http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7034968/W7034968.html
บทที่ 6
หนุ่มหน้าตาดี ผิวขาวอมชมพู หุ่นสูงเพรียว แลดูสง่าในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงสแล็คสีน้ำตาลอ่อน
รองเท้าหนังขัดจนขึ้นเงาวับ บ่งบอกถึงอุปนิสัยพิถีพิถัน
รอยยิ้มของเขาค่อนข้างฟุ่มเฟือย เพราะแจกจ่ายกับทุกคนที่เดินผ่าน แล้วจึงค่อยมาหยุดชะงักที่เธอ..
"คุณหรือเปล่าครับ ที่บอกว่าเป็นอาจารย์ใหม่ แต่ยังไม่ทันได้สอน ก็ต้องย้ายตำแหน่งเสียก่อน"
คำถามล้วงลึกตั้งแต่พบหน้ากันคราแรก ย่อมไม่ได้รับคำตอบด้วยไมตรี
เธอไม่มีความจำเป็นต้องสาธยายว่าเธอคือบุคคลที่เขานึกสงสัยหรือไม่
แล้วถ้าเป็นไปได้ สิ่งที่เขาควรทำ คือ ผงกศีรษะเล็กน้อย กล่าวคำทักทายเบาๆ
ยังดูเข้าท่าและเรียกไมตรีได้มากกว่า
เธอตัดสินใจนั่งห่างเขาพอประมาณ
ซึ่งความจริงแล้ว เธอสามารถเข้าไปนั่งรอคุณอ้อนในห้องทำงานเลยก็ได้
แต่อย่าดีกว่า เพียงเท่านี้ เธอก็ตกเป็นข่าวแบบตลกๆ ไม่จบสิ้นแล้ว
"ผมชื่อปรัศนีครับ ยินดีที่ได้รู้จักอาจารย์กังสดาลนะครับ"
"คุณแน่ใจจังเลยนะคะว่าดิฉันคือคนๆ นั้น"
"และถ้าไม่ใช่.. คุณก็คงเดินผ่านห้องนี้ไปเหมือนคนอื่นๆ แต่คุณนั่งลงพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า"
เขาย้อนมาพร้อมรอยยิ้มที่เธอติว่าฟุ่มเฟือย
ดวงตาของเขาสุกใสเหมือนแสงของดวงดาว ยามที่เขาจ้องมองเธอ แสงนั้นแลระยิบระยับ
"ค่ะ.. "
เธอจำต้องยอมรับในที่สุด แล้วเปลี่ยนเป็นถามเขาบ้าง
"คุณปรัศนีมาธุระหรือคะ"
"ผมมารอพี่เอื้อม เรานัดไปว่ายน้ำด้วยกัน เขาติดค้างผมสองสามวันก่อน"
สวรรค์.. หรือว่านี่คือหนุ่มๆ ในฮาเร็มของคุณเอื้อม.. สมองคิดปราดกลับไปยังคำบอกเล่าของปัทมา
คุณเอื้อมเป็นหนุ่มรูปงามแห่งเมืองเหนือ แต่น่าเสียดาย..
ตายแล้ว.. นี่เป็นอันว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ข่าวลือหรือ
เธอกำลังสนทนากับหนึ่งในจำนวนมากมายของหนุ่มๆ ที่อยู่ในอาณัติเสน่หาของคุณเอื้อม
"ทำไมมองผมเขม็งแบบนั้นล่ะครับ เขินเหมือนกันนา ปกติไม่ค่อยมีผู้หญิงจ้องมองผมนานแบบนั้น"
"ขอโทษค่ะ คือ.. ดิฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นเพื่อนคุณเอื้อม"
"เพื่อน.. "
หนุ่มหน้าตาดีหัวเราะอวดฟันขาวสวย กับเขี้ยวเล็กๆ มุมซ้าย
"เพื่อนที่ไหนครับ ผมเป็นรุ่นน้องของพี่อ๋าครับ รู้จักพี่เอื้อมเพราะพี่อ๋าแนะนำ เคยไปช่วยงานพี่อ๋าอยู่ระยะหนึ่งตอนเปิดร้านเครื่องเขียนใหม่ๆ อ้อ.. คุณเคยเห็นร้านเครื่องเขียนพี่อ๋าหรือยังครับ"
กังสดาลพยักหน้า และในจังหวะเดียวกันนั้น ประตูห้องทำงานของคุณอ้อนก็เปิด
เจ้าของห้องเยี่ยมหน้ามาอวดรอยยิ้มใจดี หล่อนบอกกับผู้มานั่งรอหน้าห้องว่า
"รออีกสองนาที ขอรับแฟ็กซ์จากคุณหญิงนิลุบลก่อน อดทนเหนื่อยสักหน่อยนะคะคุณกั้ง"
ตอนท้าย.. หล่อนเจาะจงพูดกับอาจารย์ใหม่
ถือโอกาสที่ฝ่ายนั้นพยักหน้ายิ้มบาง แล้วหลุบตาสำรวม รีบสำรวจหน้าตาอย่างรวดเร็ว
หล่อนสรุปอย่างรวบรัดว่าเธอผู้นี้สวยเรียบเกินไป
ความคิดที่ตามติดมาหลังจากนั้นก็คือ.. พี่อ๋าของหล่อนต้องไม่พิสมัยอย่างแน่นอน
ทว่า.. พี่เอื้อมกลับยืนยันมั่นเหมาะว่า สวรรค์ประทานผู้ช่วยลงมาในจังหวะที่เหมาะสม
เพราะอย่างน้อยที่สุด หญิงสาวกับบุคลิกสงบเสงี่ยมเงียบขรึมของเธอ
ก็สามารถดึงดูดความสนใจ และสร้างความพอใจแก่พี่อ๋าได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงแค่ครึ่งค่อนวัน
"เรียบร้อยแล้วค่ะ.. ไปกันได้แล้ว"
หล่อนออกจากห้องทำงานอีกครั้งเมื่อได้รับแฟ็กซ์จากคุณหญิงนิลุบลเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อนั้นเองที่กังสดาลค่อยมาประจักษ์เอาภายหลังว่า
หนุ่มหน้าตาดีเจ้าของชื่อปรัศนีได้รับการไหว้วานให้มาช่วยขับรถไปส่งที่บ้าน
เพราะคุณเอื้อมติดธุระด่วน คุณอ๋าก็ธุระด่วนเหมือนกัน
"สำนักงานบัญชีเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ราบรื่นดีไหม"
"พอไปไหวครับ.. มีลูกค้ามาทดลองสองสามราย"
เสียงทุ้มตอบติดตลก หัวเราะในลำคอกลั้วไปด้วยเบาๆ
เขากำลังติดใจความเงียบขรึมของสาวกรุงเทพที่นั่งสำรวมอยู่เบาะหลัง
สายตาเธอทอดมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง เธอมิได้จดจ้องหรือเพ่งมอง
หากแต่ขึงดวงตานิ่งๆ แล้วปล่อยให้ภาพแต่ละภาพเคลื่อนผ่านไปเอง เธอคิดอะไรอยู่..
"ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะโดนเบี้ยวนัดเป็นหนสาม นี่ก็นึกโกรธพี่เอื้อมแล้วนะครับ"
"ช่วงนี้งานพี่เอื้อมเยอะหน่อย จังหวัดขอโน่นขอนี่เข้ามามากมาย จัดสรรนักเรียน นักศึกษา กันไม่ค่อยลงตัว งานแต่ละงานก็ขอความอนุเคราะห์ทั้งนั้น ปีที่แล้วก็โดนปรับที่ส่งงบการเงินไม่ทันตามกำหนด พี่อ๋าถึงได้ไม่พอใจแม่สร้อยสวยอยู่จนถึงวันนี้ยังไง"
กังสดาลขยับตัวให้คนแอบมองกะพริบตาสนใจ
เธอเริ่มมีชีวิตแล้วหรือ อะไรที่ปลุกอิริยาบถแน่นิ่งของเธอ
อ้อ.. น่าจะเป็นบ้านหลังข้างหน้านี้กระมัง..
"กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะจ๊ะนายแพท.. คุณกั้งรู้จักนายแพทไว้นะคะ เขามีสำนักงานบัญชีเองเหมือนกัน เผื่อมีปัญหาอะไรยังไง จะได้ขอความช่วยเหลือกันได้ บอกไว้ล่วงหน้าเลยว่า อย่าได้คิดหวังพึ่งพาพี่อ๋าเสียให้ยาก"
"ทำไมคะ"
เธอหิ้วกระเป๋าแล้วเดินตามหลังคุณอ้อนเข้ามาถึงห้องโถงกว้าง
สาวใช้รีบวิ่งมาช่วยหิ้วกระเป๋าต่อจากเธอ แล้ววิ่งตื๋อหายลับตรงมุมโค้งข้างหน้า
"นั่งก่อนนายแพท นั่งค่ะคุณกั้ง ตามสบาย คิดเสียว่าเป็นบ้านของตัวเอง คุณอยู่ไปสักสองสามวัน ก็จะรู้สึกอย่างที่ฉันว่าไปเอง"
คุณอ้อนมักจะพูดติดตลกได้น่าฟัง
หล่อนเป็นสาวยิ้มสวย ดวงตาชุ่มฉ่ำดั่งว่ามีหยดน้ำหล่อเลี้ยงไม่เคยเหือดแห้ง
หล่อนเล่าว่า
"บ้านหลังนี้เป็นฝีมือล้วนๆ ของพี่อ๋าเขียวนะ เขาไม่ชอบเป็นนักบัญชีหรอกค่ะ ใจจริงเขาอยากเป็นสถาปนิก และบ้านหลังนี้ก็คือฝันที่เป็นรูปธรรม ตกแต่งภายในนี่ก็ฝีมือเขาเหมือนกัน ใครแตะไม่ได้หรอก โกรธ.. เป็นผู้ชายเอาแต่ใจ แต่ใครที่ไม่รู้จักมักปลื้มว่าเขานิ่ง.. "
สาวใช้มาเสิร์ฟน้ำดื่มแล้วผละไป
ทำให้การเล่าเรื่องคุณอ๋า หรือพูดให้ตรงความหมายก็คือ.. แอบนินทา ต้องหยุดลงชั่วครู่
กังสดาลเผลอยิ้มออกมา เมื่อคุณอ้อนลดเสียงป้องปากบอกว่า
"พูดดังไม่ได้ค่ะ คนที่นี่เป็นพวกพี่อ๋าทั้งนั้น"
"คุณแพทล่ะคะ เป็นพวกคุณอ๋าด้วยหรือเปล่า"
กังสดาลถามขึ้น เธอไม่มีเจตนาผูกไมตรี แค่ชวนคุยธรรมดา
แต่ฝ่ายนั้นกลับเลิกคิ้ว ทำหน้าประหลาดใจเหมือนดั่งว่าไม่คาดมาก่อนว่าเธอจะคุยด้วย
"ผมเป็นพวกพี่เอื้อม.. ไม่กล้าเผยอหน้าไปเป็นพวกพี่อ๋าหรอกครับ รายนั้นเขาดุออก"
นี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง.. คุณอ๋าเป็นหนุ่มดุ..
หนุ่มหน้าตาดีผู้นี้ไม่ใช่คนแรกที่กล่าวถึงคุณอ๋าเช่นนี้
ปัทมาหรือใครอีกหลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
กังสดาลอดนึกแปลกใจไม่ได้ว่า อะไรทำให้ทุกคนคิดเช่นนั้น
"ดุตรงไหนคะ"
เธอจึงลองเลียบเคียงถามเพื่อให้หายข้องใจ
"ทำงานไปด้วยกันสักวันสองวัน เดี๋ยวก็รู้ค่ะ"
คุณอ้อนตอบให้เอง หน้าสวยของหล่อนทะเล้นเจือรอยยิ้มซุกซน
ชั่ววินาทีอันรวดเร็ว กังสดาลเห็นว่าหล่อนสบตากับนายหนุ่มแพทแวบหนึ่ง แล้วเม้มปากยิ้ม..
"ห้องพักคุณกั้งอยู่ชั้นสองสุดปีกซ้ายนะคะ สบายค่ะ.. พี่อ๋าเลือกให้เอง เปลี่ยนไม่ได้"
"แล้วถ้าเปลี่ยน.. "
"โกรธสิคะ"
คุณอ้อนหัวเราะร่วนอีก
"ก็อย่างที่บอกเมื่อกี้นี้ล่ะคะ เขาเป็นหนุ่มเอาแต่ใจ แต่ใครไม่รู้จักมักปลื้มว่าเขานิ่ง"
"ดิฉันต้องพักที่นี่ตลอดภาคเรียนนี้เลยหรือคะคุณอ้อน"
"มีแววว่าจะเป็นไปได้ค่ะ ฉันถึงบอกว่าอดทนเหนื่อยสักหน่อยนะคะ พองานบัญชีเข้ารูปเข้ารอยแล้ว หรือไม่ก็รอจนมีพนักงานบัญชีคนใหม่มาสมัครแล้ว ทุกอย่างก็จะกลับสู่สภาพเดิม"
ปรัศนียิ้มให้กำลังใจสาวกรุงเทพที่เหลือบตามาประสานพอดี
เธอไม่เจตนาเขาทราบดี เป็นแค่กิริยาที่ต้องการปกปิดความอึดอัดนิดหน่อย
เพียงแต่ว่าวิถีสายตาเข้าทางเขาพอดีเท่านั้น และเขาก็.. พอใจ
อึดใจหนึ่ง.. สาวใช้เข้ามารายงานคุณอ้อนว่าห้องพักจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
กังสดาลจึงค่อยเอ่ยขออนุญาตและปลีกตัวไปอย่างสำรวม
เธอไม่ทราบเลยว่า มีสายตาแห่งความพึงใจไต่ตามหลังมาจนกระทั่งสิ้นอาณาเขต..
"เธอมองผมเหมือนว่าผมเป็นอะไรกับพี่เอื้อม สายตาเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ "
เขาเปรยกับคุณอ้อน พร้อมกับหัวเราะเซ็งๆ
เขาไม่ต้องบอกออกมาว่าเบื่อหน่ายแค่ไหนกับการถูกมองด้วยแววเบี่ยงเบนเช่นนั้น
ทว่า.. หากให้เขาคอยอธิบายบ้าง ชี้แจงบ้าง กับทุกคนที่เข้าใจไขว้เขว เขาก็ดูว่ามันคงไม่จบไม่สิ้น
ดังนั้น.. จึงปล่อยเลยตามเลย
"เธอน่ะยังน้อยไป.. โน่น.. ต้องพี่เอื้อมโน่น เขาปวดหัวจะตาย จนถึงวันนี้ยังหาตัวการปล่อยข่าวลือไม่ได้เลย ผู้หญิงก็ไม่กล้าแวะเวียนมาใกล้ เพราะเกรงจะตกเป็นข่าวรักหนุ่มวิปริต.. สงสารเขาจัง"
ปรัศนีรู้จักกับสามพี่น้องไม่นานนัก
เขาเป็นรุ่นน้องของคุณอ๋า เคยมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับงานบัญชีตั้งแต่สมัยเรียน
พอจบแล้วก็ยังไม่วายมาปรึกษาเรื่องเปิดสำนักงานบัญชี
เขาจึงเข้านอกออกในบ้านหลังนี้เสมือนหนึ่งเครือญาติไปแล้ว
แต่ทว่า.. ข่าวลือที่กระจายไปตามลมเกี่ยวกับคุณเอื้อม กลับทำเอาเขายิ้มไม่ออก
คุณเอื้อมเองก็กระอักกระอ่วนใจยิ่ง จนเดี๋ยวนี้พาลเป็นขบขันไปเสียแล้ว
"ใครอยากพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไปเถอะ พี่ไม่รีบแถลงข่าว.. "
คุณเอื้อมเคยพูดติดตลกอย่างนั้น..
ความลับที่คนนอกไม่เคยทราบเลยก็คือ คุณเอื้อมมีสาวน้อยผู้หนึ่ง ซึ่งแอบพึงใจเงียบๆ อยู่แล้ว
และหล่อนผู้นั้นก็หาใช่ใครอื่น.. ปริศนา.. น้องสาวจอมซนของเขานี่เอง
"พี่เห็นนะว่าเธอแอบมองคุณกั้งหลายครั้ง ตั้งแต่ขับรถ อย่านะ.. "
คนคิดอะไรเพลินๆ ตกประหม่าไปเลยเมื่อโดนกระทุ้งด้วยถ้อยความตรงใจ
เขากระแอมแล้วหัวเราะเก้อๆ แสร้งโบกมือเหมือนต่อว่าที่อีกฝ่ายเพ่งเล็งซี้ซั้ว
"ไม่จริงก็ดี.. อย่าลืมก็แล้วกันว่าพี่น่ะเติบโตมาท่ามกลางพี่ชายตั้งสองคน.. จะความคิดหรือสายตา พี่ก็ศึกษาและเรียนรู้มาแล้วเป็นอย่างดี ขอแค่ให้ได้เห็นสักแวบเถอะ"
"แล้วมันจะเป็นอะไรไปล่ะครับ.. "
"เอ๊ะ.. คุณกั้งคนนี้มีอะไรดีอยากรู้จัง เพิ่งจะมาไม่ถึงสามวันถ้วน คนโน้นก็สนใจ คนนี้ก็ทำท่าอีกแล้ว"
ปรัศนีอมยิ้ม.. โบราณว่าคนเรายามถูกชะตา ไม่จำเป็นต้องอาศัยเวลามากมาย..
เขา.. ซึ่งได้มอบความรู้สึกที่ว่านั้นต่อหญิงสาว ก็ไม่คิดจะฉีกกฎนี้
"พริสกลับมาหรือยัง.. "
คุณอ้อนถามถึงปริศนา สาวน้อยในดวงใจพี่เอื้อม
"อีกสองเดือนครับ คงรอจนให้ถึงวินาทีสุดท้าย ไหนๆ ก็ไปเฝ้าร่วมเดือนแล้ว"
เขาหมายถึงอาการป่วยขั้นสุดท้ายของคุณยาย
ซึ่งหมอประจำตัวได้บอกกล่าวล่วงหน้าแล้วว่าขอให้ทำใจไปพลางๆ
"สงสารคุณยายเหมือนกันนะนายแพท แทนที่จะได้กลับมาอยู่ท่ามกลางลูกหลาน กลับต้องไปนอนเงียบเหงารอนาทีสุดท้ายในโรงพยาบาล"
มิหนำซ้ำมีแค่หลานสาวคนไม่โปรดเอาเสียเลย
เดินทางจากพิษณุโลกไปเฝ้าอาการด้วยความห่วงใยเกือบสองเดือนเต็ม
โดยที่ในช่วงเวลานั้นลูกหลานที่ชื่นชอบ ไม่ทราบล่องหนไปไหนกันหมด
"อย่าห่วงเลยครับ ถึงเวลาก็จะมารวมตัวกันเอง แทบไม่ต้องรอให้โทรศัพท์ตาม สิ่งที่เราต้องทำก็คือเตรียมรายชื่อไว้ให้พร้อม พอมากันครบก็ขานชื่อกันเลย"
คุณอ้อนหัวเราะชอบใจกับวาจาเหน็บแนมของอีกฝ่าย
ปรัศนีเป็นหนุ่มหน้าตาดี เป็นทายาทแม่เลี้ยงหม้ายป่านเอื้อง เยี่ยมลอ
นอกเหนือจากสำนักงานบัญชีของตัวเองแล้ว
เขายังรอรับมรดกสวนผลไม้ของมารดา โรงงานทอผ้าของคุณยายยอแสง
ส่วนบิดานั้น นัยว่าหลังจากแยกทางจากมารดาแล้ว ก็ย้ายไปตั้งหลักปักฐานกับสาวออสเตรเลีย
ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีทายาทด้วยกันสองคน
ถือเป็นการจากแล้วจากเลย เพราะขาดการติดต่ออย่างถาวร
"เรือนไม้ที่เห็นบนเนินทองกวาวโน่น.. ของพี่อ๋าหรือครับ"
"จ๊ะ.. สวยไหม.. พี่อ๋าสร้างเสร็จปีกรายนี้เอง ตอนแรกตั้งใจไว้เป็นเรือนหอ.. "
คู่สนทนาสบตากันเองแวบหนึ่ง
ต่างรับรู้ความนัยที่ส่งผ่านถึงกัน และตระหนักดีว่าเหตุใดจึงต้องเปลี่ยนเรื่องสนทนานับแต่นั้นไป..
จากคุณ :
รัชนีกานต์
- [
8 ต.ค. 51 17:18:03
]