ณ คืนที่แสนเหงา และดวงดาวก็คล้ายจะริบหรี่ใกล้ดับ
ข้ายังจำครั้งแรกที่พบเธอได้ แม้มันจะพร่าเลือนไปบ้างจากห้วงความคิดที่สบสน
มันเหมือนความฝันเสียมากกว่าความจริง
ถ้าหากความเศร้าของข้านั้นมิคอยบีบคั้นหัวใจข้าบ่อยๆ ข้าคงคิดแน่ว่าที่ผ่านมาข้าล้วนฝันไป
คืนนั้น ข้านั่งภาวนา ขอสิ่งใดก็ได้มาช่วยขับไล่ความเหงาให้พ้นจากหัวใจข้าเสียที
ข้าคร่ำครวญ เงยหน้ามองท้องนภากว้างใหญ่นอกหน้าต่างนั่น
หัวใจข้าถูกกักขัง... ในกรงแห่งความเหงานั่น ซึ่งไม่มีแม้แต่ทางออก
ข้าร้องขอ ให้กรงนั้นพังทลายลง แม้เศษซากของมันจะถล่มทับตัวข้าในภายหลังก็ตามที
ข้าฟุบหน้าลงกับกรอบหน้าต่างอย่างสิ้นหวัง
ปล่อยให้ลมเย็นแห่งราตรีนั้นลูบไล้เส้นผมข้าราวกับจะปลอบใจ
ข้ารู้ ความเหงานั้นล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นเอง
ที่เบื้องล่างนี่ มีผู้คนมากมาย ที่คงจะอ้าแขนรับ ถ้าข้ารู้จักปฏิบัติตัวให้เหมาะสม
แต่ข้าก็คงไร้ซึ่งความสุข และเพียงปล่อยให้ความเหงานั้นซ่อนอยู่ลึกๆเสียมากกว่า
แล้วตอนนั้นเอง... เธอก็ปรากฏกายขึ้นมาเบื้องหน้าข้า
เธอนั้นช่างอ่อนโยน และใจดี ทว่าในดวงตาของเธอนั้นกลับทอแววเศร้าหมองมิสร่างซา
ในตอนแรกข้างุนงง และต่อมาข้าก็ลิงโลดแทบคลั่ง...ข้ากลับละเลยแววตาแสนเศร้าของเธอไปเสียได้
"สวัสดีจ้ะ เธอว่างไหม ฉันต้องการใครสักคนคุยด้วยสักหน่อย ข้างบนมันหนาวนะ"
เธอทักทายด้วยเสียงไพเราะน่ารัก แววตาของเธอคล้ายเปล่งประกายแห่งความปิติซึ่งเคลือบไว้บนความโศกซึ้ง
"เธอมาตามคำอธิษฐานของฉันหรือ"
ข้าถามด้วยรอยยิ้มกว้าง...กว้างเสียจนกลบความจริงบางอย่างที่ข้าควรใส่ใจ
"แล้วเธออธิษฐานกับใครเล่า"
เธอถามกลับด้วยรอยยิ้มละไม
"ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้อธิษฐานกับใคร บางที...อาจจะเพียงแค่อธิษฐานกับความเหงาในใจก็ได้"
ข้าตอบอย่างสับสน
"นั่นน่ะสิ ความเหงาอาจจะทำให้เราทั้งสองมาเจอกันก็ได้ ...แล้วฉันจะเข้าไปข้างในได้ไหมจ๊ะ"
เธอหลิ่วตาหยอกข้าด้วยท่วงท่าน่ารัก ข้ารีบขอโทษที่ลืมไปแล้วเชื้อเชิญอย่างเคอะเขิน
"แล้วเธอจะมาอีกใช่ไหม...ในวันต่อ ๆ ไป ...ฉันไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้วใช่ไหม?"
ข้าถาม
"แน่นอน ฉันจะมาอีก บ่อยเท่าที่ฉันจะมาได้ และตราบเท่าที่เธอยังอยากพูดคุยกับฉัน"
เธอตอบด้วยน้ำเสียงปราณี ข้ารู้สึกวูบหนึ่งว่า เธอช่างอบอุ่นนัก ราวกับเป็นความอบอุ่นอันเคยคุ้นที่ข้ารอมาแสนนาน
"งั้นเธอก็จะอยู่กับฉันตลอดไปเลยน่ะสิ"
ข้ากล่าวด้วยความยินดี
"นั่นก็แล้วแต่เธอ แต่ถ้าเธอไม่สนใจฉันแล้ว ฉันก็คงต้องไปจากเธอตลอดกาลนะ"
ดวงจันทร์ดวงโตบอกด้วยสีหน้าเศร้า ๆ
"เรื่องนั้นไม่มีทางอยู่แล้ว"
ข้าพูดอย่างมั่นใจ
"อย่างนั้นก็ดีสิ"
เธอยิ้มรับ แต่ดวงตาของเธอยิ่งหม่นหมองมากขึ้น ตอนนั้นข้าก็นึกสงสัย...แต่ความดีใจได้ลบเลือนมันเสียสิ้น
โอ...พระจันทร์ที่รัก ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าทำไมเธอถึงหม่นหมองเช่นนั้น
เพราะเธอรู้... รู้ว่าวันหนึ่งข้าจะทิ้งเธอ เธอพบเจอคนอย่างข้ามามากมายแล้ว
แม้เธอจะเจ็บปวดจนแทบจะชาชิน แต่เธอก็เตรียมใจอ้าแขนรอรับความเจ็บปวดนั้นไว้แล้ว เพียงเพื่อให้คนโง่เขลาอย่างข้าผ่านช่วงเวลาอันเงียบเหงา
พระจันทร์เอ๋ย พระจันทร์ที่แสนน่ารัก ข้านั้นโง่เหลือเกิน หัวใจข้ามันมืดบอด
เธอแสนดีออกอย่างนี้ ข้ากลับทำร้ายเธอเช่นนั้น...
ได้โปรดเถิด... เธอที่รัก ...อย่าได้อภัยให้ข้าเลย...
ขอให้ข้าได้ลงโทษตัวเองบ้างได้หรือไม่?
จากคุณ :
โลกนี้ยังคงน่ารักเสมอ
- [
4 พ.ย. 51 21:01:53
]