 |
เฉียด....
เฉียด....
ราส์ส กิโลหก
สมหญิงนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนรถเมล์ประจำทาง ที่วิ่งคืบคลานอย่างเชื่องช้าเป็นเรือเกลือเพราะความหนาแน่นของประชากรรถยนต์ สายตาเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือตลอดเวลา เกือบหกโมงเย็นแล้วบรรยากาศด้านนอกรถมืดครึ้ม มีเสียงฟ้าร้องมาให้ได้ยินเป็นบางครั้ง เป็นอาการธรรมชาติที่บ่งบอกว่าฝนกำลังจะตก.
เธอนึกโทษตัวเองว่าไม่น่าไปงานวัดเกิดของเพื่อนร่วมห้องเรียน ที่จัดขึ้นที่บ้านของเขาหลังจากเลิกเรียนในวันนี้ ครั้นจะบอกปัดก็ไม่ได้เพราะเพื่อนๆในห้องไปกันหมด จึงจำใจไปร่วมงานเพื่อไม่ให้เพื่อนเสียน้ำใจ บ้านพักของสมหญิงอยู่ห่างจากบ้านเพื่อนคนนี้มาก การเดินทางกลับถึงบ้านคงใช้เวลาเป็นชั่วโมงยิ่งรถติดก็จะเสียเวลาเพิ่มขึ้น แถมลงจากรถเมล์แล้วยังต้องเดินเข้าไปในซอยอีกเป็นกิโลฯ.
สมหญิงอาศัยอยู่กับแม่เพียง 2 คนตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยพบหน้าผู้เป็นพ่อ หากถามถึงพ่อ แม่จะตอบแบบเย็นชาว่าเขาได้ตายไปแล้วตั้งแต่สมหญิงยังไม่เกิด สมหญิงเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนของรัฐฯแห่งหนึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างไกลจากบ้านมากนัก ทุกครั้งเธอจะกลับถึงบ้านไม่เคยเกิน 5 โมงเย็น สำหรับ ผู้เป็นแม่ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ถ้าวันไหนเข้าเวรแม่จะกลับดึกหรือบางทีก็กลับตอนเช้าก็บ่อย.
วันนี้แม่สมหญิงเข้าเวร กะบ่ายออกเวรเที่ยงคืน ที่ผ่านมาเรื่องการกลับบ้านของสมหญิงแม่ไม่ค่อยห่วงเพราะสมหญิงจะกลับถึงบ้านประมาณ 5 โมงเย็นเนื่องจากโรงเรียนอยู่ไม่ไกล ถ้าแม่ไม่มีเวรบ่ายก็จะเจอหน้ากันที่บ้านตามปกติ แต่หากมีเวรบ่าย สมหญิงกลับจากโรงเรียนจะต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง จนกว่าแม่จะออกเวรแล้วกลับมาบ้าน ชีวิตประจำวันของสมหญิงกับแม่จะเป็นอย่างนี้มาตลอด
สำหรับวันนี้ที่น่าตำหนิคือสมหญิงไม่บอกแม่ว่าวันนี้จะไปบ้านเพื่อน !
สมหญิงลงรถเมล์ที่ปากซอย เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ครึ่งสายฝนตกพรำๆแต่ไม่ถึงกับแรงพอจะเดินฝ่าไปได้ บ้านพักของเธอนั้นจะต้องเดินจากปากซอยเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นเบื้องต้นและต้องเลี้ยวที่ทางแยกเล็กๆอีกครั้งจึงจะถึงบ้าน
สำหรับทางแยกเล็กๆเพื่อเข้าบ้าน กว้างแค่พอคนเดินได้ระยะทางประมาณ 200 เมตร ตลอดเส้นทางจะไม่มีบ้านคน สภาพสองข้างทางเป็นกอหญ้าและร่มไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น ถ้าเป็นช่วงกลางวันจะดูร่มรื่นเย็นสบาย แต่ช่วงกลางคืนจะรกครึ้มน่ากลัว
ณ. บริเวณปากซอยเวลายังไม่ถึง 2 ทุ่มยังพอมีคนเดินให้เห็นบ้างแต่ไม่มากเพราะฝนตก ร้านค้าปากซอยซึ่งขายอาหารตามสั่งมีคนนั่งกินเหล้าอยู่ 2-3 โต๊ะคุยกันเอ็ดตะโรเสียงดัง
ลูกสาวใคร วะ ? กลับบ้านมืดค่ำ ไม่กลัวฝนกลัวฟ้าหรือ ไง? ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างสนุก ดังมาจากพวกที่นั่งกินกันอยู่
เด็กสาวไม่สนใจหรือหันไปมอง เธอเอากระเป๋านักเรียนวางเทินไว้บนหัวเพื่อป้องกันละอองฝนที่ตกพรำๆ พร้อมรีบเดินเข้าซอยอย่างรวดเร็ว ซอยนี้สภาพถนนเป็นคอนกรีตกว้างประมาณ 5 เมตรสองข้างทางมีบ้านคนเรียงเป็นช่วงๆ บางช่วงก็เป็นที่ว่าง ที่สำคัญตลอดแนวถนนไม่มีหลอดไฟริมถนนเพื่อให้ความสว่างเหมือนซอยอื่นๆ
เธออาศัยไฟที่เปิดตามรั้วบ้านข้างทางเป็นเพื่อนเดินทาง ฝนตกตั้งแต่ช่วงเย็นทำให้มีน้ำนองพื้นถนนคอนกรีต เวลาเดินรองเท้ากระทบน้ำที่นองอยู่บนถนนเสียง เปาะแปะๆๆไปตลอดทาง บรรยากาศมืดสลัวมีเสียงฝนซ่าๆเบาๆอยู่ตลอดเวลา บนท้องฟ้ายังมีเสียงครางและสายฟ้าแลบให้เห็นเป็นบางครั้ง ฟ้ายังรั่วไม่หยุด.
ยิ่งเดินลึกเข้าไปในซอยมันยิ่งเหมือนเดินอยู่คนเดียวในโลก ไม่มีผู้คนหรือสิ่งมีชิวิตให้เห็น เด็กสาวเริ่มมีความรู้สึกหวาดๆเพราะรอบๆตัวมีแต่ความมืดสลัวและความเย็นจากอากาศทำให้เกิดความหนาวเย็นไปทั้งตัว เธอมีความรู้สึกว่าทำไมวันนี้การเดินเข้าบ้านระยะทางมันเหมือนไกลกว่าเดิม ทั้งที่ซอยนี้เธอเดินมาตั้งแต่เป็นเด็ก แต่วันนี้มันเหมือนไม่ใช่ถนนที่เธอเคยเดินมันมีแต่สิ่งแปลกๆใหม่ๆมากมาย
เธอเดินไปท่ามกลางความหวาดกลัว หวาดระแวงไปรอบตัวไม่ว่าจะมีเสียงอะไรดังขึ้นจะสะดุ้งตกใจทุกครั้ง บางช่วงที่เป็นที่ว่างไม่มีบ้านคนอยู่ริมทาง เธอจะรีบวิ่งไปยังตำแหน่งที่มีบ้านคนตั้งอยู่ เวลาที่เธอวิ่งเสียงจะดังก้องในความมืดมันยิ่งทำให้เด็กสาว วัย 16 ปีใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันเหมือนกวางที่คิดว่าหลงเข้าไปในพื้นที่ของเสือร้าย ต้องเดินเหลียวหน้าเหลียวหลังมองดินมองฟ้าไปตลอดทาง
เดินมาได้ประมาณครึ่งซอย ด้านริมรั้วของบ้านหลังหนึ่ง จากแสงสว่างของโคมไฟซึ่งติดอยู่เสารั้วหน้าบ้าน เด็กสาวมองเห็นอะไรบางอย่างขยับหัวออกมาจากริมรั้วเพื่อขึ้นมาบนถนน ท่ามกลางสายฝนยังตกพรำๆ พอเห็นมันเกือบเต็มตัวเธอถึงกับสะดุ้งสุดตัว ขาที่กำลังก้าวเดินหยุดโดยอัตโนมัติใจสั่นระรัว มือที่ยกกระเป๋าเทินหัวอยู่ชักกลับมากอดที่หน้าอกเพื่อบรรเทาความขยะแขยงกับสิ่งที่มองเห็น มันคืองูขนาดข้อมือเด็กยาวเป็นเมตรสีเหลืองสลับดำเป็นปล้องๆ ตัวเป็นมันเพราะเปียกฝน.
จากคุณ :
สวนดอก
- [
22 ก.ย. 51 03:42:48
]
|
|
|
|
|