มีครั้งนึงเป็นเหตุการณ์ที่ต้องเสียค่าโง่ให้กับใครก็ไม่รู้ ไปมีเรื่องกับโรงเรียนเทคนิคแห่งนึง โรงเรียนที่ไม่น่าที่จะมีนักเลงอยู่เลย ตีกันที่ลานจอดรถเซ็นทรัลแล้วสร้อยทองที่คอมันหายซิ ตอนมันวิ่งหนี แล้วไปแจ้งความมั้ง วันรุ่งขึ้น รถโรงเรียนเทคนิคแห่งนั้น วิ่งมาจอดเทียบท่า ณ หน้าห้องท่านอาจารย์ใหญ่โรงเรียนผมแต่เช้าตรู่
มาหานักเรียนที่ก่อเรื่องในโรงเรียนผมไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะนักเรียนเยอะ และการข่าวกรองดีเยี่ยม ท่านอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเราก็ช่างดีประเสริฐ ท่านหยิบแฟ้มนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเด็กป้าย 52 มาให้เขาดูก่อนเลย คือว่า ท่านอาจารย์ใหญ่จะมีรายชื่อนักเรียนที่เข้าข่ายต้องจำตาไว้อยู่แล้ว แต่จะแบ่งเป็นกลุ่มๆ
แต่ไม่รู้เป็นอะไรวันนั้นท่านถึงต้องนำกลุ่มกระผมไปให้เขาดูก่อนด้วยก็ไม่รู้ เลยไม่ทันได้ตั้งตัว ไอ้เด็กเวรโรงเรียนนั้นก็ดันจำแม่นอีกว่ามีใครบ้าง โป้ง โป้ง โป้ง โดนไปสามคนรวด ผมก็คือหนึ่งในนั้น แล้วมันก็กลับไปนั่งตีพุงรออยู่ที่โรงเรียนมัน โดยไม่สนใจกลุ่มอื่นอีกเลย
กรรมของเวร อาจารย์ใหญ่เรียกผมทั้ง 3 คนทันที สมัยนั้นยังไม่มีกฎหมายห้ามตีนักเรียนนะครับ สุดยอดเลยครับ ความรู้สึกที่ต้องเข้าห้องเย็น (ห้องอาจารย์ใหญ่นั่นแหละ) ในห้องเย็นเฉียบแต่ใครเข้าไปต้องเหงื่อแตกทุกราย แล้วก็โดนหวดกันไปคนล่ะ 3 ที โห สุดแสบ ขอบอก
แล้วเช้าอีกวันพวกผมก็ถูกนำตัวไปยังสถานที่ตั้งของโรงเรียนเทคนิคแห่งนั้นเพื่อไปตกลงและขอขมา ห้องอาจารย์ใหญ่เขาอยู่ที่ชั้น 2 นะครับ แต่ระหว่างทางที่ขึ้นไป ผมเหมือนกับนักเรียนนายร้อยจบใหม่ยังไงยังงั้น มีกองเกียรติยศยืนขนาบซ้ายขวาทางเดินเลย แต่ทำไมไม่ยักกะมีใครยิ้มให้ซักคน ทำหน้าหยังกะจะกินกันอย่างนั้นแหละ
สุดท้ายผมก็ต้องขอขมาต่อคู่กรณี ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปเอาหัวมันโขกกับกำแพงซะเหลือเกิน และก็ต้องชดใช้เงินให้กับมันเป็นราคาทอง 1 บาท ซึ่งจนบัดนี้ผมก็ยังไม่อาจจะทราบได้เลยว่า ทองมันหายจริงๆเหรอว่ะ หรือมันเมกเรื่องขึ้นมาเอง แต่ยังไงซะวันนั้นก็ต้องเสียค่าโง่ให้มันไป เซ็ง
อีกครั้งที่ผมต้องเสียเงินให้กับไอ้ความบ้าพลังของผมก็คือ ตอนนั้นขณะกลับบ้าน ช่วงสถานีรถไฟหลักสี่ จะมีนักเรียนโรงเรียนเทคนิคอีกแห่ง นั่งรอรถไฟอยู่แทบทุกวัน ในวันนั้นพวกผมนัดกันจะไปถล่มมันให้เละ แหม เป็นไงความคิด น่าเอาไปเข้าโรงเรียนดัดสันดานให้หมด
เพื่อนผมจัดการทำระเบิดปิงปองมาแจกเพื่อนๆคนละ 2 ลูก (ระเบิดปิงปองก็คือการนำเอาปิงปองมาเจาะรูแล้วนำกรวด หิน เศษแก้ว แล้วก็อะไรต่างๆที่จะทำให้เกิดบาดแผลจากการระเบิดได้ แล้วก็ใส่แก็บซึ่งเป็นดินปืนอัดเป็นแผ่นเล็กๆ มาใส่รวมกันในลูกปิงปอง แล้วใช้สก๊อตเทปปิดให้เรียบร้อย) พร้อมซะ และก็จะมีมีดที่จะพกติดตัวกันแทบทุกคน ถ้าเคยดูหนังฮ่องกงจะต้องเคยเห็นมีดที่พวกนักเลงเอาไปไล่ฟันกัน นั่นแหละ อย่างนั้นเลย
ขณะที่นั่งรถผ่านก็เจอกับเป้าหมายซึ่งนั่งกินขนมจีนอยู่ในตำแหน่งที่สามารถโจมตีได้ เมื่อลูกแรกตามไป ลูกที่สองที่สาม ก็ลอยตามๆกันไป มีทั้งระเบิดบ้าง ไม่ระเบิดบ้าง วงขนมจีนแตกครับ แต่พวกมันก็ยังหยิบมีดหยิบไม้วิ่งไล่มาจะมาแลกกับพวกผม พวกเราก็เลยลงกันที่หน้าห้างหลักสี่พลาซ่า ในสมัยนั้น ตอนนี้เป็น ไอที สแควส์แล้ว
แล้วก็วิ่งเข้าประจัญบานกันพักนึงก็ต้องมีคนเจ็บอยู่แล้วใช่ไหมครับ พวกผมก็แยกย้ายกัน อีกอย่างตรงนั้นมันบ้านมัน ยังไงซะ มันก็ต้องมีกำลังหนุนอยู่แล้ว ผมเดินขึ้นมาหลบอยู่หน้าร้านแมคโดนัลส์ หน้าห้างหลักสี่ ในมือก็กำระเบิดที่เหลือไว้อีก 1 ลูก แล้วความซวยก็บังเกิด เมื่อมีชายในเครื่องแบบสองคนเข้ามาล็อกผมจากทางด้านหลัง ไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่หว่าเข้าทางข้างหลังเนี่ย
ในเมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาล็อกผมแล้ว หลักฐานก็อยู่คามือ ก็ต้องยอมรับผิดไปโดยดีแหละครับ ครั้นจะทิ้งไอ้ของที่อยู่ในมือ เกิดมันตูมตามขึ้นมาก็คงจะโดนข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานด้วยอีกเป็นแน่ ก็เลยต้องมอบให้เขาแต่โดยดี
สาเหตุของความซวยของผมก็เกิดจาก ในขณะนั้นเป็นเวลาใกล้ขบวนเสด็จจะมา ก็เลยมีตำรวจมาประจำที่จุดตรงนั้น ซวยจริงๆ
และด้วยความรักเพื่อนของเพื่อนผม มันเดินมาดูผมนะ แบบเดินผ่านๆ คุณตำรวจเห็นก็เลยไปเชิญมันเข้ามานั่งเป็นเพื่อนผม ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้ามืง และมันก็ซวยที่ตำรวจดันเห็นมันไปทิ้งย่ามของมันไว้ที่ใต้ต้นไม้ พอคุณตำรวจไปเอาย่ามมาให้มัน ก็เจอมีดในย่ามมัน ทำอะไรไม่เนียนเลยนะมืง ก็เลยต้องโดนจับใส่กุญแจมือกันทั้งสองคน เอาไปคนละข้าง
คืนนั้นก็เลยโทรตามอาจารย์ที่ปรึกษามารับ แต่ของผมไม่พอ ต้องตามพ่อมาด้วย เพราะเป็นวัตถุระเบิด ก็เลยต้องเสียเงินให้ตำรวจไปหนึ่งหมื่นบาทถ้วนเพื่อปิดคดี ส่วนเพื่อนผมเสีย 100 บาท กับค่าปรับอาวุธมีด สน.ดอนเมือง
ไอ้เรื่องตีกันนี้ มีที่ไหนพวกผมก็ไม่ค่อยจะพลาดกันอยู่แล้ว เหมือนกันกับคอนเสริต์ทั้งหลายแหล่ ถ้าเป็นคอนเสริต์ร็อคก็ไม่ต้องห่วงไปทุกที่ มีบัตรก็เข้า ไม่มีบัตรก็พังประตูเข้า อย่างตอนคอนเสริต์อำพลที่อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมากก็พังประตูเข้า คอนเสริต์ร็อคที่จัดแทบทุกปีที่สนามกีฬากองทัพบก พวกผมก็ไม่เคยพลาด พักหลังไม่ได้แค่พกมีดอย่างเดียวนะครับ บางคนพกปืนไปเลย
มีเพื่อนผมคนนึงจะพกปืนเป็นประจำ ครั้งนึงที่ป้าย 52 พวกผมจะรอนักเรียนโรงเรียนเทคนิคแห่งนึงที่จะต้องนั่งรถเมล์ผ่านมา มันเอาปืนออกมา แล้วยื่นมาให้ผม แล้วมันบอกกับผมว่า ถ้ามันลงมานะ มืงยิงมันเลยนะ อ้าว ไอ้นี่ กูไม่ได้รีเควสปืนเลยนะมืง เอามาแล้วเสือกไม่ยิง เอามาให้กูยิงซะงั้น
หลังจากเรียนจบก็ได้รับรู้เรื่องมันอยู่เหมือนกัน มันไปฆ่าคนตายมา หนีคดี แล้วมันกลับมาบวชที่บ้าน(ปากเกร็ด) ตำรวจมาล้อมวัดเลย ก็ยังดีที่คุณตำรวจรอให้แขกผู้มีเกียรติกลับกันก่อน ไอ้พวกกระผมมันเพื่อนสนิทก็เลยไม่กลับก็เลยได้เห็นเหตุการณ์ ก็ติดคุกไป
ล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีก่อนได้ไปเจอมัน ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมมันออกมาเร็วจัง หรือมันแหกคุกออกมาว่ะ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ถามว่าอยู่ที่ไหนตอนนี้ มันก็ไม่ยอมบอก มีพิรุธแหะ แต่ก็คุยกันแปบเดียวเพราะเจอกันบนสองแถว
อีกคนที่ไปยิงเขาก็ไอ้เพื่อนผมที่โดนฟันหน้าสวนจตุจักรนั่นแหละครับ ไปยิงคู่อริกลางหลังเลย ตอนนั้นเกือบโดนส่งไปบ้านเมตตาแล้ว ดีที่พ่อมันมาช่วยไว้ทันไม่งั้นเสร็จแน่ ทั้งขาวหน้าตาดี ไปอยู่ในคุกนะ โดนแน่มืง พอดีพ่อมันใหญ่นิดนึง เป็นหัวหน้าตำรวจพิเศษอะไรซักอย่าง เฝ้าดูแลขบวนเสด็จ ก็เลยช่วยมาได้ แต่พ่อมันนี่สุดยอดมาก นิ่ง แน่ น่ากลัว น่าเกรงขาม พี่ชายมันก็น่ากลัวไม่แพ้พ่อเลย เรียนอยู่ช่างกลชื่อดังแถวตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติด้วย แต่น้องชายดันเสือกหน้าตาหล่อซะงั้น ได้ใครมาว่ะเนี่ย
จากคุณ :
February78
- [
25 ก.ย. 51 08:58:16
A:125.25.9.35 X:
]