Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องสั้นกำลังภายนอก

    ***กำลังภายนอก เขียนไว้นานแล้ว หลังจากที่อ่านมังกรหยกครบ สามภาค
    เลยนึกอยากเขียนดูบ้าง ชื่อตัีวละครก็เลย ต้องขอยืมจาก คุณกิมย้ง เนื่องจากตัวผมนั้นไม่รู้จักภาษาจีนแม้แต่น้อย และขออภัยในความอ่อนด้อยของงานครับ คอมเมนต์ได้***


    ภายหลังจูง่วนเจียง สถาปนาตนเป็นจักพรรดิ์แห่งราชวงศ์เหม็ง ได้พยายามล้มล้างพรรคนิกาย และสำนักต่างๆ ที่ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับตน หากว่าเมื่อปกครองได้ไม่นานนักต้องถูกฝ่ายทหารมองโกลบุกตีเมืองต่างๆเข้า
    ครอบครองแผ่นดินตงง้วนสำเร็จ  นำความเลวร้ายมาสู่ชาวตงง้วน ราษฎรได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส ด้วยความอำมหิต ป่าเถื่อน บ้านเรือน ไร่นา ถูกเผาทำลายพังพินาศ ผู้ไม่ยอมสวาภักดิ์ถูกทิ้งให้อดอยากหิวโหย ล้มตายเป็นอันมาก ผู้เหลือรอดฆ่าฟันกันกินเป็นอาหาร  มีเพียงชนชาวบุ้ลิ้มเท่านั้นที่ต่อต้านชาวมองโกลได้อย่างมั่นคง  

    เส้นทางเลียบเชิงเขามู่งสู่สำนักเสี้ยวลิ้ม ที่ร้างผู้คนมานานนับจากครั้งที่จัดงานชิงดาบพิฆาตมังกรอันลือลั่น กลับปรากฏเด็กชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินเคียงกันมา  ทั้งสองสวมเสื้อผ้าเก่าขาด ผมเผ้ารุงรัง คล้ายมิได้หวีสางมาเเรมปี เด็กชายมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กหญิง ดูไปคล้าย เฮียม่วย  ระหกระเหินมาตามทาง

    "บ่อกี้ กอกอ ข้าพเจ้าเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว" เด็กหญิงกล่าวเสียงแผ่วเบา แววตาอิดโรย
    "ข้าพเจ้าก็เหน็ดเหนื่อยเช่นกัน" กล่าวแล้ว เตียบ่อกี้กวาดตามองหาที่หลบพักให้กับม่วยม่วย
    "ปุกฮ่วย ม่วย ม่วย ข้างหน้าดูคล้ายมีที่ให้เราหลบพักได้บ้าง" เตียบ่กี้ชี้มือไปที่กระท่อมข้างหน้า
    สองพี่น้องเดินไปยังกระท่อมสักพักก็่หยุดยืนที่หน้ากระท่อม สภาพกระท่อมภายนอกเกรอะกรังไปด้วยฝุ่น เกาะจับประตูหน้าต่าง เหมือนทิ้งร้างจากเจ้าของ เตียบ่กี้ผลักบานประตูเข้าไปภายใน ยิ่งมีสภาพเลวร้ายกว่าภายนอกมากนัก หลืบมุมเต็มไปด้วยหยากไย่
    เศษข้าวของแตกกระจายเกลื่อนพื้น
    "บ่กี้ กอกอ ข้าพเจ้ากลัว" เอี้ยปุกฮ่วยกล่าวเสียงสั่นเคลือ น้ำตาพลันไหลอาบเเก้ม
    เตียบ่อกี้นั้นหวาดกลัวอยู่ก่อนแล้วแต่เมื่อเห็นน้องสาวร้องไห้ ก็ปลุกปลอบขวัญตนอง
    กล่าวว่า
    "ข้าพเจ้าอยู่ด้วยมีอันใดต้องหวาดกลัว" พลางยื่นมือกุมมือเอี้ยปุกฮ่วยไว้
    ข้างในกระท่อมร้างถูกแบ่งเป็นสองห้อง หนึ่งเล็ก หนึ่งใหญ่ ห้องเล็กคล้ายกับเป็นห้องนอน ทั้งสองพักอยู่ในห้องใหญ่  เอี้ยปุกฮ่วยยังไม่หายจากความหวาดกลัว เตียบ่กี้ต้องหาวิธีปลอบจนม่วยม่วย ลืมเลือนความกลัว หลับไหลไปพร้อมกับความอ่อนล้า
    หลังจากปุ่กฮ่วยหลับไปเพียงชั่วน้ำเดือดเท่านั้น ปรากฏข้างนอกมีเสียงฝีเท้าคน คล้ายเดินคล้ายวิ่งหยุดยืนที่หน้ากระท่อม
    "ท่านเจ้าของที่พักอยู่หรือไม่ อาตมา เดินทางไกลหวังจะกลับสำนักเสี้ยวลิ้ม หากว่าเกิดความหิวกระหาย อยากจะขอพักดื่มน้ำแก้กระหายชั่วครู่ยาม" เสียงจากข้างนอกดังขึ้น

    ตลอดการเดินทางสองพี่น้องต้องผจญกับความเลวร้ายของผู้คนต่างๆนาๆ บ้างคิดทำร้าย บ้างคิดนำตนไปรับประทาน แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง จึงเกิดความหวาดกลัว พอฟังว่าหลวงจีนข้างนอกเป็นศิษย์สำนักเสี้ยวลิ้ม ในใจทั้งแตกตื่นทั้งยินดี ส่งเสียงตอบกลับว่า
    "ข้าพเจ้าสองเฮียม่วย มิใช่เป็นเจ้าของที่พัก เราเพียงเเวะพักอาศัยชั่วขณะเท่านั้น"

    "เด็กเอย พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่" หลวงจีนข้างนอกกล่าวเสียงอ่อนโยน
    เตียบ่กี้พอฟังบังเกิดความซาบซึ้งใจ ตั้งเเต่กำเนิดมานอกจากบิดา มารดา และงี่แป๋แล้ว นับว่าไม่มีใครเลยที่พูดจากับตนไพเราะเช่นนี้ กล่าวตอบว่า
    "ข้าพเจ้ากับม่วยม่วยคิดเดินทางไปพบบิดายังเเดนไซฮก"
    พลางจูงมือม่วยม่วยเดินออกมาพบกับหลวงจีน ทั้งสามสนทนากัน ถามตอบได้ความว่า หลวงจีนนั้น นามว่า ฮือเต็ก เดินทางจากสำนักเสียวลิ้ม เสาะหาหมอวิเศษแห่งหุบเขาผีเสื้อ นาม โอ้วแชงู้ พอไปถึงกลับไม่พบเห็นจึงเดินทางกลับคืนสำนัก เตียบ่อกี้พอฟังก็ได้บอกเล่าเรื่องราวที่ตนได้รับการรักษาจากหมอวิเศษ โอ้วเเชงู้ แล้วได้รับการถ่ายทอดวิชาแพทย์จนสำเร็จ แก่หลวงจีน

    พอสอบถามหาสาเหตุที่หลวงจีนฮือเต็กเสาะหาหมอวิเศษ กลับได้ทราบว่า หลวงจีนฮือเต็กนั้นเองที่ป่วยต้องการรับการรักษา เมื่อทราบว่าเตียบ่กี้เป็นศิษย์ของหมอวิเศษ กล่าวยิ้มแย้ม เชิญสองพี่น้องขึ้นสู่สำนักเสี้ยวลิ้มทำการรักษาโรคภัยให้แก่ตน

    พอทั้งสามเดินทางถึงสำนัก หลวงจีนฮือเต็กสั่งการเด็กรับใช้จัดหาสถานที่พักให้แก่สองเฮียม่วย กำชับเด็กรับใช้ให้ดูแลปรนนิบัติ จัดหาอาหารเป็นอย่างดี เตียบ่กี้ซาบซึ้งใจกล่าวขอบคุณมากมาย

    วันต่อมา หลังจากหลวงจีนฮืกเต็กปฏิบัติกิจวัตรเสร็จ เตียบ่อกี้ได้สอบถามอาการ เพื่อหาวิธีรักษา พบว่า หลวงจีนฮือเต็กไม่ได้ป่วยไข้ร้ายเเรงอันใด เพียงเป็นไข้ป่าธรรมดาเท่านั้น บ่อกี้นึกสงสัยใจว่า เหตุใดกันหลวงจีนจึงต้องเดินทางไปถึงหุบเขาผีเสื้อ แค่เพียงพักผ่อน รับประทานสมุนไพร ไม่เกินกึ่งเดือนก็หายปกติแล้ว แต่กลับไม่ได้สอบถามอันใดกับหลวงจีน

    เข้าสู่วันที่เจ็ด เตียบ่กี้ทำการรักษาโดยการหาสมุนไพรจากเชิงเขามาบดเคี่ยว ต้ม ให้หลวงจีนรับประทานตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมา หลวงจีนฮือเต็กกล่าวย่องย่องเตียบ่อกี้เป็นการใหญ่ ได้สอบถามถึงสมุนไพรที่ตนรับประทานนั้นมาจากที่ใดเหตุใดจึงมีกลิ่นหอม รสชาติดีเลิศถึงเพียงนี้ เตียบ่กี้เพียงตอบชื่อสมุนไพรไป หลวงจีนได้แต่รับฟังหาได้รู้จักแต่อย่างใด

    ส่วนเอี้ยปุกฮ่วยระหว่างนี้ไร้เรื่องราวกระทำ เพียงติดตามเตียบ่อกี้ไปทุกหนทุกแห่ง ชวนกอกอเล่นหยอกล้อกันตามประสาเด็ก
    ระหว่างที่ทำการรักษาจนอาการของหลวงจีนฮือเต็กทุเลา หลวงจีนฮือเต็กคิดตอบแทนบุญคุณสองเฮียม่วยด้วยการถ่ายทอดวิชาการต่อสู้เป็นพื้นฐานเพื่อป้องกันตัว

    เช้าวันหนึ่ง  เตียบ่อกี้จูงมือเอี้ยปุกฮ่วยไปยังโบสถ์คิดร่ำลาหลวงจีนฮือเต็ก เพื่อเดินทางต่อไป พอถึงประตูโบสถ์คล้ายได้ยินเสียเจรจากัน เป็นหลวงจีนฮือเต็กกับเหล่าซือเฮีย กำลังสนทนาอันใด เตียบ่อกี้ฉุดมือปุกฮ่วยหลบเข้าด้านข้าง เเนบหูฟัง
    "ท่านเผยพิรุธอันใดแก่เด็กน้อยสองคนนั้นหรือไม่ เต็กตี๋"
    "คล้ายกับไม่สงสัยอันใด คงเพราะมัวดีใจที่เราเลี้ยงดูอย่างดี"
    "เอาหล่ะ วันนี้เราจะเอาพวกมันมาทำอาหารรับประทาน หลายวันมานี้ไม่ได้รับประทานเนื้อเด็ก กำลังฝีมือไม่รุดหน้าแม้แต่น้อย "

    หลวงจีนฮือเต็กรับคำแผ่วเบา "อย่างนั้นคืนนี้ เราจัดการนำมันมารับประทาน"
    เอี้ยปุกฮ่วยอยู่ข้างกายเตียบ่กี้ได้ยินคำสนทนาของหลวงจีน พลันอุทานดัง "เอะ"ออกมา
    เตียบ่กี้คิดปิดปากไม่ให้ส่งเสียง กลับไม่ทันการณ์เสียแล้ว

    "เป็นผู้ใด"หลวงจีนฮือเต็กเปล่งเสียง สะท้านไปทั่วบริเวณ
    เตียบ่กี้ได้ยินดังนั้นยึดมือม่วยม่วยไว้ วิ่งเตลิดหนีอย่างสุดชีวิต
    ทั้งสองวิ่งเข้าป่ารกทึบ ลัดเลี้ยวไปตามป่าเขาหาได้กำหนดทิศทางอันใด เตียบ่กี้ตั้งแตกตื่นทั้งหวาดกลัว ส่วนเอี้ยปุกฮ่วย ใบหน้าบัดเดี๋ยวเเดง บัดเดี๋ยวขาว แทบร้ำไห้ไม่ออกแล้ว วิ่งพลางคิดหาช่องทางหลบหนีพลาง ลืมเลือนความเหน็ดเหนื่อย

    ทั้งสองวกไปมาจนมาถึงกระท่อมหลังเดิมที่ตนเคยพักเมื่อหลายวันที่แล้ว เตียบ่อกี้เห็นดังนั้นรีบฉุดมือเอี้ยปุกฮ่วยเข้าไปหมดในกระท่อมนั้น

    ...หลังจากที่เสียงของเอี้ยปุกฮ่วยอุทานออกมาหลวงจีนฮือเต็กก็ทราบได้ว่าเป็นเสียงของสองเฮียม่วยนั้น ก็ผวาออกจากโบสถ์ติดตามมาทันแต่เเรกแล้ว เพียงแต่คิดสงสารต้องการปล่อยตัวเฮียม่วยทั้งสองจากเหล่าซื้อเฮียของตนที่ต้องการกินเลือดเนื้อเด็ก

    พอพบว่าเด็กทั้งสองวิ่งเข้าหลบในกระท่อม จึงร้องเรียก
    "เด็กเอย อย่าได้เข้าใจผิดท่านรักษาโรคให้แก่เรา เราซาบซึ้งใจเป็นอันมากไม่คิดจะกินเลือดเนื้อท่านดอก"
    เตียบ่อกี้ได้ยินดังนั้น ในใจหยังหวาดกลัวไม่ยอมส่งเสียงตอบรับว่าอย่างไร เพียงแต่คิดในใจ "ดูสิว่าหลวงจีนอำมหิตจะว่ากล่าวอย่างไร"

    หลวงจีนฮือเต็กเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับยังกล่าวต่อไป
    "หากว่ายังไม่ไว้ใจเรา ท่านคิดดูว่าที่เรากล่าวเชื่อถือได้หรือไม่" หลวงจีนหยุดเล็กน้อย กล่าวอีก
    "คราวก่อนเราเดินทางออกจากวัดเสียวลิ้มเสาะหาหมอวิเศษ เนื่องเพราะซือเฮียของเราได้ฝึกวิชาเเขนงหนึ่ง วิชานี้ผู้ฝึกต้องรับประทานเนื้อของทารกเช่นพวกเจ้าจะทำให้พลังลมปราณสอดประสานกัน แต่เมื่อฝึกไปได้สักพัก ท่านก็รู้ดีว่าข้างนอกสำนัก บ้านเมืองพังพินาศผู้คนล้มหาย ไม่มีแม้แต่สุนัขให้รับประทาน ต่อเหล่าซือเฮียเกิดลมปราณแทรกซ้อน
    ต้องให้หมอวิเศษเท่านั้นที่จะช่วยได้ เเต่เมื่อไม่พบจึงเดินทางกลับมาแต่พอมาถึงเชิงเขานี้อาตมาก็พบท่านทั้งสองจึงคิดจะนำไปให้ซือเฮีย
    รับประทานจึงติดตามพวกท่านจนมาถึงกระท่อมร้างนี้"
    กล่าวถึงตรงนี้หลวงจีนถอนหายใจแล้วกล่าวต่อ
    "ส่วนเรื่องที่อาตมาเจ็บไข้ร้ายแรงนั้นเป็นแผนของอาตมาต้องการหลอกท่านให้ติดตามไปเท่านั้น แต่พอนานเข้า อาตมากลับนิยมยินดีในตัวท่าน จึงไม่คิดนำท่านเป็นอาหารแก่ซือเฮียแล้ว"
    เตียบ่กี้ยังคงเงียบไม่กล้าว่ากล่าวอันใด ฟังหลวงจีนกล่าวต่อไป
    "การที่เราไม่ช่วยเหลือท่านแต่เเรกนั้นเป็นเป็นเพราะซือเฮียของเราคุกคามเอาไว้ เด็กเอย ตอนที่ท่านวิ่งเตลิดออกมานั้น เราไหนเลยจะตามไม่ทัน เราเพียงต้องการปล่อยให้เฮียม่วยหลบหนีไปได้นั่นเอง ตอนนี้เราได้หลอกให้พี่น้องเราไปติดตามท่านยังทิศทางอื่น เพื่อต้องการช่วยเหลือท่าน เฮียม่วยทั้งสองรีบออกมาเถิด เราจะพาพวกท่านหลบหนี"
    เตียบ่อกี้พอฟังกลับมีเหตุผลอยู่บ้าง ในใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ต้องด่วนตัดสินใจ หากหลวงจีนฮือเต็กกล่าวเป็นจริง อยู่ต่อไปคงต้องถูกหลวงจีนพวกนั้นกินเลือดเป็นแน่
    "ตกลงเราจะเชื่อท่าน ให้ท่านพาเราหลบหนี"
    เอี้ยปุกฮ่วยยืนอยู่ข้างกายบ่อกี้กล่าว "ท่านอย่าได้หลอกหลวงเรา หากบิดาเราทราบจะมาจัดการท่านแล้ว"

    "รีบออกเดินทาง เดี่ยวจะไม่ทันการ" หลวงจีนฮือเต็กกล่าวพลางนำทางสองเฮียม่วยเดินทางหลบหนีเหล่าซือเฮียที่กำลังติดตามมา

    หนึ่งหลวงจีน สองเฮียม่วย เดินทางลัดเลาะตามป่าเขาระยะทางหลายร้อยลี้ พ้นเขตสำนักเสี้ยวลิ้ม ท้องฟ้าก็ใกล้มืดค่ำแล้ว ตลอดทางหลวงจีนไม่แสดงพิรุธอันใด ทั้งสองเฮียม่วยคลายจากความหวาดกลัวลง ได้ยินหลวงจีนฮือเต็กกล่าวเสียงอ่อนล้า
    "มืดค่ำเเล้ว หาที่หลบพักเถอะ พวกท่านคงเหนื่อยล้าและคงหิวแล้วกระมัง"

    กล่าวแล้วหลวงจีนเดินนำเข้าพักที่บ้านร้าง จัดทำเบาะนอนให้กับสองเฮียม่วยได้พักผ่อน
    "พวกท่านรออาตมาอยู่นี้ สักครู่อาตมาจะกลับมาพร้อมอาหาร"
    เตียบ่อกี้ได้ยินดังนั้น กล่าวว่า
    "หากท่านจะไปหาอาหาร นั้นกลับไม่ต้องแล้ว วันนี้ขณะที่เราทั้งสองกำลังจะไปร่ำลาท่าน เราได้เตรียมเสบียงระหว่างทางไว้มากทีเดียว"
    กล่าวเสร็่จ ล้วงมือหยิบ หมั่นโถว ยื่นให้กับหลวงจีนฮือเต็ก หลวงจีนกล่าวขอบคุณ ทั้งยกย่องในความรอบคอบของเตียบ่อกี้
    ชั่วน้ำเดือด เตียบ่อกี้กับเอี้ยปุกฮ่วยก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า หลวงจีนฮือเต็กขณะกำลังจะลุกขึ้น รู้สึกปวดศีรษะ พื้นดินเหมือนถูกพลิกไปมา ล้มคว่ำลงกับพื้น
    ...

    เมื่อแสงอาทิตย์ในวันไหม่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า เตียบ่อกี้ลืมตาขึ้นจากการหลับไหล ยื่นมือปลุกร่างของเอี้ยปุกฮ่วยให้ลุกขึ้น เอี้ยปุกฮ่วยตื่นขึ้นมากล่าวยิ้มแย้ม
    "หลวงจีนหัวโล้นนี่ ข้าพเจ้า เอร็ดอร่อยยิ่งนัก" พลางยกมือเช็ดคราบอาหารที่ริมฝีปาก
    "ฮึๆ หลวงจีนที่ดี เห็นแก่คุณธรรม ยื่นมือมาช่วยเหลือเรา กลับต้องมาเป็นอาหารของเรา "

    ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เตียบ่อกี้กล่าวขึ้น
    "นึกไม่ถึงสมุนไพรที่เราหามาให้มันรับประทาน จะทำให้รสชาติของมันโอชะกว่าเดิม"

    "ท่านนี่สมกับที่ร่ำเรียนวิชาเเพทย์กับหมอวิเศษจริงๆ ขนาดวางยาสลบในหมั่นโถว ข้าพเจ้ายังสังเกตไม่ทัน หากท่านต้องการรับประทานข้าพเจ้าๆ คงต้องกลายเป็นอาหารของท่านอย่างง่ายดายเป็นแน่" เอี้ยปุกฮ่วยกล่าวชมกอกอ ซ่อนรอยยิ้มยะเยือก

    ทั้งสองหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันอีกครา
    หนึ่งเด็กชาย หนึ่งเด็กหญิง จูงมือกันเดินทางต่อไป  ...

    ...ฝ่ายทหารมองโกลบุกตีเมืองต่างๆเข้าครอบครองแผ่นดินตงง้วนสำเร็จ  นำความเลวร้ายมาสู่ชาวตงง้วน ราษฎรได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส ด้วยความอำมหิต ความป่าเถื่อน บ้านเรือน ไร่นา ถูกเผาทำลายพังพินาศ ผู้ไม่ยอมสวาภักดิ์ถูกทิ้งให้อดอยากหิวโหย ล้มตายเป็นอันมาก ผู้เหลือรอดฆ่าฟันกันกินเป็นอาหาร...

    แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 23:12:36

    จากคุณ : ป.ปิยวุโฒ - [ 22 ก.ย. 51 23:09:57 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom