(ต่อ)
เป็นก้านเหล็กรูปร่างงอๆด้านหนึ่งเป็นรูสำหรับเสียบนอต อีกด้านเป็นด้ามสำหรับเอามือจับเพื่อหมุนนอต
เอาด้านที่เป็นรูประกบเข้ากับนอตตรงกระทะล้อ แล้วออกแรงขันนอตตัวที่ 1 จนเริ่มคลายตัวออกมาเขาหมุนจนนอตหลวม แล้วเริ่มตัวที่ 2 ต่อไปเอามือคลำดูมีนอตทั้งหมด 6 ตัว ขันจนคลายตัวไปได้ 4 ตัว แต่แล้ว ต้องสะดุ้ง ! เพราะมีเสียงพวกโจรเดินกันออกมา เขาจึงรีบเอาที่ขันนอตไปวางไว้หลังเบาะรถอย่างเดิม เอามือกดประตูรถให้เข้าที่ แล้วรีบแอบมาหลบที่หลังต้นไม้.
พวกโจรมีกันทั้งหมด 3 คนมีคนหนึ่งเดินนำหน้า มีไฟฉายเล็กๆอยู่ในมือ อีก 2 คนกำลังยกพระพุทธรูปทองเหลืององค์ใหญ่เดินตามหลังออกมา ทั้งหมดรีบยกมาที่หลังรถเอาพระเอนนอนลง เอากระสอบที่เตรียมมาคลุมทับอีกที ไอ้คนที่ถือไฟฉายเอาเครื่องมืองัดแงะมาวางทับไปอีกชั้นหนึ่ง
นายอินคิดจะวิ่งไปที่หน้ากุฏิที่พวกพระจำวัดกันอยู่ ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตรเพื่อตะโกนให้มาช่วยกัน แต่ต้องรอให้พวกมันขึ้นรถกันก่อนเพราะถ้าวิ่งผ่านไปตอนนี้คงเสร็จมันแน่ !
พอพวกมันขึ้นรถกันหมด นายอินออกวิ่งจากที่ซ่อนทันทีเป้าหมายอยู่ที่หน้ากุฏิเจ้าอาวาส เสียงวิ่ง ตึกๆๆดังก้องในความเงียบ พวกหมาวัดหลายๆตัวที่หลับนอนอยู่แถวๆบริเวณนั้น ตกใจสะดุ้งตื่นพร้อมกับเห่าหอนเสียง ระงมก้องไปทั้งวัด ตามด้วยเสียงกระหึ่มของรถยนต์ที่เร่งเครื่องอย่างเต็มที่ ลำแสงจ้าจากไฟหน้ารถสาดส่องเป็นสายในความมืด พร้อมรถเคลื่อนตัวออกจากตัววัดไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากวัดนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่ชุมชนพอสมควร กว่าพระในวัดจะตั้งหลักกันได้พวกโจร 500 เผ่นหายวับไปกับความมืดพร้อมพระทองเหลืององค์ใหญ่
พระในวัดตื่นกันหมดรวมทั้งหลวงพ่อแช่มเจ้าอาวาส ไม่นานข่าวแพร่ออกไปกำนันและผู้ใหญ่บ้านต่างเดินทางมาที่วัด เวลาตี 3 ในบริเวณวัดขณะนี้เต็มไปด้วยชาวบ้านละแวกข้างเคียงที่รู้ข่าว และทุกคนสาปแช่งพวกโจรร้ายด้วยความโกธรแค้น
นายอินยืนอยู่หน้ากลุ่มชาวบ้าน พูดให้ชาวบ้านทุกคนได้ยินว่า พวกมันไปได้ไม่ไกล หรอก !
เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก..
ตอนสายวันรุ่งขึ้น ตำรวจมาเต็มวัดพร้อมกับนำพระพุทธรูปที่ถูกโจรกรรมไปเมื่อตอนกลางคืน มามอบคืนให้กับเจ้าอาวาส ชาวบ้านไชโยโห่ร้องเพราะได้พระที่นับถือคืนมาแบบไม่คาดฝัน
ตำรวจให้รายละเอียดว่า รถของคนร้ายไปคว่ำหงายท้องลงข้างถนนเพราะล้อหน้าหลุด จุดที่คว่ำห่างจากวัดไปประมาณ 20 กิโลเมตร ผลปรากฏว่าตายไป 2 คนและบาดเจ็บ สาหัส 1 คน ไปสอบสวนคนเจ็บถึงรู้ว่ามันมาขโมยพระไปจากที่นี่
ชาวบ้านพอได้รู้ข่าวจากตำรวจถึงกับร้องกันอื้ออึง ! ด้วยความศรัทธา.
และต่างนึกถึงคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ของนายอินที่ว่า พวกมันไปได้ไม่ไกลหรอก
มีผลทำให้ชาวบ้านที่รู้ข่าวต่างโจทย์กันว่านายอินมีวาจาศักดิ์สิทธิ์..
สามสิบปีต่อมา.
หลวงตาอิน หรือหลวงพ่ออิน...เจ้าอาวาส ซึ่งนั่งท้าวแขนอยู่บนเก้าอี้โยกบนกุฏิของท่านเอง เอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชาซึ่งมีน้ำชาร้อนๆอยู่เต็มถ้วย ยกขึ้นซดเข้าปากดัง โฮก ใหญ่.
พลางกวาดสายตามองทางกลุ่มญาติโยมที่นั่งกันหน้าสลอนหลายสิบคน ซึ่งมานั่งฟังหลวงตาอินเล่าความหลังให้ฟัง
เรื่องนี้มันผ่านมาเกือบ 30 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังจำได้แม่นเหมือนผ่านมาแค่ ไม่ถึง 10 ปี หลวงตาเงยหน้ามองเพดาน พลางเอนหลังกับเก้าอี้โยก
วาจาหลวงตานี่ ศักดิ์สิทธิ์จริงนะครับ ! พวกโจรมันจึงไปไม่รอด ชายหัวล้านมีอายุคนหนึ่งพูดพร้อมยกมือขึ้นพนมที่อกด้วยความนอบน้อม.
หลวงตาอินหรือนายอินเมื่อ 30 ปีก่อน หันมามองชายหัวล้านด้วยสายตาอ่อนโยน พลางคิดในใจว่า
ขอโทษด้วยนะ ! ตอนที่แอบไปถอดนอตล้อ อาตมาขอปิดเป็นความลับ ส่วนนี้ขออนุญาตไม่เล่า ! ข้ามไปแล้วกัน
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 51 11:17:56
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 51 04:03:26
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 51 12:38:48
แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 51 22:59:30
แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 51 22:54:05