http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7110430/W7110430.html
บทที่ 8
บ้านทั้งหลังค่อนข้างเงียบจนอยากจะเรียกว่าสงบเสียเลย
หากปราศจากเสียงสนทนากันเบื้องนอกหน้าต่างลอดแว่วเข้ามา
ฟังจากเสียงห้วนห้าวซึ่งบางครากลั้วหัวเราะด้วย ก็เดาได้ล่ะว่าเป็นผู้ชาย
เธอจึงเดาว่าเป็นคนสวน แต่ให้นึกแปลกใจว่าคนสวนของที่นี่ทำไมจึงมีหลายคนนัก
หญิงสาวละมือจากคีย์บอร์ด โดยไม่ลืมบันทึกงานที่พิมพ์ไว้ในคอมพิวเตอร์ ก่อนลุกไปชะเง้อหาคำตอบ
คนสวนสี่คนกำลังนั่งยองๆ คุยกันอย่างออกรส
หนึ่งในนั้นโรยปุ๋ยไปพลาง ฟังไปด้วย และสอดแทรกเป็นระยะ
ยามแลเลยไกลไปอีกเล็กน้อย
จึงค่อยปะทะกับเรือนไม้สีฟ้าคราม สะท้อนระยับกลางเปลวแดดยามบ่ายแก่
เสน่ห์ของสีเขียวตัดสีแสดเหลือง เชิญชวนให้เธอย่างกรายไปเยือน..
"จะไปไหนครับคุณกั้ง"
นายฉ่ำ คนสวนคนหนึ่งร้องถามพลางลุกมายืนนอบน้อมห่างๆ
"อยากไปชมเรือนหลังนั้นค่ะ ไปได้ไหมคะ"
เธอบอกความต้องการพร้อมย้อนถามสุภาพ
"เข้าไปชมด้านในคงไม่ได้นะครับคุณกั้ง เพราะคุณอ๋าล็อกกุญแจครับ"
หวงเสียด้วย.. แวบหนึ่งในความคิดขำๆ ของเธอ ขณะผงกศีรษะรับทราบ
เธอสืบเท้าออกไปสัมผัสไอแดด เนินหญ้าส่องแสงสีเขียวจัดกระทบเข้านัยน์ตา
เมื่อเดินมาใกล้แล้ว จึงค่อยได้สังเกตว่า
มันไม่ใช่เป็นเพียงเนินที่ถูกเจ้าของเรือนจงใจถมดินให้สูงขึ้นเท่านั้น
หากแต่มันยังเป็นบันไดที่ตัดเป็นขั้นโรยทับด้วยกรวดอัดหยาบ
ซึ่งกำลังเปล่งแสงสะท้อนกับเปลวแดด ระยิบระยับอยู่ในตา
เธอย่างผ่านบันไดห้าขั้นมาถึงบริเวณด้านหน้าเรือนไม้
ซึ่งพอได้เห็นใกล้ตา จึงค่อยอดทึ่งฝีมือการเลือกสีของเจ้าของเรือนไม่ได้
ฟ้าครามที่บ่งบอกความเวิ้งว้างทางความรู้สึก ยามต้องแสงแดด ไม่ว่าจะอ่อนบางหรือแผดจ้า
ฟ้าครามก็วะวับระยับในตานัก
ตอนเรียกมันว่าเรือนไม้ ใจก็ยังนึกว่าปลูกสร้างด้วยอิฐด้วยปูน
หากยามนี้ค่อยอดทึ่งไม่ได้กับไม้สักเนื้อดี
และน่าจะบอกว่าเป็นส่วนประกอบหลักของเรือนทั้งหลังทีเดียว
หน้าประตูล็อกกุญแจแน่นหนา ดั่งว่าเจ้าของเรือนหวงแหน ไม่ปรารถนาให้คนนอกล่วงล้ำ
หญิงสาวอมยิ้มยามเลื่อนตาไปเจอแผ่นไม้ที่ทำขึ้นต่างหาก
ตัดแต่งเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้า หากแต่เลื่อยขอบรอบด้านเป็นฟันปลา ฝีมือการเลื่อยประณีตมาก
ตัวแผ่นไม้สีเหลืองแสด ขอบในแต่ละหยักฟันปลาเคลือบสีเขียวอ่อน
เนื้อที่บนพื้นเรียบทั้งแผ่นนั้น สลักอักษรไทยโบราณด้วยสีครีมเข้ม อ่านว่า.. แว่วเสียงรัก
จากที่อมยิ้มอยู่นาน พลันคลี่ได้กว้างกว่าเดิมกับชื่อเรือนแสนน่ารัก
นัยน์ตาชื่นชมกึ่งทึ่งเหลือบขึ้นสูง สัมผัสปีกหลังคาที่ยื่นล้ำออกจากตัวเรือน ทำหน้าที่คล้ายกันสาด
พลางจินตนาการภาพใบหน้าเคร่งขรึมของคุณอ๋า..
เธออยากเห็นสีหน้ากับแววตาของชายหนุ่ม ตอนเขียนแปลนเรือนไม้แว่วเสียงรัก
อยากเห็นรอยยิ้มตอนเขาตั้งชื่อเรือนไม้ได้อย่างมีความหมาย ฟังแล้วอุ่นละมุนในห้วงรักนัก..
ระเบียงลูกกรงสีฟ้าครามล้อมเรือนไม้โดยรอบ
โดยเจ้าของเรือนเจือเนื้อที่กว้างขวางเพียงพอต่อการจับจองนั่งพักหย่อนกายตรงมุมใดก็ได้
นอกจากนี้ ยังแบ่งช่องว่างเป็นระยะ เพื่อทอดบันไดลงสู่พื้นล่าง
ตรงมุมหนึ่งที่เธอชะงักเท้า แล้วลดตาลงไปกระทบกับพรมหญ้าสีเขียว
เธอก็อดยิ้มไม่ได้อีกครั้ง
จากเนินดินผ่านบันไดขึ้นมาห้าขั้น เจ้าของเรือนยังคงคิดไปว่าเรือนไม้อาจเด่น
แต่ไม่สะดุดตาดั่งที่ใจต้องการ
จึงต้องทำการยกพื้นเรือนขึ้นไปอีก
คุณอ๋าตั้งใจปลูกเรือนหอหรือเนรมิตวิมานกันแน่..
หญิงสาวเดินเนิบช้าทักทายสายลมที่พัดผ่านปลอดโปร่ง
เธอสูดกลิ่นดอกไม้ที่ลอยตามสายลมมาจากในสวน
หน้าต่างกระจกกรุใสเผยผ้าม่านสีไข่ไก่ข้างในชัดแจ๋ว
เธอลองพาหน้ายื่นไปใกล้ แต่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ที่มองไม่เห็นอะไรเลย
ฝีเท้ายังสืบไปนุ่มเนิบจากด้านหลัง อ้อมสู่ด้านหน้าอีกครั้ง
เธอหยุดเอียงหน้า กอดอกครุ่นคิด แล้วค่อยโน้มตัวยื่นหน้าไปพินิจกุญแจสีดำ
ลองจับบิดไปมา เผื่อว่ามันไม่ได้ล็อก เผื่อว่าเจ้าของบ้านหลงลืม
เผื่อว่าจะได้มีโอกาสแลเห็นสภาพภายในตอนเจ้าของเรือนไม่อยู่
"กำลังจะทำอะไรคุณกั้ง"
"ลองขยับกุญแจค่ะ เผื่อว่าไม่ล็อก.. "
ความเงียบที่ก่อจากความฉุกใจหรือเอะใจก็ไม่อยากคาดเดา
หากแต่ร่างบางที่โน้มตัวอยู่นั้น คล้ายดั่งกระตุกขึ้นเล็กน้อย
แล้วถัดมา.. คุณอ๋าก็ได้เห็นโฉมหน้าผู้บุกรุกเรือนกลางวันแสกๆ
กังสดาลหน้าตื่น นัยน์ตาคู่นั้นเปล่งแสงตกใจเจือขวยเขิน ริมฝีปากเผยอ และ.. เผยอ
"นึกหาคำยอกย้อนผมไม่ออกหรือ ทีเมื่อตอนเช้า ตวงคะแนนไปตั้งเยอะ"
ร่างสูงว่าเรียบเรื่อย กรอบหน้าสงบขรึม ฝีเท้าสืบพ้นบันไดขั้นแรกสุดขึ้นมา
จนมาหยุดเบื้องหน้า และประจันกับสาวร่างบาง
เธอขวยเขินไม่หาย สองมือคอยเกี่ยวผมทัดหูไม่หยุดนิ่ง
หน้าตื่นกับดวงตาสวยก้มงุดลง แลเห็นเพียงขนตาที่กะพริบถี่ๆ
"มาทำอะไรถึงที่นี่ เรือนหลังนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ของโรงเรียน คุณอย่าคิดคำนวณพ่วงมันเข้าไปเชียว"
เสียงเข้มถามกึ่งสัพยอก
คุณอ๋ายังไม่ยอมกระเถิบห่างผู้บุกรุกซึ่งคอยแต่หลบหน้าหลบตามองพื้น
ริมฝีปากเผยอเมื่อครู่ ยามนี้เม้มแน่นกระอักกระอ่วนมาก
"ตกลงว่าจะไม่พูดอะไรกับผมเลยใช่ไหม อ้อ.. หรือว่าคุณเป็นสายโจร เป็นนางนกต่อในคราบสาวเศร้า"
"สาวเศร้า.. "
เสียงประหลาดใจนั้นร้องทวน พร้อมกับทิ้งกิริยาขวยเขินฉับพลัน
"ดิฉันแสดงท่าทางนั้นออกมาหรือคะคุณอ๋า"
"ทำนองนั้น.. "
คุณอ๋ายักไหล่ก่อนก้าวผ่านร่างบางที่รู้สึกได้เลยทีเดียวว่า เจ้าตัวหมุนขยับจับฝีเท้ามาติดๆ
เธอข้องใจอะไรหรือ อยากได้คำอธิบายที่ยาวกว่านั้นกระมัง
"คุณอ๋าจะเปิดเข้าไปหรือคะ"
เธอถามขณะลดตามองมือที่ไขกุญแจ
"มันก็ไม่แน่เหมือนกันหรอกนะครับคุณกั้ง ตอนผมเปิดประตูแล้ว อาจมีใครข้างในเป็นฝ่ายออกมา แทนเราที่เปิดเพื่อเข้าไป"
เขาโคลงศีรษะด้วยเมื่อเหน็บแนมสุภาพราบเรียบ
กังสดาลแก้มร้อนผ่าว
เธอเม้มปากแน่นโดยไม่คิดต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายให้ตัวเองขายหน้าซ้ำซาก
คารมของคุณอ๋าแม้จะไม่หวือหวา หากแต่จิกกัดไม่แพ้ปากไวของปัทมาทีเดียว
"คุณอ๋าลืมอะไรไว้ในนี้หรือคะ"
เธอถามอีก เมื่อเขาก้าวเข้าไป แต่เธอยังชะเง้อลังเลหน้าประตู
"ผมลืมกระดาษทำการของบริษัทตาลหล้าค้าน้ำ จำได้ว่าเมื่อคืนวางไว้บนโซฟา แต่ก็ไม่แน่ใจนัก เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่ารวบไปหมดแล้วเมื่อเช้านี้"
กังสดาลพยักหน้ารับรู้ ใจจริงนั้นอยากเข้าไปขมสภาพภายในอยู่เหมือนกัน
ทว่า.. เจ้าของเรือนไม่ยอมเอ่ยปากเชิญเสียที
เสียงทุ้มราบเรียบเงียบหายไป เธอจึงถอยห่างไปพิงราวลูกกรง
คำนึงในใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
ฤกษ์ชมเรือนของเธอไม่ค่อยสะดวกเลย แม้แต่จะชมเพียงภายนอกก็ตาม
สักอึดใจหนึ่งกระมัง.. ชายหนุ่มก็กลับออกมพร้อมกับกระดาษทำการในแฟ้มพลาสติกใส
เขาโคลงศีรษะกับเธอ พร้อมกับบ่นระอาตัวเองให้ฟังว่า
"ป้ำเป๋อชอบกล แค่ย้ายจากโซฟาไปไว้ที่โต๊ะทำงานอีกที เสียเวลาจริงๆ "
กังสดาลเม้มปาก มองเขาปิดประตูล็อกกุญแจ
เธอส่งตาเข้าไปสำรวจสภาพภายในได้เล็กน้อยจากช่องที่แง้มเพียงนิดหน่อย
ก็เห็นเพียงแวบเดียวว่ามีผนังสีไข่ไก่กับภาพสีน้ำมันในกรอบใหญ่ประดับไว้
"จะกลับลงไปพร้อมกันไหมคุณกั้ง"
เขาหันมาชวน พร้อมกับโยนพวงกุญแจในมือเล่น
"ค่ะ.. "
ร่างสูงลงบันไดนำไปก่อน กังสดาลรอจนเขาลงไปถึงข้างล่าง เธอจึงค่อยตามลงไป
ทองกวาวสีแสดเหลืองส่องสะท้อนเขานัยน์ตาอีกหน
จึงเป็นชนวนให้เธออดเอ่ยสนทนาไม่ได้อีกว่า
"คุณอ๋าปลูกเองทั้งหมดหรือเปล่าคะ มือขึ้นจังเลย สีแสดเหลืองนี่ ได้ยินว่ากันว่าหายากมากด้วยใช่ไหมคะ ไปหามาจากไหนคะ"
จากคุณ :
รัชนีกานต์
- [
31 ต.ค. 51 16:46:42
]