Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สะบายดี ที่ ภูเก็ต (ภาคปลาย)

    ...



    วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ.2551 วันนี้จ้นพาไปเที่ยวในพังงา เราเดินทางกันช่วงสายสาย ไม่เช้า ไม่เที่ยง แค่สายสาย จ้นบอกว่าจะพาพวกเราซึ่งมีอี๊เหมีย ชั้น และแม่ ไปพบพี่จุกกุมารที่บ้านบางเตย จ.พังงา จ้นบอกว่าพี่จุกดูดวงแม่นนัก มีผู้คนมากมายมารอพบพี่จุกกันล้นหลามทุกเมื่อเชื่อวันติดต่อกันนานร่วมสิบปีแล้ว จ้นเองก็เคยไปราวครั้งหรือสองครั้งนี่หละ แต่ก็นานมาแล้ว ฟังจ้นเล่าหลายหลายเรื่องราวที่พี่จุกทำนายทายทัก ทำให้พวกเราเกิดความรู้สึกอยากไปรู้ไปเห็นกับตากับตัวขึ้นมาอย่างแรงงง จ้นไม่ขัดศรัทธา กุลีกุจอพาพวกเราไปพบพี่จุกอย่างแข็งขัน ระหว่างทาง จ้นแวะที่วัดมณีศรีมหาธาตุ จ.พังงา ที่นี่มีรูปปั้น รูปหล่อพระพุทธรูป พระสงฆ์ และเทพอีกหลายพระองค์ สวยงามมากมาก และแน่นอน ชั้นลงท้ายด้วยการวิ่งวนถ่ายรูปทุกคนอย่างเมามัน แหม นาทีนี้ดูชั้นจะขายดีจริงจริง มีแต่คนร้องเรียกพร้อมโบกมือดัก กวักมือหากันอยู่หยอยหยอย อืมม ได้จ้า ใจเย็นเย็นนะ ได้ทู๊กคนจ้า...



    พวกเราออกเดินทางจากวัดเพื่อไปยังที่หมายมั่นตั้งใจ ถึงปากซอยเข้าบ้านพี่จุก แม่กับอี๊แวะซื้อน้ำแดง น้ำหวาน และลูกอม ไม่ได้จะซื้อมากินเองหรอก แต่จะเอาไปฝากพี่จุกนั่นแน่ะ จ้นเองก็คุยกับคุณลุงที่นั่งเม้าส์กันอยู่หน้าร้าน ถามเรื่องพี่จุกนั่นแหละ บทสรุปก็ได้ความว่า พวกเรามาถูกทางแล้ว และพี่จุกยังเปิดบ้านรับดูดวงอยู่เช่นเดิม โล่งไปที ไม่มาเสียเที่ยว



    บ้านพี่จุกอยู่ลึกจากปากซอยเข้าไปพอสมควร รถยนต์สี่ล้ออย่างพาหนะของจ้นไม่สามารถเข้าถึงหน้าบ้านพี่จุกได้ ต้องจอดริมถนนแล้วเดินต่อไปในป่ายางเอง แต่ไม่ไกลหรอก เดินต่ออีกนิดเดียวเท่านั้น ถึงแระ... โอ้โห! ขนาดพวกเรามากันแต่หัววันแล้วนะ ข้างในบ้านยังมีผู้ศรัทธามานั่งรอนอนรอกันตั้งหลายคน พวกเราหยิบบัตรคิวได้ลำดับที่ 3 ไม่ใช่คนที่ 3 นะ อืมม กลุ่มที่ 3 ต่างหาก แบบว่า แค่กลุ่มแรกซึ่งเป็นกลุ่มสาวสาวก็ปาเข้าไปตั้งครึ่งโหลแล้ว ง่ะ! วันนั้นพวกเราเลยต้องรอกันนานพอดูกว่าจะถึงคิว แต่ก็โอเชนะ นั่งฟังเรื่องราวเรื่องเล่าของคนอื่นไปพลางพลาง อย่างเรื่องของน้องสาวแต่ละคนน่ะ ไม่พ้นเรื่องหัวใจเลยสักคน หนูรักเค้า เค้าไม่รักหนู คนที่รักหนู แต่หนูก็ไม่รักเค้า อะไรประมาณเนี้ยยย! หลังคุยกะพี่จุก ก็ดูน้องแต่คนจะตัวเบาขึ้นนะ ไม่กลุ้มขึ้นหน้าเหมือนเมื่อแรกมา นี่นี่! ที่ว่าตัวเบา ไม่ใช่กระเป๋าเบาเพราะจ่ายค่าดูดวงนะจ๊ะ พี่จุกไม่เรียกร้องอะไรเลย สิบยี่สิบ หรือใครจะไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน ตามสะดวกตังได้เลย



    ที่สุดแล้วก็ถึงคิวของพวกเรา อี๊เหมียดูเป็นคนแรก ตามด้วยแม่ ชั้น และจ้น ตามลำดับ อยากรู้หละสิ ว่าพี่จุกว่าไงบ้าง เหอเหอ ไม่บอกหรอก อืมม แม่นไม่แม่นน่ะหรอ เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาสเมื่อไร ชั้นจะต้องไปหาพี่จุกอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง 555 พวกเราลาพี่จุกกลับบ้านด้วยความอิ่มเอมและเต็มตื้น มีคนมาช่วยเขี่ยผงในตาออก ใครก็ต้องรู้สึกดีทั้งนั้นแหละ ว่าแต่ อย่ามาหาว่าพวกเรางมงายนะ ไม่เชื่ออย่ามาลบมาหลู่ก็แล้วกัน ที่สำคัญ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังด้วยนะค๊า!



    พวกเรากลับมาตั้งหลักและพักเหนื่อยที่ร้านฟางแก้ว บ่ายนี้เลยมีเรื่องคุยกันยาวเป็นหางว่าว ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรส สนุกสนาน ฟังผ่านผ่านเหมือนกำลังทะเลาะกันเลยอ่ะ ต่างคนต่างพูด แต่ทุกคนก็เข้าใจสิ่งที่ใครแต่ละคนพูด เพลินดีเนอะ ตกเย็น จ้นเก็บร้านเร็วกว่าเดิม ก็เย็นนี้พวกเรามีนัดต้องไปร่วมพิธีสวดภาณยักษ์ ที่วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต ไงล่ะ จำได้มั้ย? กลับถึงบ้าน พวกเรารีบเคลียร์ข้าวของกองโต ผลัดกันอาบน้ำ จ้นกำชับว่าต้องใส่ชุดขาวกันทุกคน แหม ไม่รู้ล่วงหน้านี่ ชั้นเลยจำเป็นต้องอาศัยขอหยิบขอยืมเสื้อผ้าของคนทางนั้นมาใส่เป็นการชั่วคราว... ใส่ได้ด้วยแฮะ!



    กว่าจะถึงวัด รถติดยาวหลายกิโลจริงจริง เราต้องค่อยค่อยกระดึ๊บกระดึ๊บไปทีละครึ่งคืบ ชั้นมองออกไปข้างนอก เห็นแต่คนใส่ชุดขาว ท่าจะมีที่หมายเดียวกันสินะ อืมม ที่ลานกว้างกว้างหน้าวัด ตอนนี้เต็มไปด้วยรถยนต์มากมาย ดูจากป้ายทะเบียนแล้ว มีคนต่างถิ่นมาร่วมงานเยอะเชียวนะ กว่าจะหาที่จอดรถได้ เล่นเอาชั้นลุ้นแทบแย่ พวกเราต้องออกแรงเดินไกลพอสมควรกว่าจะถึงปะรำพิธี จ้น น้าไก่ อี๊เหมีย แม่ และชั้นต้องรีบสาวเท้าก้าวยาวยาว ก็พิธีเค้าเริ่มไปแล้วน่ะสิ ศาลาหลังกว้างที่เห็นเมื่อวันก่อน วันนี้มันดูแคบไปถนัดตา ส่วนสายสิญจน์ที่ห้อยไกวพวกนั้น ก็เหมือนมีเจ้าของจับจองแล้วทุกเส้น นี่พวกเรามาช้าไปรึเปล่าเนี่ย! แต่ในที่สุดจ้นก็พาพวกเราลัดเลี้ยวเลาะไปเกาะข้างขอบกำแพงต้นไม้ที่ด้านหน้าได้สำเร็จ แม้ที่นั่งที่ได้จะอยู่ในทำเลไม่ดีนัก ด้วยเพราะเป็นทิศคนโคจร ง่ะ ขยันโคจรเข้าออกกันชะมัด ใจเย็นเย็นนา มาทำบุญ ท่องไว้ ท่องไว้ พระสงฆ์หลายรูปร่วมกันสวดบ่นมนต์คาถาที่ชั้นไม่ค่อยเข้าใจ บางจังหวะเนิบช้า แต่บางจังหวะก็ช่างเร่งเร้าให้ใจเต้นได้ไม่เป็นส่ำ ผู้คนมากมายทั้งด้านในและนอกศาลาต่างพากันพึมพำท่องคำบาลี บ้างก็นั่งพนมมือ พร้อมหลับตาพริ้ม บางคนก็แสดงอาการร่ายรำตามท่วงทำนองเสียงสวดที่ดุดัน หลายคนกดชัตเตอร์ระรัวด้วยคงกลัวจะพลาดช็อตสำคัญ แล้วทุกอย่างก็มาถึงจุดสิ้นสุด งานพิธีต่างๆจบลงพร้อมคำอวยพรดีดีจากเจ้าบ้าน จากนั้นใครต่อใครอีกหลายคนต่างกระโจนเข้าคว้าธงกระดาษสีสดใส กับพู่ห้อยหลากสี ไปจนถึงด้ายสายสิญจน์สีขาวสะอาดตา คงเป็นของที่ระลึกอันศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนใฝ่หาหละสินะ นั่น บางคนยื้อแย่งพระเครื่ององค์เล็กที่ทางวัดจัดแจก ดีที่มีพี่พี่น้องน้องทหารในชุดสีฟ้ามาช่วยจัดระเบียบ แต่ก็นั่นหละนะ ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้ ชั้นเลยเห็นการเข้าแถวที่เป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่าแถวที่น่าจะยืดยาวเป็นหางว่าว อืมม



    นี่ก็ดึกมากแล้ว ผู้คนมากมายต่างทยอยเดินทางกลับ ใครใครก็คงรีบสิเนอะ ดูสิ หน้านิ่วคิ้วขมวดกันใหญ่ ทำไงได้ รถยังติดยาวเช่นเคย ถึงอยากไปใจจะขาดก็คงทำได้แค่นั่งรอให้รถคันหน้าขยับ ส่วนพวกเราเอง กว่าจะออกมาถึงถนนใหญ่หน้าวัดได้ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน แต่พอถึงถนนใหญ่แล้ว การเดินทางกลับก็ดูราบรื่นดี ไม่มีปัญหา อืมม ระหว่างทาง เจ้าปูโทรเข้ามาด้วยหละ เลยได้คุยกันเพลิน ส่งโทรศัพท์เวียนต่อกันสนุก แม้สัญญาณจะดีบ้าง ไม่ดีบ้างก็ตามเหอะ



    ถึงบ้านสักที อาบน้ำล้างตัวเรียบร้อย ชั้นก็รีบเข้านอน ก็เริ่มง่วงแล้วนี่นา แหม ผจญภัยมาทั้งวันน่ะเนอะ ฮ่า… วันนี้อิ่มจัง ทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจ และอิ่มบุญ พรุ่งนี้จะได้เจออะไรอีก อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วเร็วจัง จะเหมือนที่คิดไว้รึเปล่านะ อีกไม่กี่ชั่วโมงคงได้รู้ รอลุ้นด้วยกันสิ



    ราตรีสวัสดิ์จ้ะ...





    ตื่นมาพบแดดอ่อนอ่อนของวันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ.2551 น้องฟางชวนชั้นไปกินขนมจีนเจ้าอร่อย เราไปกัน 3 คน มีเจ้าโอมด้วย ร้านขนมจีนอยู่ไม่ไกลจากบ้านนักหรอก แต่เราก็ไม่ได้เดินไปนะ ฟางขี่มอ’ไซด์พาชั้นกะน้องโอมไป ขนมจีนร้านนี้อยู่เชิงสะพานสารสิน ใกล้ทะเลช่องปากพระ ต้องเข้าทางวัดท่าฉัตรไชย ชั้นว่าน่าจะมีแต่พวกลูกค้าขาประจำนะ เพราะร้านอยู่ลึกเข้าไปจากถนน ไม่ได้ตั้งเด่นหราอยู่หน้าวัด ไปถึง ก็เห็นมีลูกค้านั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อยหลายคน ชั้นกับฟางสั่งขนมจีนน้ำยามาคนละจาน ฟางกลัวชั้นจะกินไม่ได้เพราะน้ำยาออกจะรสจัดไปหน่อย ทำเอาชั้นเขว เลยขอน้ำยาน้อยน้อย กลัวกินไม่หมด ที่ไหนได้ อยากขอน้ำยาส่วนของชั้นคืนมาจัง ไม่เผ็ดเท่าแกงใต้ที่ชั้นเคยกินจากร้านประจำเลย ชั้นน่ะกินเผ็ดอยู่แล้วหละ มีร้านแกงใต้เจ้าประจำด้วย ก็ชั้นไม่ชอบแกงกรุงเทพนี่นา มันจืดและเลี่ยน ไม่ถูกปาก ขนมจีนจานนั้น ชั้นจึงกินหมดด้วยความรวดเร็ว อร่อยมากกกก! ไม่ได้ออกรสเกือบเผ็ดแค่อย่างเดียวนะ มันมีหลายรสผสมกลมกล่อมอยู่ในจานเดียว ฮ่า! ว่าแล้วอยากกินขึ้นมาตงิดตงิด



    ช่วงสายสาย หลังจ้นเปิดร้านเสร็จแล้ว จ้นก็พาชั้น แม่ และอี๊เหมียไปนั่งรถเที่ยวทางพังงากัน เราขับรถผ่านตลาดโคกกลอย และตลาดท้ายเหมือง จ้นเลี้ยวซ้ายเข้าลานธรรมบารมี ตรีปทุมแสงธรรมหนอ บ้านท่าซอ ของหลวงปู่นริศ นรินฺโท จ้นบอกว่าเป็นพระเกจิอีกรูปนึงเลยนะ แหะแหะ แต่ชั้นไม่ค่อยรู้เรื่องนักหรอก จ้นว่าไงก็ว่าตามกัน พวกเรามีโอกาสได้เข้าไปกราบหลวงปู่นริศถึงในกุฏิของท่านด้วย ท่านก็ต้อนรับขับสู้อย่างดี เทศน์อบรมพวกเราพอประมาณ ชั้นมันซุกซน ท่านเทศน์ไป ชั้นก็แอบเดินสำรวจในกุฏิท่าน ข้างในมีข้าวของทั้งเก่าและใหม่จัดแสดงตั้งเรียงในตู้กระจกมากมายหลายตู้ ชั้นสังเกตเห็นภาชนะดินเผาเนื้อดินหลายใบ บ้างสมบูรณ์ และบ้างก็แตกหัก บางใบมีชิ้นส่วนกระดูกสวมกำไลสำริดหลายวงติดอยู่ด้วย ชั้นนมัสการถามหลวงปู่นริศ หลวงปู่เมตตาตอบว่า ท่านนำมาจากเขมร อืมม ก็คงเหมือนพระพุทธรูป และรูปหล่อสำริดหลายองค์ที่ตั้งโชว์อยู่ตามมุมต่างต่างสินะ ชั้นว่าหน้าตาแต่ละองค์ดูออกจะเขมร คงมาจากที่เดียวกันแน่แน่



    สนทนาธรรมกับหลวงปู่พอได้เห็นแสงสวรรค์จากปลายอุโมงค์อยู่รำไร พวกเราก็นมัสการลา หลวงปู่แนะให้ลองเดินชมรอบวัด ไม่รอช้า พวกเราเดินชมอาคารและชิ้นงานปูนปั้น ชิ้นงานหล่อโลหะที่บรรจงสร้างเป็นรูปพระและเทพหลายองค์ตั้งประดิษฐานเรียงรายอยู่รอบบริเวณ ที่นี่ พวกเรายังได้พบแม่ปูนิ่มด้วยหละ แม่ปูนิ่มเป็นแม่ชีผู้เคร่งครัดในพระศาสนา ท่านใจดี แนะนำหลายหลายเรื่องที่ชั้นยังคลางแคลงใจให้หายขัดข้องได้ หลังได้พูดคุยกับแม่ปูนิ่ม ทุกคนก็ดูจะมีความสุขดีนะ อืมม พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่กันเกือบตลอดบ่ายเชียวหละ



    ขากลับ แม่บ่นอยากกินจำปาดะ จ้นเลยแวะให้ซื้อจากร้านค้าริมทาง อี๊เหมียหิ้วส้มโอติดมือมาอีก 2 ลูก พอถึงโคกกลอย พวกเราก็แวะซื้อของกินกันอีก ระหว่างก้มก้มเงยเงยซื้อหาของกินกันน่ะ พวกเราก็ได้พบกับลุงหมอ และป้ายอม ป้าซื้อไก่ย่างกับหมูทอดให้ชั้นเอาไปกินด้วยหละ ทักทายกันพอหายคิดถึง ก็ต้องโบกมือลา บ๊ายบาย ถึงร้านฟางแก้ว พวกเราก็มีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากมายเหมือนเคย เมาน้ำลายมากมาก เหอเหอ



    บ่ายแก่แก่ใกล้เย็น หลังน้องโอมตื่นจากงีบ ชั้นเลยชวนน้องโอมไปเที่ยว น้องโอมรู้งาน รีบยื่นมือมาให้ชั้นจับ ชั้นจูงน้องโอมไปเที่ยวริมทะเลหลังร้านจ้นน่ะแหละ ไม่ได้ไปไหนไกล ชั้นอุ้มน้องโอมนั่งบนเก้าอี้ โอมว่าง่าย ไม่ดื้อ นั่งหัวยุ่งต้านลมอยู่นิ่งนิ่งอย่างนั้น ชั้นนั่งลงข้างน้องโอม ลมกำลังแรงเชียว ดีนะไม่พัดโอมปลิวไปด้วย ไม่รู้น้องโอมกำลังมองแล้วครุ่นคิดอะไรสิ ชั้นเองก็จำความคิดของตัวเองเมื่อครั้งตัวเท่าน้องโอมไม่ได้เหมือนกัน... เรานั่งโต้ลมกันพักใหญ่ ชั้นจึงชวนน้องโอมกลับเข้าร้าน ทีแรกน้องโอมไม่ยอมไป ชั้นเลยบอกว่าโน่น เค้ากลับบ้านกันหมดแล้ว เหมือนรู้ความ โอมจึงยอมตามมาอย่างว่าง่าย ยื่นมือให้ชั้นจูง พลางหันหลังกลับไปโบกไม้โบกมือบ๊ายบายให้ทะเล หรือบางทีโอมอาจโบกมือลาใครที่ชั้นมองไม่เห็น ก็ไม่รู้สินะ เหอเหอ เตร็ดเตร่อยู่หน้าร้านกันเกือบนาน ชั้นก็ชวนน้องโอมไปเดินเล่นที่ลานสนหน้าร้าน ว่าง่ายเหมือนเคย พอดีรถจ้นจอดอยู่ไม่ไกล ชั้นแกล้งเดินอ้อมรถจ้นแล้วหันกลับมา “จ๊ะเอ๋” ดูสิ น้องโอมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากยกใหญ่ ท่าจะชอบใจ คราวนี้ น้องโอมเลยวิ่งหนีชั้นด้วยการวิ่งวนรอบรถ พอเจอหน้ากันก็หัวเราะชอบใจ แล้วรีบวิ่งกลับไปอีกทาง มีหนนึง โอมรู้ทันชั้น วิ่งไปครึ่งทางก็วนกลับมาทางเดิม เล่นเอาชั้นไม่ทันตั้งหลัก ระวังผิดทาง เลยเสียท่า โดนน้องโอมโผล่มาจ๊ะเอ๋ซะงั้น แหม ไม่ทันเด็กน้อย เหอเหอ วิ่งวนจนชั้นเริ่มหวิววิงเวียน แต่น้องโอมก็ยังดูสนุกสนาน ไม่เหนื่อยเลยอ่ะ ชั้นไม่รู้ว่า เจ้าฟางเค้าใส่ถ่านลูกชายไว้ตรงไหนสิ ไม่งั้นจะรีบดึงถ่านพวกนั้นออกให้เร็วเชียว นี่ตาหนู เล่นเอาเจ้เหนื่อยแทบแย่เลยนะ ง่ะ! โอย ลิ้นจุกคอแล้ว เลิกเหอะ เลิกเหอะ เดี๋ยวเจ้เป็นลมโชว์ซะเลย



    ผลจากการวิ่งวุ่นวันนั้น ฟางบอกชั้นในวันรุ่งขึ้นว่า เจ้าโอมนอนละเมอ ทั้งคืน...



    ...

    จากคุณ : เพริดพริ้งแพรวพราวพรรณราย - [ 16 ต.ค. 51 10:35:14 A:202.149.25.225 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom