ตรวน
...นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันต้องถูกกักขังอยู่ในสถานที่แห่งนี้...
สถานที่ซึ่งเป็นห้องโล่งๆ ที่ถูกก่อด้วยอิฐสภาพเก่าแก่เต็มที สิ่งที่พอจะทำให้รู้สึกว่าที่นี่ยังเป็นห้องก็คงจะเป็นเพียงช่องหน้าต่างซึ่งมองออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเท่านั้น
...บนหอคอยสูงเสียดฟ้าที่ไร้ซึ่งทางเข้าออก...
นานเท่าใดแล้วที่พ่อมดอันแสนชั่วร้ายจับฉันมาไว้ที่นี่ เวทมนต์อันแสนร้ายกาจทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าหรือออกจากที่นี่ได้
...ฉันอยากออกไปจากที่นี่...
เมื่อมองเลยผ่านช่องหน้าต่างเพียงช่องเดียวของหอคอยแห่งนี้ออกไป เมฆก้อนน้อยใหญ่รูปร่างต่างๆ พากันล่องลอยไปตามสายลมอยู่บนท้องฟ้าใสกระจ่าง
เบื้องล่างของความงดงามสบายตานั้น ยังมีความงดงามที่ต่างออกไปอยู่อีกแห่งหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เคยเห็นแม้เพียงครั้งเดียว แต่ดอกไม้ที่ได้รับทุกๆ วันจากมิตรเพียงหนึ่งเดียวก็ทำให้สามารถวาดภาพความงดงามในมโนภาพได้อย่างไม่ยากเย็น
มันเป็นภาพทุ่งกว้างซึ่งมีดอกไม้หลากสีนานาพันธุ์ที่พากันผุดขึ้นมาเพื่อเพิ่มสีสันให้แก่ความเขียวขจีสุดลูกหูลูกตานั้น
...ฉันอยากออกไป...ฉันอยากโบยบินไปในท้องฟ้ากระจ่าง...ฉันอยากนอนอยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้และเหม่อมองท้องฟ้าจากเบื้องล่าง...
สายตามองข้ามไหล่ตัวเองไปยังปีกขาวที่อยู่ด้านหลัง ขยับนิดหน่อยพอให้รู้สึกได้ถึงแรงกระพือเบาๆ ขนละเอียดพลิ้วไสวไปตามแรงลมอ่อนๆ นั้น
...ด้วยปีกนี้...ฉันจะสามารถโบยบินออกไปยังโลกกว้างภายนอกและหลุดพ้นจากหอคอยซึ่งคุมขังเราไว้ได้...โลกซึ่งฉันโหยหามานานแสนนาน...
ละสายตาจากปีกคู่งามและก้มลงมองอย่างเหม่อลอยกับสิ่งที่พันอยู่รอบข้อเท้าขวา
...ถ้าไม่เพียงแต่สิ่งๆ นี้...โซ่ตรวนเส้นนี้ที่พันธนาการฉันไว้...ด้วยเวทมนต์อันทรงพลังทำให้ฉันไม่สามารถปลดมันออกจากข้อเท้าได้...
...ถ้าไม่เป็นเพราะมัน...ฉันคงจะได้โบยบินออกไปแล้ว...
...เมื่อไหร่กัน...อีกเมื่อไหร่ถึงจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวหรือผู้กล้าจากที่ไหนสักแห่ง...ผู้ซึ่งอาจหาญกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย...ผู้ซึ่งที่จะมาช่วยและปลดปล่อยฉันออกไปจากสถานที่แห่งนี้...
จิ๊บๆๆ...
หันกลับไปมองยังต้นเสียง นกน้อยสีสวยอันแสนคุ้นเคยเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างอิฐสภาพคร่ำคร่านั้น ในปากคาบดอกไม้สีสวยอยู่หนึ่งดอก
ขอบใจนะจ๊ะ มือเอื้อมไปหยิบดอกไม้ออกจากปากนกน้อย และลูบหัวด้วยความเอ็นดู
...นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่พอจะบรรเทาความเหงาของฉันได้ เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมา...
นกน้อยที่มาพร้อมกันดอกไม้วันละดอก ดอกเก่าๆ เฉาไปหมดแล้ว แต่ก็จะมีดอกใหม่มาทดแทนเสมอ
เจ้านี่ดีจังเลยนะ อยากบินไปไหนก็ได้ อยากจะไปไหนก็ได้ไป ได้เก็บดอกไม้แสนสวยในทุ่งกว้าง ได้นอนเล่นท่ามกลางสายลมอันแสนสดชื่น
เหม่อมองออกนอกหน้าต่าง นิ้วลูบขนบนหัวอย่างรักใคร่ นกน้อยแหงนหน้าขึ้นมองดวงหน้าและแววตาซึ่งแฝงความเศร้าสร้อยไว้ภายใน
แต่ฉันนี่สิ ไม่มีทางจะเป็นแบบเจ้าได้เลย มือลูบตรวนที่พันธนาการอยู่ที่ข้อเท้า
ถ้าเพียงแต่ไม่มีมันอยู่ ปีกของฉันก็จะสามารถพาฉันไปได้ทุกที่ ที่ๆ อยากไป ที่ๆ อยากสัมผัส ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นเหมือนอย่างที่เจ้าทำ
หยาดน้ำไหลออกจากตาหม่นอย่างไม่ตั้งใจ
ฉันได้แต่เพียงหวังว่าสักวัน...สักวันจะมีใครสักคนที่ผ่านมาแล้วมาช่วยฉันให้ผ่านพ้นเคราะห์กรรมอันแสนสาหัสครั้งนี้
นกน้อยผงกหัวไปมาแต่สายตายังคงมองอย่างตั้งใจ
แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ก็หอคอยแห่งนี้ไม่มีทางเข้าออกแม้เพียงทางเดียว นอกจากช่องหน้าต่างสูงเสียดฟ้าบานนี้
ฉันอยากออกไป ฉันอยากโบยบิน เจ้ารู้ใช่ไหม
น้ำใสไหลผ่านแก้มเป็นทางและหยดลงบนพื้น หลับตาปล่อยอารมณ์ไปกับความหมดหวัง
นกน้อยเพ่งพิศดวงหน้า หยาดน้ำตา และเสียงสะอื้น
เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ...นั่นเป็นความต้องการของเธอจริงๆ อย่างนั้นหรือ
เงยหน้าขึ้น หันซ้ายหันขวากลับไปกลับมาเพื่อหาต้นเสียงที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าที่ใจนึกคิดอยู่ขณะนี้ ก่อนที่จะหยุดมองนกน้อยที่อยู่ตรงหน้า
เสียงเจ้าหรือ เจ้าพูดได้หรือนี่ นกน้อย ใบหน้าแห่งความยินดีแสดงออกอย่างเปิดเผย
ใช่แล้ว เสียงของฉันเอง นกน้อยตอบ
ดีใจจังที่เจ้าพูดได้ ต่อจากนี้ฉันจะได้มีเจ้าเป็นเพื่อนคุย ว่าแต่ว่าทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่เห็นเคยพูดกับฉันเลยล่ะ น้ำเสียงปีติชวนนกน้อยคุย
ถ้าแม้ฉันจะไม่เคยพูดกับเธอ แต่ฉันก็คอยดูเจ้ามาตลอดระยะเวลาที่เธออยู่ที่นี่...ตลอดเวลา น้ำเสียงราบเรียบและจริงจังของนกน้อยเอ่ย
เธอคิดอย่างที่เธอพูดจริงๆ หรือ...นั่นเป็นความต้องการของเธอจริงๆ ใช่ไหม นกน้อยย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง
แน่นอนสิ...นั่นเป็นความปรารถนาสูงสุดของฉัน...ฉันอยากหลุดพ้นจากสถานที่แห่งนี้เสียที...สถานที่ซึ่งคุมขังฉันมาตลอดระยะเวลานานแสนนาน เสียงตอบเปล่งออกมาอย่างหนักแน่น
นกน้อยเดินไปมาบนขอบหน้าต่าง ดวงตายังคงจ้องไปที่ใบหน้าของคู่สนทนาก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง ฉันเฝ้าดูและคอยเฝ้าฟังเรื่องราวของเธอมานานแสนนาน ตั้งแต่วันที่เธอเพิ่งมาอยู่ยังหอคอยแห่งนี้
เธอพร่ำเพ้อพรรณนาถึงโลกสวยงามอันกว้างใหญ่ภายนอก อิสระ เสรี เธอคาดหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยออกไปจากที่นี่...วันแล้ววันเล่า
สายตามองนกน้อยและตั้งใจฟังคำพูดที่ยังไม่เข้าใจเท่าที่ควร
เธอรู้หรือไม่ ทั้งหมดที่เธอพูดมานั่นเป็นเพียงคำแก้ตัวเท่านั้น...คำที่แก้ตัวให้กับความอ่อนแอของตัวเธอเอง เสียงสูงขึ้นเล็กน้อย
เจ้าพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ รอยยิ้มฝืนๆ เหมือนจะควบคุมใบหน้าได้ลำบากยิ่ง
รู้สิ...เธอรู้ดี...ลองมองที่นี่ดีๆ สิ ลองมองโซ่ตรวนนี่ดีๆ นกน้อยเน้นคำหนักแน่น
พ่อมดชั่วร้าย เวทมนต์อันยิ่งใหญ่ โซ่ตรวนที่ตัดไม่ขาด มันไม่ได้มีมาแต่แรกแล้ว...ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาเอง...ใช่...หอคอยนี่ก็เช่นกัน เป็นตัวเธอเองต่างหากที่ค่อยๆ นำหินก้อนแล้วก้อนเล่าทีละก้อนมาเรียงต่อกันวันแล้ววันเล่าจนสูงเสียดฟ้าขนาดนี้...หอคอยไร้ทางเข้าออกซึ่งตัวเธอเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง
ความมืดมัวชั่วร้ายในบรรยากาศที่โอบคลุมหอคอยเริ่มจางหายไป โซ่ตรวนที่จู่ๆ ก็ปลดสลักตัวเองออกโดยอัตโนมัติ ความหวาดกลัวเข้าคุกคามจิตใจ ร่างกายทรุดลง มือกอดตัวเอง ปีกขาวกางออกและโอบตัวเองเสมือนต้องการจะป้องกันอะไรบางอย่าง
ไม่ใช่...มันไม่ใช่...ฉันถูกพ่อมดจับตัวมา...ฉันออกไปไม่ได้ เสียงพึมพำในลำคอดังขึ้น
ตั้งแต่แรกแล้ว...เธอปลดโซ่ตรวนเส้นนี้ได้ตั้งแต่แรก...เพียงแต่เธอไม่ทำเท่านั้นเอง นกน้อยเดินเข้ามาใกล้ใบหน้า
ทั้งหมดที่เธอสร้างขึ้นนี่...เธอก็เพียงแค่ต้องการปกป้องความจริงในจิตใจของเธอเท่านั้น...ความกลัวที่อยู่ในนั้น...ถึงอยากจะออกไปโลกภายนอก แต่เธอก็ไม่กล้า...เธอกลัว...กลัวมากจนกระทั่งต้องสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาเป็นข้ออ้างที่เธอจะไม่ออกไป
เงยหน้าขึ้นมองนกน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาแห่งความหวาดหวั่นปรากฏในดวงตา
ฉันเองก็เหมือนกัน...ฉันก็เป็นเพียงสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาเป็นเพื่อนคุยเพื่อช่วยให้จิตใจของเจ้าดีขึ้นเท่านั้น ฉันถูกสร้างขึ้นมาจากจิตใจอันขัดแย้งของเธอ และที่บัดนี้ฉันสามารถพูดกับเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะความปรารถนาของอีกจิตใจหนึ่งในส่วนลึกของเธอนั่นล่ะ
และเช่นเดียวกัน...ไม่มีเจ้าชายที่เธอรอคอยหรอก...ทั้งจากนี้และตลอดไป...มีเพียงเธอเท่านั้น...มีเพียงเธอที่จะต้องช่วยตัวเอง
ไม่มีโลกกว้างให้เธอเห็นหากไม่เริ่มโบยบินออกไป ไม่มีทุ่งสวยให้เธอชื่นชมหากไม่เริ่มย่างก้าวด้วยตนเอง
น้ำตาหยุดไหลแล้ว คอตั้งตรงอีกครั้งและตั้งใจฟังสิ่งที่นกน้อยบอก ปีกขาวขยับเป็นจังหวะช้าๆ
จะนั่งอยู่ที่นี่รอคอยความฝันลมๆ แล้งๆ หรือจะใช้ปีกที่อยู่บนหลังของเธอโบยบินออกไปสู่แสงสว่างด้วยแรงของตนเอง ไปดูให้เห็นกับตาว่าท้องฟ้าและทุ่งดอกไม้นั้นงดงามขนาดไหน ไปสัมผัสด้วยตนเองว่าอากาศและสายลมภายนอกนั้นสดชื่นเพียงใด นกน้อยหันหน้าออกไปนอกช่องหน้าต่าง เสียงอ่อนโยนลง
เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าใครก็ช่วยเธอไม่ได้ มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้นที่จะต้องตัดสินใจเอง ประโยคสุดท้ายที่นกน้อยพูดก่อนที่จะกางปีกเล็กออกและบินไปสู่ฟ้ากว้างก่อนจะหายลับตาไป
ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ชันเข่ายันกายขึ้น รอยยิ้มเจือจางปรากฏที่มุมปาก ก่อนที่เท้าทั้งสองข้างจะพาร่างกายขึ้นไปสู่ขอบช่องหน้าต่าง ดวงตามองจ้องไปข้างภาพภายนอกเบื้องหน้า
ถึงแม้จะมีความหวาดหวั่นปรากฏอยู่ในแววตาคู่นั้น แต่จะไม่มีความลังเลอีกต่อไป เท้าดีดร่างกายออกไปสู่ความเวิ้งว้างอันสว่างไสวภายนอกหอคอยอันมืดมิด
สายลมไล้ผ่านขนละเอียดที่กระพือเป็นจังหวะก่อให้เกิดคลื่นพลิ้ว แสงอาทิตย์ภายใต้ท้องฟ้าใสกระทบปีกขาวดูมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลังกว่าที่ผ่านมา
...บัดนี้...อีกหนึ่งได้หลุดพ้นจากพันธนาการและโบยบินไปสู่ห้วงแห่งอิสระแล้ว...
จากคุณ :
KTH
- [
19 ต.ค. 51 10:51:49
A:61.91.161.68 X: TicketID:187608
]