
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกันนะคะว่า ดิฉันจะเอาบทความวิชาการมากสาระมาลงในหมวดบทกวี ... 
ยังไม่มีความสามารถเขียนอะไรได้ดีขนาดนั้น ...แต่ถ้าเป็นเรื่องกลอน เศร้าๆ เขียนไปพลาง เช็ดน้ำตาไปพลางนี่...พอได้อยู่ค่ะ
สาเหตุหลักที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา สืบเนื่องมาจากถูกพี่สาวคนดีศรีสุราษฎร์ฯ
(คุณแม่ใจดี) เอ่ยพาดพิงด้วยความคิดถึงในบล๊อกเพื่อนบ้านคนน่ารัก
(คุณไลฟ์) ว่า
********************************************
" เขาว่ากันว่ายามใดที่เรารู้สึกอยากเขียนกลอน..
ผลงานที่ออกมาจะบอกถึงอารมณ์คนเขียนในยามนั้นด้วยนะคะ..
ไม่เชื่อถามคุณเทียนสีกับคุณสุนันยาดูสิคะ..เอิ๊กกกก!!! "
********************************************

สำหรับตัวเองแล้ว การฟังเพลง ดูภาพยนต์ที่ชื่นชอบแล้วมีอารมณ์ร่วม ก็สามารถเขียนกลอนได้ค่ะ แต่ถ้าจะให้ผลงานออกมาโดนใจตัวเองสุดๆ ก็คงต้องเป็นประสบการณ์ตรง อารมณ์นั้นๆเลยค่ะ ถ้าให้นั่งเทียนเขียน โดนน้ำตาเทียนหยดใส่ปวดแสบปวดไหม้ก็ยังคงเขียนไม่ออก ...มั้ง (ประมาณว่ายอมรับตามคำกล่าวพาดพิง ฮ่าๆๆๆ)
เพราะฉะนั้น.. วันนี้เลยอยากมาถามความคิดเห็นนักเขียนบทกวี รวมทั้งนักอ่านท่านอื่นๆด้วยนะคะว่า ในยามที่ท่านจะกลั่นบทกวีสักบทออกมา มีแรงบันดาลใจมาจากอะไรบ้าง รู้สึกอย่างไร เขียนไปอย่างนั้นมั้ย และเห็นด้วยกับคำกล่าวด้านบนที่ยกมาหรือเปล่าคะ

คนนอกสายตา...ทำได้แค่ห่วงหาและหวังดี
***
มองนางนวลโผผินบินสู่รัง
ทะเลกล่อมเห่ดังชวนถวิล
ใครคนหนึ่งซึ้งอยู่คู่ดวงจินต์
เธอจากถิ่นบ้านเราไปเหงาใจ
อยู่เดียวดายต่างแดนแสนเป็นห่วง
ตะวันล่วงทวงหาว่าไฉน
จึงหลงกลิ่นเมืองฟ้าศิวิไล
ลืมท้องนาป่าไพรไม่หวนมา
ได้ยินข่าวเธอเศร้าปวดร้าวจิต
เฝ้าครุ่นคิดไถ่ถามติดตามหา
ทั้งที่รู้ฉันอยู่นอกสายตา
บอกกับเดือนดาราว่าห่วงใย
อยากเคียงข้างยามเธอนั้นพ่ายแพ้
คอยดูแลปลอบขวัญหากหวั่นไหว
เพราะรักเธอคนดีหมดหัวใจ
แต่ทำได้เพียงมอบความหวังดี
***

ปล. กราบขออภัยคุณคุณแม่ใจดี งามๆที่เทียนสี ยกคำกล่าวของพี่มาตั้งกระทู้โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าค่ะ ถ้าคุณคุณแม่ฯ มาเห็นข้อความเหล่านี้แล้ว ก็รบกวนให้ช่วยแสดงความคิดเห็นพร้อมทั้งแปะกลอนงามๆอีก 1 บทค่ะ อิอิ
http://www.imeem.com/people/aNhWJ7u/music/pOBisOTm//
.
.
.
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 07:29:10
จากคุณ :
teansri
- [
23 ก.ย. 51 06:33:36
]