Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    นินทาเมีย ?....(ตอน 2)

    (ตอนที่ 2 ต่อจากตอนแรก)
    นาฬิกาซึ่งแขวนอยู่หน้าห้องหัวหน้าฝ่าย ตีเสียงดังบอกเวลา ง่างๆๆๆๆ เพื่อนแน๊ก หันหน้าขึ้นไปมอง ทำหน้าวิตกกังวล อย่างเห็นได้ชัด

    “สามทุ่ม แล้ว ไวจัง !”  บ่นออกมาเสียงอ่อยๆ

    “ทำไม ! วะ แน๊ก ! แม่ย่านางที่บ้านเริ่มออกหากินหรือ วะ !” อาจารย์ไฝรู้แกวพูดดักคอ เพราะรู้ว่าเมียเด็กของอ้ายแน๊ก อยู่คนเดียวตอนดึกๆไม่ได้

    เพื่อน แน๊กมีท่าทางเซ็งๆ กระเดือกเหล้าไม่ค่อยลง ตามองที่โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา และแล้วเสียงที่ไม่พึงปรารถนาก็ดังกังวานขึ้นมาที่โทรศัพท์มือถือ

    “ตู่ ดี้ ดู...ตู่ดี้ดู ๆๆๆ” มันรีบหยิบออกมาดูที่หน้าปัด แล้วหันมายิ้ม แหยๆ

    “เมียโทรมา” พูดแบบเบื่อๆ เอามือกดปุ่มรับแล้วยกไปที่ใบหู พร้อมยกมือยกขึ้นเป็นสัญญาณให้พรรคพวกหยุดพูด.

    ความจริง ช่างแน๊กคนนี้เป็นคนไม่ค่อยพูดและเกรงใจเมียเป็นที่สุด เพราะเมียเด็กกว่ามาก จึงชอบเอาแต่ใจตัวเองจนเคย โคแก่อย่างแน๊ก จากตำแหน่งผัวกลายเป็นคนรับคำสั่งโดยปริยาย แต่คราวนี้กลับผิดคาด คงเพราะกินเหล้าจนติดลมกำลังมันในอารมณ์ กลายเป็นศรีธนนชัยแน๊ก

    “ ฮัลโหล ! มีอะไรหรือ ? ตอนนี้อยู่กับหัวหน้า..........  อือๆๆ ! รู้แล้วๆๆ............. เดี๋ยวมีคนไปส่งบ้านไม่ต้องห่วง..............  เกรงใจหัวหน้าเค้า ต้องอยู่เป็นเพื่อนแก........... เอาน่าเลิกแล้วจะรีบกลับ ! จ้าๆๆสวัสดี จ้า”

    รอยยิ้มอย่างสดใสปรากฏบนใบหน้าผัวแก่อย่างน้า แน๊ก  พร้อมถอนใจดังเฮือก !

    “เอ้อ ! เหมือนเอาเมียลงจากคอ”

    “พูดมาด๊ายยย.. แล้วทำไมมรึงยอมให้มันขี่..ว๊า” น้าไฝยังตามจิกไม่เลิก.

    เหล้าขวดที่ 2 หมดไปตามกาลเวลา..ถ้าเป็นรถยนต์ตอนนี้วิ่งถึง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว เครื่องเดินเต็มลูกสูบ.

    “ขวดที่สามจะให้ใครทำพิธีเปิดคร๊าบบ” อ้ายสอนพูดลอยๆๆ

    “มรึงเปิดไม่เป็นหรือไงวะ ? แด๊ก ! จนหมดไปสองขวดแล้วยังทำเซ่อ ! ” เสี่ยหมานหันหน้ามาด่าเพราะกำลังติดลม

    “จะให้เปิดยังไง ละครับลูกพี่ ข่าวร้ายเหล้าหมดแล้ว จ้า !”

    ก่อนที่จะเกิดการฆ่าตัดตอน  เพราะเหล้าขาดช่วง พระเอกของเราก็เข้ามา พอดี..แอ่นแอ๊น.....

    เสียงหนึ่งดังมาจากประตู

    “แอะๆๆๆพวกนี้กินเหล้าในสถานที่ราชการ ขออนุญาตคนอยู่เวร หรือยัง ?”  เขาคือ นายบรรณกร ช่างฯอีกคนหนึ่ง อายุอานามอ่อนกว่าอาจารย์ ไฝ 1 ปีถือว่าอาวุโสลำดับ 2

    เสี่ยบรรลัย..เอ๊ย !บรรณกร ไม่มามือเปล่า ในมือถือเหล้ามาด้วย 2 ขวดเหมือนรู้ใจ เล่นเอาพวกสมาชิกนกฮูก ครางฮือ ! ด้วยความดีใจ

    เสียงแหลมๆของอาจารย์ไฝดังขึ้นทันที

    “อ้ายสอน มรึงยืนเซ่ออยู่ทำไม ! ไม่รีบไปรับของจากท่าน เดี๋ยวท่านมะละกอเปลี่ยนใจเอากลับ ได้อดกันทั้งวง ไม่รู้เรื่องเลยมรึง นี่ !”

    “คร๊าบบ..ไปเดี๋ยวนี้แหละขอรับ  จะอุ้มทั้งคนทั้งเหล้ามาเลย”

    สำหรับเสี่ยบรรณกรคนนี้ เป็นคนร่างเล็กแต่สูบุหรี่เป็นไฟประเภทมวนต่อมวน ไม่รู้แกสูบไปได้ยังไง ? แต่เป็นคนใจสปอร์ตกล้าได้กล้าเสียมือหนัก ไปกับเจ้ากับนายได้ถึงไหนถึงกัน

    “วันนี้เวร พี่เหรอ !” หลังจากเข้ามานั่งเรียบร้อยแล้ว เสี่ยเบิ้มหันมาถาม

    “เออ ! เวรกรู  เมื่อกี๊พานายไปกินข้าวที่โต้รุ่ง ขากลับพาแกไปส่งที่บ้านพัก ผ่านสำนักงานฯ อ้ายห่ะ ! พวกมรึงเล่นเปิดไฟกันเป็นแผงแบบนี้  แกจึงสงสัยยังถามว่า ในสำนักงานทำอะไรกันไฟสว่างผิดปกติ ดีที่แกไม่แวะเข้ามา”

    อ้ายสอนอยู่ข้างๆขวดเหล้าเชลยและกระติกน้ำแข็ง ถามมาที่เสี่ยบรรณฯ “ของพี่รับน้ำหรือโซดาครับท่าน” มันทะลึ่ง

    “โซดาโว๊ย !” ตาบรรณฯพูดทั้งๆที่ปากคาบบุหรี่

    “มาแล้วจ้า ! โซดาเย็นๆ”มันยกแก้วใส่โซดาเต็มแก้วมาให้

    น้าบรรณฯ เรายกแก้วขึ้นจิบ พอน้ำเข้าปากสะดุ้งโหยง “ เฮ้ย ! ทำไมมันจืดแบบนี้ วะ !”

    “อ้าว ! ก็ท่านพี่ขอโซดาอย่างเดียวไม่ได้บอกให้ผสมเหล้า .........”

    “อ้ายเวน ! เดี๋ยวกรูถีบ เลย ทำแกล้งโง่ นะมรึง !”

    อ้ายสอนจอมมุข รีบเอาแก้วไปเติมเหล้าโดยด่วน ก่อนจะโดนลูกถีบ.

    ตอนหนึ่ง น้าแน๊กยื่นมือเอาแก้วเหล้าให้ อ้ายสอนเพื่อเติมเหล้า   อาจารย์ไฝขนาดแก่ๆตายังดี
    มองเห็นแขนเสี่ยแน๊กลายพร้อยเหมือนคนเป็นอีสุกอีใส  

    แกเอามือคว้าแขนดึงเข้ามาดูใกล้ๆ “อ้ายแน๊ก ! มรึงไปเป็นญาติกับตุ๊กแกตั้งแต่เมื่อไหร่ วะ เนี่ย”

    น้าแน๊ก ดึงแขนกลับทำท่าเขินๆ “ยุงมันกัด” มันพูดแบบเบาๆ

    ทันใดนั้น ! เสียงมรณะก็ดังขึ้น “ตู่ดี๊ดู ตู่ดี๊ดูๆๆๆๆๆๆ”

    เพื่อนแน๊ก ลนลานคว้าโทรศัพท์มากดปุ่ม  แต่ไม่ทันได้พูดอะไร “................จ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    พูดจบทะลึ่งพรวดคว้ากระเป๋า “เมียเรา มันรออยู่หน้าสำนักงานนี่แล้ว”

    “เสร็จไป 1 รายไม่รู้ใครจะเป็นรายต่อไป” อ้ายสอนได้ทีขึ้นขย่มซ้ำ..

    พวกในวงเหล้าหยุดพูด นิ่งสงบไว้อาลัยให้เพื่อนแน๊กผู้จากไป ครึ่งนาที..

    เสี่ยบรรณกร. ยกเหล้าขึ้นจิบเป็นนกกินน้ำ ก่อนเอามะเร็งมาจ่อที่ปากสูดควันมรณะเข้าไปในปอดแล้วพ่นออกมา  “เรื่องอ้ายแน๊กถูกยุงกัดนี้ผมรู้ดี จะเล่าให้ฟัง”

    “วันนั้น ผมชวนมันไปกินเหล้า ที่ร้านผักบุ้งลอยฟ้าข้างทางรถไฟ   กะว่าหมดแบนแล้วจะเข้าบ้านแต่ก็อย่างว่าเหล้าแค่แบนเดียว แค่แหย่พยาธิ   อ้ายแน๊กติดลมมันไม่ยอมกลับบ้าน ทั้งยังปิดโทรศัพท์กันไม่ให้เมียตาม  มันชวนผมไปกินต่อ”

    “น้าๆๆ ไปกินต่อระวังปากบวมนะ”  เสี่ยเบิ้มทักท้วง

    พวกในวงเหล้าหัวเราะกันกลิ้ง

    “โทษทีพูดผิด ไปกินที่ร้านอื่นอีก พวกมรึงนี่พลาดไม่ได้เลยนะ เล่นมุขดักคอทุกที”

    “แล้วไงต่อไป ! เล่าต่อๆ กำลังมัน” เสี่ยหมานคงอยากรู้

    “จะเป็นไงล่ะ ! เมื่อไม่มีมารมาตามผจญ ไม่มีเมียมากวนใจให้เสียอารมณ์ ไปกินกันต่อที่ร้านโต้รุ่ง กินกันเพลินไปเลย เล่นเอาตี 2 กว่าจะเลิก”

    ตาบรรณไฟบันลัยกัลป์ หยิบแก้วเหล้าขึ้นจิบ เอาบุหรี่คาบที่ปากดูดมะเร็งแดงวาบๆๆ ..เป็นการคั่นเวลา

    “อ้ายแน๊ก ! วันนั้นท่าทางจะเมาหนัก ตอนขับรถไปส่งมันที่บ้าน มันพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง  พอส่งถึงบ้านเสร็จก็แยกกัน”

    “แล้วมันถูกยุงกัดตอนไหน ! ลูกพี่” เสี่ยสังคัง..เอ๊ยสังคมกำลังอิน.

    “ตอน เช้าเจออ้ายแบะลูกน้องมันที่สำนักงานฯถามถึงลูกพี่   มันบอกว่า พี่แน๊ก มาทำงานไม่ไหว เพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน ซักไซ้ได้ความว่า เมียไม่ให้เข้าบ้าน ไม่ใช่โทษฐานกลับบ้านดึก แต่โดนข้อหาปิดโทรศัพท์ ซึ่งเมียมันบอกว่าอัตราโทษ ในกรณีปิดโทรศัพท์ถือว่าร้ายแรง”

    เสียง ฮือฮา จากเหล่านกฮูก  พร้อมกับมีเสียงด่าลับหลัง พอหอมปากหอมคอ

    หลังจากเสียงสงบกลับมาสู่ภาวะปกติ  คุณบรรลัย  เล่าต่อ

    “อ้ายแบะบอกว่าตอนเช้าเข้าไปหาพี่แน๊กที่บ้านตามปกติ เจอหน้าเมียหน้าตาบอกบุญไม่รับ ชี้มือไปที่รถเก๋งเก่าๆที่จอดอยู่ข้างบ้าน บอกว่า นั่นไง ! ลูกพี่แกนอนอยู่ในนั้น  จึงเดินเข้าไปที่ประตูรถจะปลุกให้ตื่น มองเห็นกระจกประตูด้านข้างเปิดแง้มไว้  เอามือเปิดประตูออกมา กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งทั่วไปทั้งรถ พี่แน๊กยังเมาไม่ตื่นตามเนื้อตัวถูกยุงกัดเป็นหลายร้อยตัว พวกยุงก็ไปไม่รอดเห็นนอนเมาอยู่ข้างๆเต็มไปหมด”

    “ก่อนกลับออกมา อ้ายแบะบอกว่า เมีย พี่แน๊ก ออกมาบอกว่า ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก ต่อไปจะหนักกว่านี้ อีกเท่าตัว เห็นบอกจะให้ไปนอนที่กรงสุนัข” น้าบรรลัยฯเล่าเรื่องสยองขวัญ พร้อมทำหน้าตาเหมือนตัวเองอยู่ในเหตุการณ์.. บรื๋อๆๆๆๆ

    “เมีย ! ไม่ใช่แม่ !!” เสียงใครคนหนึ่งพูดสวนขึ้นมาลอยๆๆ

    “แต่เป็นยิ่งกว่า แม่ โว๊ย !!”ฝ่ายค้านคือ น้า สังคมฯ

    “อ้ายสอน ! มรึงเดินไปปิดไฟให้หมด เหลือเฉพาะด้านหน้าและตรงที่เรากินเหล้าก็พอ” เสี่ยบรรณกรสั่งการในฐานะผู้อยู่เวร

    “ปิดไฟมืดๆไม่กลัวเมียมาหลอกหรือ ลูกพี่ !!” อ้ายสอนเอือกตามเคย.

    “มีแต่เมียมรึงน่ะ ซิ ! ที่จะมาหลอกชาวบ้านเค้า ไม่มาตัวเปล่าเอือกอุ้มลูกมาให้เนียนอีก” น้าสังฯพูดเบรกมันทันควัน

    “เฮ้ย ! พวกเรามาร่วมใจกันปิดโทรศัพท์มือถือให้หมด ป้องกันมารมาผจญ โว๊ย !” อาจารย์ไฝออกไอเดีย.

    พวกนกฮูกตีปีกกันพรึบพรับ  ต่างขานรับด้วยความด้วยความฮึกเฮิม.   ฮูกๆๆๆๆๆ

    แต่โทรศัพท์ของสำนักงานฯยังอยู่ แล้วก็เป็นตามคาด.

    “กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” อ้ายสอนเดินออกไปรับ

    “พี่ สังฯเมียโทรมา”

    อีก 5 นาทีต่อมา.

    “กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” อ้ายสอนเดินออกไปรับ

    “พี่หมานลูกสาวโทรมา” รายนี้มาแปลก

    อีก 5 นาทีต่อมา.

    “กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” อ้ายสอนคลานไปรับ

    “พี่ไฝ ! แม่  ! เอ๊ย ! เมียโทร มา คร๊าบบบบ”

    วนเวียนเป็นอย่างนี้เป็นสิบๆเที่ยว

    ไม่ต้องทำมาหากินรับกันแต่โทรศัพท์.

    “ขอสงบศึกโว๊ย ! ถอยเถอะบ้านใครบ้านมัน มารร้ายพวกนี้เอาชนะมันยาก” อาจารย์ไฝพูดเสียงแหลม…..

    แล้ววงก็แตกในบัดดล.

     
     

    จากคุณ : สวนดอก - [ 28 ต.ค. 51 12:02:45 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com