอมเฉียดใกล้เข้าสู่ระบบราชการ ไม่ยอมผลิตผลงานตามความต้องการของผู้จ้างวาน โดยให้เหตุผลว่าการทำงานเหล่านั้นเข้าข่ายการ ‘รับใช้’ ผู้อื่น เหมือนนกน้อยอยู่ในกรงที่รอเจ้าของนำอาการมาป้อนให้ตามเวลาเท่านั้น ซ้ำยังมีสถานะที่ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ความเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ ไร้ ‘อิสระ’ (ไม่อยากจะบอกเลย... ว่าครั้งหนึ่งผมก็เคยมีความรู้สึกเช่นนี้ แม้นตอนนี้ก็มีบ้างที่ความรู้สึกนี้ยังแว็บมาเยี่ยมเยือนบ้างเป็นครั้งคราว)

    เขาเหล่านั้นหลงลืมไปว่ายังมีคนข้างหลัง (โดยเฉพาะผู้ส่งเสียให้เขาร่ำเรียน) หวังรอคอยที่จะเห็นเขายืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของตัวเองโดยเร็วเพียงใด

    หลายคนแยกไม่ออกระหว่างการวิ่งไล่ล่าความฝัน การดำรงอยู่ในจุดยืน และการอยู่กับความจริง อีกทั้งยังให้เหตุผลว่า ‘อิสระ’ ต้องควบคู่มากับการยืนยัน และการยืนยันก็เท่ากับเป็นการประกาศอิสระ (ภาพ) ให้กับตัวเอง ทั้งที่ที่ผ่านมาเขาก็เป็นเจ้าของ ‘อิสระ’ มาโดยตลอดอยู่แล้ว

    ทั้งๆ ที่ไม่มีใครสามารถตอบได้อย่างจริงจังว่าความหมายที่ ‘แท้จริง’ ของ “อิสระ” คืออะไร (ไม่นับความหมายจากพจนานุกรม ซึ่งเป็นเพียงความหมายที่บางเบาและผิวเผินเท่านั้น) และใคร ที่เป็นผู้บัญญัติความรู้สึก ‘อิสระ’ ขึ้นมาเป็นคนแรก

    การมีอยากมีอิสระ การจำยอมเป็นเจ้าของความอิสระ กับการมีอิสระเสียเคยจนติดเป็นนิสัย (หรือสันดาน) อาจไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกัน

    ความจริงในโลกศิลปกรรมคือ คนรักศิลปะนั้นมีมากมาย คนที่ได้มีโอกาสได้เล่าเรียนศิลปะนั้นมีไม่มาก และไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีโอกาสเป็นศิลปิน

    ตามความเข้าใจ (ผนวกเข้ากับความรู้สึก) ของผม ‘อิสระ’ คือความเสรีของการ ‘กระทำ’ หรือการ ‘กำลังจะกระทำ’ ในทุกๆ กิจกรรมด้วยการเปิดกว้างของจิตใจ อารมณ์ เหตุผล และความรู้สึก ไม่ว่ากิจกรรมนั้นๆ จะเป็นกิจกรรมภายในใจ หรือเป็นกิจกรรมภายนอกใจก็ตาม

    เมื่อมีอิสระจริงก็ย่อมโบยบินไปที่ใดก็ได้ ในที่ที่ใจอยากไป

    ในใจของรุ่นน้องร่วมสถาบันบางคนนั้นอยากมีอาชีพที่มั่นคง อยากมีฐานะที่ไม่สั่นคลอน เนื่องจาก ‘เข้าใจ’ และรู้สึก ‘เกรงใจ’ ในความรู้สึกของบุพการีที่อุตส่าห์ส่งเสียให้พวกเขาได้เล่าเรียนจนจบการศึกษาในระดับที่เป็นที่ยอมรับจากสังคมพอสมควร หากแต่กลัวจะเสียฟอร์มในอุดมการณ์ (ในสายตาคนรู้จัก) กลัวจะหลุดจากจุดยืน (ในสายตาคนอื่น) กลัวว่าจะกลายเป็นคนไม่มั่นคงในการ ‘ยืนยัน’ (ในสายตาคนคุ้นเคย) และสำคัญที่สุด กลัวเพื่อนๆ จะหาว่าไม่เป็นศิลปิน ไม่เก๋า ไม่แน่จริง จนต้องเอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีอยู่ใน ‘ระบบ’


    ที่มา
    http://www.bangkokspace.com/content.aspx?bs=cartoonthai_ffc&cid=11&id=2892

    จากคุณ : คล้องแคล้ง - [ 18 ก.ย. 51 01:05:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom