ความคิดเห็นที่ 1 เคยได้ยินเหมือนกันค่ะ แล้วในความเข้าใจ ที่มีมานาน ว่า หนังสี่จอ ก็คือ "มุ้ง"  แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า เพราะว่าเคยลองมานับดู มุ้งมันมี  5 ด้านนี่นา คือ ด้านข้างสี่ด้าน แล้วก็ด้านบนอีก 1 ด้าน ดังนั้นมันน่าจะ 5 จอเสียมากกว่า อยากรู้คำตอบเหมือนกันว่า ว่าแล้วจริงๆ มันคืออะไร ? จากคุณ : kjb - [ 11 ต.ค. 51 17:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สงสัยเวลาดูหนัง ให้นั่งดูมั้งครับ ไม่ต้องหงายหลังดูหลังคา อิๆๆ จำเนื้อได้เป็นเลาๆ ถูกเปล่าไม่รู้ ใครหนอ รักเราเท่าชีวี  ใครหนอ ปรานีไม่มีเสื่อมคลาย ใครหนอ รักเราใช่เพียงรูปกาย  รักเขาไม่หน่าย มิคิด...(อะไรอะ)... ใครหนอ ใครหนอ รักเราเท่าชีวัน  ใครหนอ ใครกันให้เราขี่คอ (คุณพ่อคุณแม่) ใครหนอ ชักชวนดูหนังสี่จอ  รู้แล้วล่ะก็ อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ จะเอาโลกมาทำ(?) ปากกา  แล้วเอานภามาแทนกระดาษ เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด  ประกาศพระคุณไม่พอ (แล้วไปไหนต่ออะครับ แหะๆ) สลับกันมั่งเปล่าก็ไม่รู้ ^^" จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 11 ต.ค. 51 19:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอ.. น้องพีทคะ คือจำได้ตอนเด็กๆ (สมัยยังกางมุ้ง คงไม่ต้องทายอายุนะ) เวลาคุณพ่อจะเล่านิทาน มักจะเล่าก่อนนอน แล้วก็จะนอนเล่ากันในมุ้ง ฟังจนหลับไปเลย ดังนั้นพอพูดถึงหนังสี่จอ แล้วนึกถึงมุ้ง ดังนั้นเวลานอนหงาย มันก็ต้องมีจอบนด้วยสิคะ (หลังคามุ้ง) อิอิ.. ก็เลยสงสัยๆๆ (แต่ไม่เคยถามใคร) ^__^ จากคุณ : kjb - [ 11 ต.ค. 51 19:47:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สลับกันจริงๆ ค่า ใครหนอ รักเราเท่าชีวี  ใครหนอ ปราณีไม่มีเสื่อมคลาย ใครหนอ รักเราใช่เพียงรูปกาย รักเขาไม่หน่าย มิคิดทำลาย ใครหนา ใครหนอ เห็นเราเศร้าทรวงใน  ใครหนอ เอาใจปลอบเราเรื่อยมา ใครหนอ รักเราดังดวงแก้วตา  รักเขากว้างกว่าพื้นพสุธา นภากาศ จะเอาโลกมาทำปากกา แล้วเอานภามาแทนกระดาษ เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด  ประกาศพระคุณไม่พอ ใครหนอ รักเราเท่าชีวัน (เท่าชีวัน) ใครหนอ ใครกันให้เราขี่คอ (คุณพ่อ คุณแม่) ใครหนอ ชักชวนดูหนังสี่จอ รู้แล้วละก็ อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ หรือว่ามุ้งสมัยก่อนไม่มีหลังคา .. แว้ก จากคุณ : scottie - [ 11 ต.ค. 51 20:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใช่แล้วครับ มุ้ง นั่นเอง ช่วงชีวิตของครูสุรพลในวัยเด็กนั้น นับว่าน่าสงสารมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่เลิกล้ากันไปก่อนที่ครูสุรพลจะเกิดเสียอีก ทำให้ครูสุรพลต้องใช้ชีวิตกับคุณยายตั้งแต่เด็กๆ จวบจนอายุ 6 ขวบ คุณแม่จึงมารับครูสุรพลไปอยู่ด้วยกับคุณพ่อคนใหม่ นับเป็นช่วงชีวิตที่ครูสุรพลมีความสุขที่สุด ก่อนนอนคุณแม่จะเล่านิทานให้ฟังในมุ้ง ทำให้ครูสุรพลประทับใจ ติดตรึงใจ ทุกครั้งที่นอนอยู่ในมุ้ง สี่เหลี่ยม แต่ ก็มีความสุขได้เพียงแค่ อายุ 9 ขวบเท่านั้น เพราะคุณแม่ท่านเสียชีวิตกระทันหัน ชีวิตนับจากนั้นเป็นต้นมา คือ เด็กเร่รอน นอนกลางตลาด นอนในรถเข็นขยะ นี่เองเป็นเหตุให้ครูสุรพลนำคำว่า หนังสี่จอ ไปใส่ไว้ในเพลงใครหนอ ผมก็อยากถามเช่นกันว่า ใครหนอช่างแต่งเพลงได้ไพเราะ ประทับใจ คนไทยทั้งประเทศได้เช่นนี้? จากคุณ : ป.ปาแปง - [ 11 ต.ค. 51 20:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณก๊อตตี้เก่งจัง มิน่า ว่าสัมผัสมันแปลกๆ อิๆๆ พี่จูนครับ ตอนหงายหลังอะ หลับแล้ว ไม่ได้ดูหนังแล้วครับ ฮ่าๆๆ ขอบคุณคุณ ป.ปาแปง ที่มาเล่าให้ฟังด้วยครับ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 11 ต.ค. 51 20:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โอ้ มีที่มาของเพลงด้วย ขอบคุณมากค่ะ คุณพีทคะ เนื้อเพลงนั่น ค้นมาค่ะ รู้แต่มันหายไปแน่ๆ น่าจะมี 4 ท่อนน่ะ จริงๆ ก็จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ แหะๆ จากคุณ : scottie - [ 11 ต.ค. 51 21:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอ นับสี่จอเวลานอนเพราะไม่เห็นจอหัวนอนหรือเปล่าคะ มีจอข้างบน ซ้าย ขวา ด้านหน้า จากคุณ : จริง - [ 12 ต.ค. 51 08:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จริงๆแล้ว ชีวิตของครูสุรพลนับว่า วังเวงและอ้างว้างอย่างมาก โดยเฉพาะในวัยเด็ก เพราะทั้งคุณแม่และคุณพ่อคนใหม่ ได้เสียชีวิตพร้อมกันอย่างกระทันหัน ทำให้ครูสุรพลต้องอยู่เพียงเดียวดาย อ้างว้างเกินกว่าเด็กชายคนหนึ่งจะรับได้ ส่วนคุณพ่อที่ให้กำเนิด ไม่เคยเข้ามาดูแลทุกข์สุขของลูก ทำให้ครูสุรพลไม่เคยเดินเข้าไปหาคุณพ่อที่ให้กำเนิดเพื่อขอความช่วยเหลือ แม้จะรู้จากคุณยายว่า นี่คือบ้านของคุณพ่อแท้ๆ แต่..ช่างเหลือเชื่อว่า เด็กชายผู้อ้างว้างนี้ จะแต่งเพลงเกี่ยวกับความรักมากกว่า หนึ่งพันบทเพลง ได้อย่างสร้างสรรค์ กินใจ ประทับใจ และเป็นอมตะแห่งสยามประเทศ นี่เป็นเสี้ยวหนึ่งในชีวิตครูสุรพล จากคุณ : ป.ปาแปง - [ 12 ต.ค. 51 17:44:45 ]