วันดับสูญ บทที่ 1 ปฐมบทแห่งการดับสูญ
โลก
ดาวเคราะห์ลำดับที่สามในกลุ่มดาวเคราะห์แปดดวง เส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบหกจุดสามกิโลเมตร และมวลห้าล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นสามพันหกร้อยล้านล้านล้านกิโลกรัม ทำให้ถูกจัดเป็นดาวที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ห้าในระบบสุริยะ
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดฤดูกาล ดวงจันทร์ซึ่งเป็นดาวบริวารหมุนรอบโลก ทำให้เกิดน้ำขึ้น น้ำลง และโลกหมุนรอบตัวเอง ทำให้เกิดกลางวัน กลางคืน
โลกผ่านการวิวัฒนาการวันแล้ววันเล่า มาตลอดระยะเวลาสี่พันหกร้อยล้านปี หลังจากเกิดกาแลคซี่ทางช้างเผือกเพียงสี่ร้อยล้านปี ผ่านยุคสมัยของผู้ครอบครองต่างๆ จวบจนมาถึงยุคซึ่งมนุษย์เป็นผู้ครองโลกและเป็นผู้สร้างวิวัฒนาการต่างๆ อย่าง....
ออดดดดดดดดดด..............ดดดดดดดดด
วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน รีบกลับบ้าน อย่ามันเถลไถลไปไหนกันจนมืดค่ำล่ะ แล้วก็อย่าลืมไปทบทวนบทเรียนของวันนี้ด้วยนะ ครูสมชายกล่าวพร้อมปิดตำราเรียนโลกของเราสำหรับชั้นประถมศึกษาลง
ค้าบ/ค่า นักเรียนตัวน้อยต่างขานรับอย่างพร้อมเพรียมพร้อมกับรีบเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าก่อนจะวิ่งกรูกันออกจากห้องเรียนอย่างร่าเริง ครูสมชายยิ้มรับเสียงตอบเจื้อยแจ้วนั้นและยืนรอให้นักเรียนตัวน้อยออกจากห้องจนหมดก่อนที่เขาจะเดินกลับห้องพักครู
เสียงอึกทึกครึกโครมและเสียงเจื้อยแจ้วของนักเรียนในเวลาเลิกเรียนดังอยู่ตลอดทางที่ครูสมชายเดินผ่าน นักเรียนที่ยังเล็กอยู่มากจะมีผู้ปกครองมาคอยรับ เมื่อเด็กเหล่านี้เห็นหน้าผู้ปกครองของตนต่างก็ดีใจและวิ่งโผเข้าหาอย่างรักใคร่ นักเรียนที่โตขึ้นมาหน่อยก็จะกลับบ้านเอง ส่วนบางคนก็ยังอยู่เล่นกันต่อที่สนามหญ้าหน้าอาคารเรียน และนักเรียนบางคนก็อยู่เรียนพิเศษตามห้องเรียนต่างๆ
...เขาชอบเสียงเจี๊ยวจ๊าวแบบนี้...มันทำให้เขารู้สึกถึงความสดใส...และช่วงเวลาแห่งอนาคต...
ห้องพักครูขนาดไม่ใหญ่เกินกว่าที่คนเกินสามคนจะนั่งได้ สมชายวางตำราเรียนไว้ที่โต๊ะไม้ที่ปราศจากความเงางามก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้พิงพนักอย่างอ่อนล้า แต่ทว่าในแววตาของเขากลับเปี่ยมล้นด้วยความสุข
อาชีพครูเป็นอาชีพที่สมชายรัก ในความคิดของเขาแล้ว ครูหาใช่อาชีพไม่ ในความหมายของเขาครูคือหน้าที่ของพลเมืองผู้มีความสามารถและได้รับโอกาสให้ปูพื้นฐานให้แก่เด็กๆ ทั้งในด้านความรู้และจริยธรรม เพื่อที่ในอนาคตเด็กเหล่านั้นจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยกำลังความสามารถและคุณธรรมต่อไป
ดวงตะวันกำลังจะลับของฟ้า สมชายมักจะอยู่ตรวจงานของนักเรียน รวมถึงจัดตารางการเรียนการสอนของวันรุ่งขึ้นจะถึงเวลาพลบค่ำเช่นนี้ทุกวัน เมื่อแสงอาทิตย์ลดความแรงกล้าลงจนเหลือเป็นเพียงสีส้มรำไรเขาจึงหยุดมือ จัดแจงเก็บโต๊ะทำงานและเก็บตำราบางส่วนเข้ากระเป๋าเพื่อนำกลับไปทำต่อที่ห้องพักของเขา
ที่ปริมณฑลไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนักแห่งนี้ โรงเรียนขนาดเล็กซึ่งประกอบด้วยอาคารเรียนไม่สองชั้นจำนวนสามหลังอยู่ไม่ไกลจากที่พักของสมชายมากนัก สองข้างทางยังคงเต็มไปด้วยทุ่งกว้างและไม่ยืนต้นนานาชนิด นั่นทำให้เขาชอบที่จะค่อยๆ เดินกลับมากกว่าที่จะนั่งรถประจำทางหรือมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
...เขาอยากดื่มด่ำกับธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์รอบๆ ตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...ความคิดของเขาเสมือนหนึ่งว่าเขาต้องการจะชดเชยเวลาที่เคยสูญเสียไปกับเรื่องต่างๆ ก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็...เวลา...ที่อาจจะไม่มีอีกต่อไป...นับจากนี้...
สวัสดีครับครู...วันนี้รับอะไรดีครับ เจ้าของร้านอาหารริมทางกล่าวทักทายสมชายทันทีที่เขาย่างก้าวเข้ามาในเขตร้าน ไม่ใช่ร้านที่เลิศหรูหรือดูดีเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเสาไม้เก่าๆ สี่ต้นและมุงหลังคาด้วยจากเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดอาณาเขตของร้าน แต่ด้วยความเป็นมิตรของผู้เป็นเจ้าของทำให้ใครต่อใครกลายมาเป็นลูกค้าประจำของร้านอย่างไม่ยากเย็นอะไร
ผมขอข้าวไข่เจียวร้อนๆ แล้วก็กับข้าวอีกสักอย่างก็แล้วกันครับ สมชายตอบเจ้าของร้านอย่างคุ้นเคยและนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ไผ่สภาพคร่ำคร่า ท้องฟ้าในเวลานี้เป็นสีแดงตัดกับแสงเงาของตึกรามบ้านช่องและเงามืดของตรอกซอกซอย สายตาเหม่อมองออกไป เขาไม่เคยรู้สึกชอบบรรยากาศของท้องฟ้ายามนี้เอาเสียเลย มันทำให้รู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง แววตาของเขาฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจน
...ถ้าทุกอย่างที่เขาคิดมันผิดก็คงจะดี...
หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่งจัดการกับอาหารจานโปรดที่อยู่ตรงหน้าแล้ว สมชายค่อยๆ เดินทอดน่องกลับที่พักซึ่งอยู่ถัดออกไปอีกเพียงราวห้าร้อยเมตร เวลาเช่นนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะออกมาเดินคนเดียวไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใดก็ตามสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยสถานที่ ตรอกซอกซอยอันมืดมิดที่แยกออกจากถนนหลักซึ่งมีเพียงไฟแสงจันทร์ส่องสว่างอยู่เป็นระยะห่างๆ ชวนให้จินตนาการถึงเรื่องราวและสิ่งต่างๆ มากมาย
ในขณะที่สมชายกำลังเดินและคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น สายตาสังเกตเห็นเงาหนึ่งเคลื่อนตัวมาจากด้านหลังด้วยความเร็วที่มากกว่าจังหวะการก้าวของเขาเล็กน้อย จังหวะขยับของเงานั้นสม่ำเสมอและไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความรีบร้อนแต่อย่างใด
สมชายก้าวเท้าให้ช้าลงหมายจะให้เจ้าของเงาด้านหลังของเขาเดินเลยไป และเมื่อระยะของเงานั้นกระชั้นเข้ามามากขึ้นจนแทบจะเรียกได้ว่าเดินเคียงคู่มากับเขา จังหวะการก้าวเท้าของเจ้าของเงาก็ช้าลงเช่นกัน หลังจากชั่งใจอยู่หน่อยหนึ่งสมชายจึงหยุดก้าวเท้าและหันไปประจันหน้ากับเจ้าของเงานั้น
คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ น้ำเสียงมั่นคงดังผ่านความเงียบรอบกาย ท่าทางเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจจะเข้ามา ในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของชายแปลกหน้า
...ชาวต่างชาติ ร่างกายสูงใหญ่ ดวงตาสีประหลาดเมื่ออยู่ภายใต้หลอดแสงจันทร์ จากริ้วรอยบนใบหน้าและผมบางสีอ่อนแซมขาว อายุน่าจะอยู่ราวๆ หกสิบถึงเจ็ดสิบปี ท่าทางภูมิฐานและชราเกินกว่าจะเป็นโจรผู้ร้าย...
สวัสดีครับ ครูสมชาย ชายชราต่างชาติทักทายเป็นภาษาไทยด้วยสำเนียงแปร่ง รอยยิ้มที่มุมปากและดวงตาคมกริบทรงอำนาจมองสมชายอย่างตรวจสอบ ไม่สิ...ผมควรจะเรียกคุณว่า ดร.สมชาย มากกว่า จริงไหมครับ น้ำเสียงในคำพูดเหมือนต้องการจะดูปฏิกิริยาของสมชาย
คุณเป็นใคร สมชายเอ่ยกลับอย่างระวังระไว แววตาและสีหน้าแสดงอาการแปลกใจเล็กน้อยกับคำทักทายของชายชรา
...ดร.สมชาย...ไม่เคยมีใครเรียกเขาอย่างนี้มานานมากแล้ว...นานตั้งแต่เขามาเป็นครูที่โรงเรียนแห่งนี้...และ...นานจนเขาลืมคำนำหน้าชื่อคำนี้ของเขาไปแล้ว...
โอ้...ผมต้องขออภัยด้วยที่เสียมารยาท...ผม...โทมัส...โทมัส จิลเวล ชายชรากล่าวขอโทษพร้อมแนะนำตัวเองโดยที่น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกที่พูดมาแม้แต่น้อย
คุณมีธุระอะไรกับผม สมชายเอ่ยคำถามเดิม น้ำเสียงดุดันมากขึ้นกว่าครั้งแรก
คุณไม่จำเป็นต้องระวังตัวขนาดนั้นหรอกครับด๊อกเตอร์ และคงจะไม่เป็นการรบกวนคุณมาก ถ้าผมจะขอคุย เอ่อ...ถ้าจะให้ถูกอาจจะเรียกว่าขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณสักครู่...ถ้าคุณจะกรุณา... ชายชราหยุดจังหวะหน่อยหนึ่งอย่างมีชั้นเชิง ก่อนจะพูดต่อ และถ้าคุณจะกรุณา...เราคงไม่ต้องยืนคุยกันอยู่ที่นี่แน่ๆ ใช่ไหมครับ....
ก็ได้ครับ เชิญตามผมมา สมชายตอบรับหลังจากตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง...
จากคุณ :
KTH
- [
27 ก.ย. 51 18:54:07
A:61.91.163.234 X: TicketID:187608
]