Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ตรวน

    ตรวน

    ...นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันต้องถูกกักขังอยู่ในสถานที่แห่งนี้...

    สถานที่ซึ่งเป็นห้องโล่งๆ ที่ถูกก่อด้วยอิฐสภาพเก่าแก่เต็มที สิ่งที่พอจะทำให้รู้สึกว่าที่นี่ยังเป็นห้องก็คงจะเป็นเพียงช่องหน้าต่างซึ่งมองออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเท่านั้น

    ...บนหอคอยสูงเสียดฟ้าที่ไร้ซึ่งทางเข้าออก...

    นานเท่าใดแล้วที่พ่อมดอันแสนชั่วร้ายจับฉันมาไว้ที่นี่ เวทมนต์อันแสนร้ายกาจทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าหรือออกจากที่นี่ได้

    ...ฉันอยากออกไปจากที่นี่...

    เมื่อมองเลยผ่านช่องหน้าต่างเพียงช่องเดียวของหอคอยแห่งนี้ออกไป เมฆก้อนน้อยใหญ่รูปร่างต่างๆ พากันล่องลอยไปตามสายลมอยู่บนท้องฟ้าใสกระจ่าง

    เบื้องล่างของความงดงามสบายตานั้น ยังมีความงดงามที่ต่างออกไปอยู่อีกแห่งหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เคยเห็นแม้เพียงครั้งเดียว แต่ดอกไม้ที่ได้รับทุกๆ วันจากมิตรเพียงหนึ่งเดียวก็ทำให้สามารถวาดภาพความงดงามในมโนภาพได้อย่างไม่ยากเย็น

    มันเป็นภาพทุ่งกว้างซึ่งมีดอกไม้หลากสีนานาพันธุ์ที่พากันผุดขึ้นมาเพื่อเพิ่มสีสันให้แก่ความเขียวขจีสุดลูกหูลูกตานั้น

    ...ฉันอยากออกไป...ฉันอยากโบยบินไปในท้องฟ้ากระจ่าง...ฉันอยากนอนอยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้และเหม่อมองท้องฟ้าจากเบื้องล่าง...

    สายตามองข้ามไหล่ตัวเองไปยังปีกขาวที่อยู่ด้านหลัง ขยับนิดหน่อยพอให้รู้สึกได้ถึงแรงกระพือเบาๆ ขนละเอียดพลิ้วไสวไปตามแรงลมอ่อนๆ นั้น

    ...ด้วยปีกนี้...ฉันจะสามารถโบยบินออกไปยังโลกกว้างภายนอกและหลุดพ้นจากหอคอยซึ่งคุมขังเราไว้ได้...โลกซึ่งฉันโหยหามานานแสนนาน...

    ละสายตาจากปีกคู่งามและก้มลงมองอย่างเหม่อลอยกับสิ่งที่พันอยู่รอบข้อเท้าขวา

    ...ถ้าไม่เพียงแต่สิ่งๆ นี้...โซ่ตรวนเส้นนี้ที่พันธนาการฉันไว้...ด้วยเวทมนต์อันทรงพลังทำให้ฉันไม่สามารถปลดมันออกจากข้อเท้าได้...

    ...ถ้าไม่เป็นเพราะมัน...ฉันคงจะได้โบยบินออกไปแล้ว...

    ...เมื่อไหร่กัน...อีกเมื่อไหร่ถึงจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวหรือผู้กล้าจากที่ไหนสักแห่ง...ผู้ซึ่งอาจหาญกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย...ผู้ซึ่งที่จะมาช่วยและปลดปล่อยฉันออกไปจากสถานที่แห่งนี้...

    “จิ๊บๆๆ...”

    หันกลับไปมองยังต้นเสียง นกน้อยสีสวยอันแสนคุ้นเคยเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างอิฐสภาพคร่ำคร่านั้น ในปากคาบดอกไม้สีสวยอยู่หนึ่งดอก

    “ขอบใจนะจ๊ะ” มือเอื้อมไปหยิบดอกไม้ออกจากปากนกน้อย และลูบหัวด้วยความเอ็นดู

    ...นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่พอจะบรรเทาความเหงาของฉันได้ เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมา...

    นกน้อยที่มาพร้อมกันดอกไม้วันละดอก ดอกเก่าๆ เฉาไปหมดแล้ว แต่ก็จะมีดอกใหม่มาทดแทนเสมอ

    “เจ้านี่ดีจังเลยนะ อยากบินไปไหนก็ได้ อยากจะไปไหนก็ได้ไป ได้เก็บดอกไม้แสนสวยในทุ่งกว้าง ได้นอนเล่นท่ามกลางสายลมอันแสนสดชื่น”

    เหม่อมองออกนอกหน้าต่าง นิ้วลูบขนบนหัวอย่างรักใคร่ นกน้อยแหงนหน้าขึ้นมองดวงหน้าและแววตาซึ่งแฝงความเศร้าสร้อยไว้ภายใน

    “แต่ฉันนี่สิ ไม่มีทางจะเป็นแบบเจ้าได้เลย” มือลูบตรวนที่พันธนาการอยู่ที่ข้อเท้า

    “ถ้าเพียงแต่ไม่มีมันอยู่ ปีกของฉันก็จะสามารถพาฉันไปได้ทุกที่ ที่ๆ อยากไป ที่ๆ อยากสัมผัส ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นเหมือนอย่างที่เจ้าทำ”

    หยาดน้ำไหลออกจากตาหม่นอย่างไม่ตั้งใจ

    “ฉันได้แต่เพียงหวังว่าสักวัน...สักวันจะมีใครสักคนที่ผ่านมาแล้วมาช่วยฉันให้ผ่านพ้นเคราะห์กรรมอันแสนสาหัสครั้งนี้”

    นกน้อยผงกหัวไปมาแต่สายตายังคงมองอย่างตั้งใจ

    “แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ก็หอคอยแห่งนี้ไม่มีทางเข้าออกแม้เพียงทางเดียว นอกจากช่องหน้าต่างสูงเสียดฟ้าบานนี้”

    “ฉันอยากออกไป ฉันอยากโบยบิน เจ้ารู้ใช่ไหม”

    น้ำใสไหลผ่านแก้มเป็นทางและหยดลงบนพื้น หลับตาปล่อยอารมณ์ไปกับความหมดหวัง

    นกน้อยเพ่งพิศดวงหน้า หยาดน้ำตา และเสียงสะอื้น

    “เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ...นั่นเป็นความต้องการของเธอจริงๆ อย่างนั้นหรือ”

    เงยหน้าขึ้น หันซ้ายหันขวากลับไปกลับมาเพื่อหาต้นเสียงที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าที่ใจนึกคิดอยู่ขณะนี้ ก่อนที่จะหยุดมองนกน้อยที่อยู่ตรงหน้า

    “เสียงเจ้าหรือ เจ้าพูดได้หรือนี่ นกน้อย” ใบหน้าแห่งความยินดีแสดงออกอย่างเปิดเผย

    “ใช่แล้ว เสียงของฉันเอง” นกน้อยตอบ

    “ดีใจจังที่เจ้าพูดได้ ต่อจากนี้ฉันจะได้มีเจ้าเป็นเพื่อนคุย ว่าแต่ว่าทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่เห็นเคยพูดกับฉันเลยล่ะ” น้ำเสียงปีติชวนนกน้อยคุย

    “ถ้าแม้ฉันจะไม่เคยพูดกับเธอ แต่ฉันก็คอยดูเจ้ามาตลอดระยะเวลาที่เธออยู่ที่นี่...ตลอดเวลา” น้ำเสียงราบเรียบและจริงจังของนกน้อยเอ่ย

    “เธอคิดอย่างที่เธอพูดจริงๆ หรือ...นั่นเป็นความต้องการของเธอจริงๆ ใช่ไหม” นกน้อยย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง

    “แน่นอนสิ...นั่นเป็นความปรารถนาสูงสุดของฉัน...ฉันอยากหลุดพ้นจากสถานที่แห่งนี้เสียที...สถานที่ซึ่งคุมขังฉันมาตลอดระยะเวลานานแสนนาน” เสียงตอบเปล่งออกมาอย่างหนักแน่น

    นกน้อยเดินไปมาบนขอบหน้าต่าง ดวงตายังคงจ้องไปที่ใบหน้าของคู่สนทนาก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ฉันเฝ้าดูและคอยเฝ้าฟังเรื่องราวของเธอมานานแสนนาน ตั้งแต่วันที่เธอเพิ่งมาอยู่ยังหอคอยแห่งนี้”

    “เธอพร่ำเพ้อพรรณนาถึงโลกสวยงามอันกว้างใหญ่ภายนอก อิสระ เสรี เธอคาดหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยออกไปจากที่นี่...วันแล้ววันเล่า”

    สายตามองนกน้อยและตั้งใจฟังคำพูดที่ยังไม่เข้าใจเท่าที่ควร

    “เธอรู้หรือไม่ ทั้งหมดที่เธอพูดมานั่นเป็นเพียงคำแก้ตัวเท่านั้น...คำที่แก้ตัวให้กับความอ่อนแอของตัวเธอเอง” เสียงสูงขึ้นเล็กน้อย

    “เจ้าพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ” รอยยิ้มฝืนๆ เหมือนจะควบคุมใบหน้าได้ลำบากยิ่ง

    “รู้สิ...เธอรู้ดี...ลองมองที่นี่ดีๆ สิ ลองมองโซ่ตรวนนี่ดีๆ” นกน้อยเน้นคำหนักแน่น

    “พ่อมดชั่วร้าย เวทมนต์อันยิ่งใหญ่ โซ่ตรวนที่ตัดไม่ขาด มันไม่ได้มีมาแต่แรกแล้ว...ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาเอง...ใช่...หอคอยนี่ก็เช่นกัน เป็นตัวเธอเองต่างหากที่ค่อยๆ นำหินก้อนแล้วก้อนเล่าทีละก้อนมาเรียงต่อกันวันแล้ววันเล่าจนสูงเสียดฟ้าขนาดนี้...หอคอยไร้ทางเข้าออกซึ่งตัวเธอเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง”

    ความมืดมัวชั่วร้ายในบรรยากาศที่โอบคลุมหอคอยเริ่มจางหายไป โซ่ตรวนที่จู่ๆ ก็ปลดสลักตัวเองออกโดยอัตโนมัติ ความหวาดกลัวเข้าคุกคามจิตใจ ร่างกายทรุดลง มือกอดตัวเอง ปีกขาวกางออกและโอบตัวเองเสมือนต้องการจะป้องกันอะไรบางอย่าง

    “ไม่ใช่...มันไม่ใช่...ฉันถูกพ่อมดจับตัวมา...ฉันออกไปไม่ได้” เสียงพึมพำในลำคอดังขึ้น

    “ตั้งแต่แรกแล้ว...เธอปลดโซ่ตรวนเส้นนี้ได้ตั้งแต่แรก...เพียงแต่เธอไม่ทำเท่านั้นเอง” นกน้อยเดินเข้ามาใกล้ใบหน้า

    “ทั้งหมดที่เธอสร้างขึ้นนี่...เธอก็เพียงแค่ต้องการปกป้องความจริงในจิตใจของเธอเท่านั้น...ความกลัวที่อยู่ในนั้น...ถึงอยากจะออกไปโลกภายนอก แต่เธอก็ไม่กล้า...เธอกลัว...กลัวมากจนกระทั่งต้องสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาเป็นข้ออ้างที่เธอจะไม่ออกไป”

    เงยหน้าขึ้นมองนกน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาแห่งความหวาดหวั่นปรากฏในดวงตา

    “ฉันเองก็เหมือนกัน...ฉันก็เป็นเพียงสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาเป็นเพื่อนคุยเพื่อช่วยให้จิตใจของเจ้าดีขึ้นเท่านั้น ฉันถูกสร้างขึ้นมาจากจิตใจอันขัดแย้งของเธอ และที่บัดนี้ฉันสามารถพูดกับเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะความปรารถนาของอีกจิตใจหนึ่งในส่วนลึกของเธอนั่นล่ะ”

    “และเช่นเดียวกัน...ไม่มีเจ้าชายที่เธอรอคอยหรอก...ทั้งจากนี้และตลอดไป...มีเพียงเธอเท่านั้น...มีเพียงเธอที่จะต้องช่วยตัวเอง”

    “ไม่มีโลกกว้างให้เธอเห็นหากไม่เริ่มโบยบินออกไป ไม่มีทุ่งสวยให้เธอชื่นชมหากไม่เริ่มย่างก้าวด้วยตนเอง”

    น้ำตาหยุดไหลแล้ว คอตั้งตรงอีกครั้งและตั้งใจฟังสิ่งที่นกน้อยบอก ปีกขาวขยับเป็นจังหวะช้าๆ

    “จะนั่งอยู่ที่นี่รอคอยความฝันลมๆ แล้งๆ หรือจะใช้ปีกที่อยู่บนหลังของเธอโบยบินออกไปสู่แสงสว่างด้วยแรงของตนเอง ไปดูให้เห็นกับตาว่าท้องฟ้าและทุ่งดอกไม้นั้นงดงามขนาดไหน ไปสัมผัสด้วยตนเองว่าอากาศและสายลมภายนอกนั้นสดชื่นเพียงใด” นกน้อยหันหน้าออกไปนอกช่องหน้าต่าง เสียงอ่อนโยนลง

    “เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าใครก็ช่วยเธอไม่ได้ มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้นที่จะต้องตัดสินใจเอง” ประโยคสุดท้ายที่นกน้อยพูดก่อนที่จะกางปีกเล็กออกและบินไปสู่ฟ้ากว้างก่อนจะหายลับตาไป

    ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ชันเข่ายันกายขึ้น รอยยิ้มเจือจางปรากฏที่มุมปาก ก่อนที่เท้าทั้งสองข้างจะพาร่างกายขึ้นไปสู่ขอบช่องหน้าต่าง ดวงตามองจ้องไปข้างภาพภายนอกเบื้องหน้า

    ถึงแม้จะมีความหวาดหวั่นปรากฏอยู่ในแววตาคู่นั้น แต่จะไม่มีความลังเลอีกต่อไป เท้าดีดร่างกายออกไปสู่ความเวิ้งว้างอันสว่างไสวภายนอกหอคอยอันมืดมิด

    สายลมไล้ผ่านขนละเอียดที่กระพือเป็นจังหวะก่อให้เกิดคลื่นพลิ้ว แสงอาทิตย์ภายใต้ท้องฟ้าใสกระทบปีกขาวดูมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลังกว่าที่ผ่านมา

    ...บัดนี้...อีกหนึ่งได้หลุดพ้นจากพันธนาการและโบยบินไปสู่ห้วงแห่งอิสระแล้ว...

    จากคุณ : KTH - [ 19 ต.ค. 51 10:51:49 A:61.91.161.68 X: TicketID:187608 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom