Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สะบายดี ที่ ภูเก็ต (ภาคต้น)

    คืนวันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ.2551 ชุลมุนวุ่นวายจัดเตรียมกระเป๋าสัมภาระ ทั้งข้าวของ อาหารการกิน เครื่องใช้ส่วนตัว รวมถึงสมบัติพระศุลีที่ตั้งใจจะเอาไปแบ่งปันคนทางโน้น เบ็ดเสร็จแล้ว รวมมีกระเป๋าทั้งหมด 4 ใบ เป็นกระเป๋าใบใหญ่แบบลากได้สำหรับเหล่าของฝากและเสื้อผ้าของแม่ใบหนึ่ง กระเป๋าของกินใบหนึ่ง กระเป๋าคอมพิวเตอร์ใบหนึ่ง และเป้เสื้อผ้าของชั้นอีกใบหนึ่ง อันนี้ไม่รวมกระเป๋าจ้อยไว้ห้อยติดตัวของชั้นกับแม่อีกคนละใบนะ คล้ายคล้ายจะย้ายบ้านเลยทีเดียว



    นอกจากจะง่วนเรื่องการจัดและยัดสมบัติลงกระเป๋าแล้ว คืนนี้ยังต้องจัดการอพยพปลาทองตัวกลมจำนวนกว่าโหล ไปฝากบ้านตรงข้ามเลี้ยงด้วยหละ สงสารจัง อยากเอาขึ้นเครื่องด้วย ก็แบบ...เอาน้ำออก แล้วค่อยไปเวฟที่โน่นไง แต่คงไม่ได้เนอะ เหอเหอ จะทิ้งไว้ในบ้าน ก็คงอดตาย รึจะเสียบปลั๊กไว้ข้างรั้วบ้าน ก็คงไม่แคล้ว เสร็จน้องแมวแม่ลูกอ่อนแน่นอน ฝากเค้าไว้คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วหละ ทำตัวดีดีนะ เด็กเด็ก...



    เฮ้อ!!! กว่าจะเสร็จสรรพได้หลับได้นอนก็เกือบครึ่งคืนเข้าไปแล้ว ง่วงจัง...







    เช้ามากกว่าปกติของวันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ.2551 พยายามเด้งตัวจากที่นอนตามความถี่และความดังกังวานของเสียงแม่ที่ทะลุผ่านประตูเข้ามา ทำนั่นทำนี่เพลิดเพลินไปจนเวลาประมาณ 7.30 น. แท็กซี่คันน้อยของน้าเปี๊ยกก็แล่นฉิวมาจอดรอรับถึงหน้าบ้าน ดีจัง น้าเปี๊ยกไปส่งถึงสนามบินแน่ะ ลำพังไปเองคงลำบากน่าดูชม น้าเปี๊ยกพาออกเส้นราชพฤกษ์ ลงที่แยกท่าพระ เลี้ยวขวาขึ้นทางด่วนบางนา เสียค่าทางด่วนไป 45 บาท ลงทางด่วน วิ่งผ่านโลตัส ผ่านหน้าทางเข้า ม.ราม 2 จากนั้นก็ตรงไปอีกสัก 15 – 20 กิโลเมตร ก็ถึงสุวรรณภูมิแระ ไม่ไกลเหมือนเคย แล้วก็ไม่นานเหมือนเคยด้วย อืม ใช้เวลาแค่ประมาณชั่วโมงเดียว ส่วนมิเตอร์ขึ้นที่ 380 บาท ถูกและเร็วกว่าที่เคยมากับพี่แท็กซี่คันอื่นมากมายนัก



    ถึงสุวรรณภูมิก็เดินชิวชิวไปที่ช่อง E ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย พี่พี่น้องน้องหน้าแฉล้มให้การต้อนรับเป็นอย่างดี อธิบายทีละขั้นตอนจนชั้นค่อยค่อยคลายความไม่รู้ไปได้โข ก็คนมันไม่เคยนี่นา! พี่เค้าว่ากระเป๋าลากใบใหญ่น่ะ ต้องโหลดลงใต้เครื่องเพราะน้ำหนักเกิน 7 กิโลกรัม เลยต้องจ่ายเพิ่มอีก 100 บาท แหม ไม่เหมือนรถทัวร์เลยเนอะ อิอิ เสร็จเรื่อง ก็เดินต๊อกแต๊กไปหาที่นั่งรอเวลาข้างลิฟต์แก้ว ก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งนานนี่ อืม พี่เค้าว่า ให้ไปขึ้นเครื่องตอน 10.20 น. เพราะเจ้าปู น้องชายคนดี จองตั๋วแบบ Xpress boarding ให้ชั้นกะแม่ เลยได้สิทธิ์ขึ้นเครื่องก่อนคนอื่น ดีจัง พวกเรานั่งรออย่างสบายอารมณ์กันสักพักใหญ่ ชั้นเลยชวนแม่เดินลงไปหาอะไรรองท้อง เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย เริ่มหิวแระ



    เดินเมียงเมียงมองมองของกินกันไม่นาน ชั้นตัดสินใจลากแม่เข้าเอสแอนด์พี ก็เค้าบอกว่าชื่อนี้มีแต่ของอร่อยนี่นา ต้องพิสูจน์ แม่สิ บ่นอุบ หลังจากเห็นราคาค่างวดอาหารแต่ละจาน เนื่องจากแม่ไม่กินเนื้อสัตว์ ชั้นเลยสั่งข้าวผัดเจให้แม่แบบไม่ต้องลังเล ส่วนชั้นเอง กินสปาเก๊ตตี้ผัดขี้เมาทะเล ฟังดูอลังการมะ รออยู่เกือบนาน อาหารและน้ำที่สั่งไปก็บินมาถึง อืมม เด็กเสิร์ฟน้อยจังเมื่อเทียบกับปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เอาเหอะ เอาเหอะ อย่าเอามาคิดให้เสียอารมณ์เลย แม่กินไปบ่นไป เพราะไม่มีพริก ไม่มีซอส ที่สำคัญไม่มีเด็กเดินมาให้ขอเพิ่ม อ่ะนะ ส่วนจานของชั้น ก็ดี ไม่เลวร้าย แม้จะออกเลี่ยนบ้างและอร่อยน้อยกว่าที่เคยกินคราวก่อนนิดหน่อย ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร กินเสร็จก็ชำระค่าเสียหาย หมดเงินไปเกือบสี่ร้อย



    เอาน่ะแม่ ครั้งนึงในชีวิตตตตตต!



    ตอนนี้ใกล้เวลาที่ต้องขึ้นเครื่องแล้ว ชั้นกับแม่เลยรีบสาวเท้าก้าวเร็วกว่าเดิม ถึงทางเข้า เราเดินผ่านพี่รอปอภอหญิงหน้าดุ ลงบันไดเลื่อน เลี้ยวซ้าย และเดิน เดิน เดิน ทำไมไกลจัง จะใหญ่โตไปไหนเนี่ย ดีนะที่มีบันไดเลื่อนแบบทางราบมาช่วยให้เดินได้เร็วเหมือนวิ่ง แม่ติดใจอยากกลับไปเดินใหม่อีกรอบ ดีนะที่ชั้นห้ามไว้ อิอิ ในที่สุดก็ถึง เราเข้าประตูของไทยแอร์เอเชีย ส่งกระเป๋าผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์ ตรวจตรากันตามระเบียบ น้องชายหน้าตาไทยไทย บอกให้ไปทางซ้าย เอ้า เดินอีกแระ เราลงบันไปเลื่อนมาชั้นล่าง เห็นคนยืนเข้าแถวเต็มไปหมด เราเลยไปเนียนเข้ากะเค้าด้วย พี่สาวคนสวยในชุดแดงตรวจตั๋วของเราแล้วบอกให้ขึ้นรถที่ด้านหน้าได้เลย ชั้นกับแม่เลยเดินเหรอหราไปขึ้นรถคันใหญ่ที่มาจอดคอยท่า แหม ซื้อตั๋วแบบ Xpress boarding นี่ก็ดีเนอะ ดูอภิสิทธิ์ดีจัง ขนาดขึ้นรถยังได้อยู่ข้างหน้าสุด ถึงก่อนชาวบ้านเค้าอีก ก็จะไม่ถึงก่อนได้ไงล่ะ ดันได้ที่ยืนติดกระจกหน้ารถ ทำเลดี๊ดี อยู่ระหว่างประตูหน้ากับที่นั่งโชเฟอร์เลยนะเนี่ย ยังดี ไม่ไล่ชั้นกะแม่ไปเกาะบนหลังคา อืมมม เรามองซ้ายมองขวากันด้วยความตื่นตระการตากับเหล่าเครื่องบินลำใหญ่น้อยที่จอดนิ่งเต็มลาน ลำไหนของเราน๊า อ่ะ น่านไง ถึงแล้ว ได้ลงรถและได้ขึ้นเครื่องก่อนจริงจริงด้วย เหอเหอ ขึ้นไปก็พบนางฟ้าหน้าสวยยืนสวัสดีพร้อมยิ้มแก้มแทบปริอยู่ริมประตูเครื่อง อ่ะจ้า สวัสดีจ้า เอากระเป๋าเก็บด้านบน นั่งประจำที่ รัดเข็มขัด แล้วจะแกะเป็นมั้ยอ่ะ ง่ะ! ออ ได้นั่งฝั่งขวา แถวที่ 2 จากข้างหน้านะ ชั้นนั่งติดหน้าต่างและแม่ก็นั่งติดชั้นอีกที แต่เอ่อ...ถ้าบานใหญ่เหมือนกระจกรถ ก็คงดี จะได้มองเห็นทุกอย่างชัดเจนกว่านี้เนอะ



    10.50 น. เครื่องเริ่มมีความเคลื่อนไหว มันค่อยค่อยเดินกระดึ๊บกระดึ๊บออกจากลานไปตามทางที่ดูเหมือนว่ามันแสนจะคุ้นเคย ไม่ช้า ท่อกลมโตข้างปีกทั้งสอง เริ่มส่งเสียงร้องดังขึ้นและดังขึ้น ชั้นแอบหันไปมองด้วยความระทึกใจ ว้าว จากนั้น เครื่องเริ่มทะยานไปข้างหน้าเร็วขึ้นเรื่อยเรื่อย ในที่สุดมันก็พาชั้นกับแม่และใครต่อใครอีกหลายคนขึ้นเหนือน่านฟ้าได้สำเร็จ ดูดิ บ้าน ถนน รถ ต้นไม้ ทุกอย่างเล็กลงเหมือนของเล่นที่ชั้นเคยมี สวยมาก ชั้นบันทึกทุกอย่างผ่านตาสองข้างที่เบิกโตกว่าปกติ อึดใจนึง ก็เห็นทะเล แต่ไม่นานกว่านั้น กัปตันก็พาเราล่องลอยอยู่เหนือเมฆก้อนใหญ่ ก้อนน้อย อยากลองเอื้อมไปจับเมฆตรงหน้าจัง จะนุ่มนิ่มเหมือนปุยนุ่นที่เคยจินตนาการถึงเมื่อนานมาแล้วรึเปล่านะ คุณฟ้ากว้างกว้าง นี่ใจดีจังเลยเนอะ อ้อมโอบอุ้มคุณเมฆขาวขาวไว้ยาวเรียงกันเป็นพืด ชั้นนั่งหลับตาพริ้มด้วยความอิ่มใจเล็กเล็กอยู่พักใหญ่ เวลาเดินต่อไปอีกไม่นานนัก ชั้นลอบมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง คราวนี้ชั้นได้เห็นเกาะแก่งมากมาย รายรอบด้วยทะเลและหาดทรายขาวขาว ว้าววว คงใกล้แล้วสินะ ภูเก็ตที่คิดถึง ช่างเป็นภูเก็ตมุมใหม่ที่ชั้นไม่เคยนึกฝันว่าจะได้สัมผัสจริงจริง สวยมาก สวยสุดใจเหลือเกิน นั่นอีก หมู่ไม้เขียวครึ้ม โน่น เรือลำกระจิ๋วหลิว บ้านที่เห็นแต่หลังคา ทุกอย่างดูเล็กเกินจริงไปหมด กัปตันพาเราวนรอบอ่าวปอพอให้กระชุ่มกระชวยอารมณ์ ก่อนค่อยค่อยพาเครื่องร่อนลงแตะพื้นซีเมนต์ด้านล่างอย่างนุ่มนวลที่เวลา 12.15 น. เป๊ะเป๊ะ แต่แหม ยังติดใจอยู่เลยอ่ะ วนอีกสักรอบได้มั้ยคะเพ่



    ชั้นกับแม่เดินออกจากเครื่องมาตามทางงวงช้าง พวกเราต้องมายืนรอกระเป๋าอีกใบนึงที่ถูกโหลดลงใต้เครื่องไว้แต่แรก ชั้นให้แม่ยืนดูกระเป๋า ส่วนชั้นเดินไปเอารถเข็น ระหว่างเข็นรถกลับมา สายตาชั้นจ๊ะเอ๋เข้ากับใครคนนึงอย่างไม่คาดคิด พระเจ้าช่วย กล้วยปิ้ง!!! “สเตฟาน” เออ ที่เป็นพระเอกน่านแหละ สเตฟานตัวเป็นเป็น มายืนตรงหน้าชั้น ชั้นแอบเพ่งมองแบบไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่แป๊ปนึง ข๊าวขาว ดูดีเชียว อิอิ แต่ชั้นไม่วิ่งเข้าไปกรี๊ดหรอกนะ แค่แอบแทะเล็มด้วยสายตาก็พอ 555



    จ้นกับฟอร์ดมายืนรออยู่หน้าสนามบินแล้ว จ้นยังดูไม่ต่างจากเดิม แต่ฟอร์ดสิ ดูกลมกลมขึ้นเยอะนะ ไม่เป็นไร วัยกำลังกินกำลังนอน พี่เองก็เหมือนกัน วัยเดียวกันจ้ะ มีกำลังที่จะกินและมีกำลังที่จะนอน (!!!)



    จ้นพาชั้นกับแม่ไปที่ร้านฟางแก้วริมหาดทรายแก้ว เหอเหอ ก็ร้านจ้นนี่นา ที่นั่น ชั้นได้พบน้าไก่ น้าสะใภ้ใจพระ น้องฟาง น้องสาวคนสวย และเจ้าโอม – นะโม เด็กน้อยที่พกความน่าเลื่อมใสมาแต่กำเนิด ก็ยังงี้ไง คือ น้องเค้ามีชื่อเล่นที่แม่เค้า เจ้าฟางนั่นแหละ ชอบเรียกติดปากว่า “โอม” ส่วนตากะยาย ซึ่งก็คือ จ้นกะน้าไก่น่ะ ชอบเรียกว่า “นะโม” ยังไม่พอ น้องเค้ามีชื่อจริงที่แม่บรรจงตั้งให้ว่า “ศักดิ์สิทธิ์” ตามตัวอักษรแรกของพ่อกะแม่ ทุกอย่างเลยลงตัวด้วยประการฉะนี้นั่นแล



    น้องโอม เป็นเด็กน้อย อายุได้ขวบกว่ากว่า ช่างเป็นเด็กที่น่ารัก ฉลาด อารมณ์ดี ร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา เราซี้กันได้ในเวลาไม่นาน ฮะฮ่า รู้มะ ชั้นพยายามสอนให้โอมเรียกชั้นว่าพี่ เหมือนที่แม่น้องโอมเรียก เหอเหอ อย่าเรียกเจ้ว่าป้าเชียวนะ ไม่ย้อมไม่ยอม อิอิ นี่จะเล่าให้ฟัง มีวันนึง พ่อเฒ่าหรือตาของน้องโอม ก็คือจ้นนั่นแหละ บอกให้น้องโอมไปเอาไม้กวาดมากวาดทรายหน้าร้าน น้องโอมก็ว่าง่าย ไปลากไม้กวาดที่สูงกว่าตัวเองหลายช่วงแขนมา ทำท่าจะกวาดแล้วหละ น้องเค้ามองไปมองมา พักเดียวก็เดินไปกอบทรายมาเททั่วพื้นก่อนจะลงมือกวาด แหม ก็ทรายมันมีนิดเดียวนี่นา หนูกลัวไม่พอ เลยไปเอามาเพิ่มอีก เหอเหอ...สะใจวัยรุ่น



    ตลอดบ่ายวันนั้น ชั้นช่วยจ้นเสิร์ฟอาหาร วันนี้มีคนเข้าร้านไม่ขาดสายเลย น้าไก่แม่ครัวเอกทำกับข้าวซะมือเป็นระวิงทีเดียว เห็นแล้วเหนื่อยแทน แต่แหม เด็กเสิร์ฟเนี่ย อาชีพเก่าชั้นเลยนะ ไม่ได้ทำตั้งนานแระ เอาเถอะนา ทำชดใช้ค่าเสียหายไง ก็เล่นกินกุ้งเผากับหอยชักตีนจานโตของน้าไก่ไปแล้วนี่นา อิอิ แต่ก็คุ้มนะ นานนานได้กินอาหารทะเลสดสดอย่างนี้ อร่อยจนวางไม่ลง เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมจริงจริงนะค๊า...



    แดดร่มลมตก จ้นพาชั้นกับแม่กลับบ้าน เราแวะเยี่ยมพ่อเฒ่า อันนี้หมายถึงคุณตาคนเก่งของชั้นเอง อดีต พ.ต.ท. เชียวนะจ้ะ “พ.ต.ท.จริงใจ รัตนาจารย์” นายตำรวจผู้องอาจและเกรียงไกรแห่งภูเก็ต หลังจากนั้นเราก็จัดของให้เข้าที่เข้าทาง จ่ายแจกของฝาก ของขวัญให้ทั่วถึง แล้วก็จัดการธุระส่วนตัวก่อนเข้านอน



    เมื่อหัวถึงหมอน ชั้นก็ลืมทุกเรื่องที่กรุงเทพฯไปสนิท ด้วยความฝันดีดีมากมาย ทั้งคืน...

    จากคุณ : เพลิดพริ้งแพรวพราวพรรณราย - [ 13 ต.ค. 51 09:57:08 A:202.149.25.235 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom