ตอนต้น : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7146120/W7146120.html
---------------------------------------------------------------------
ตอนกลาง
ช่วงนี้ อ๋องกำลังเครียดอยู่กับงานวิจัย ป.โท ของตัวเอง หรือเครียดกับโปรเจ็คท์ที่ออฟฟิศอยู่หรือเปล่า ชลทิชาถามขึ้น หลังขอตัวออกมาจากห้องประชุมเล็กบนชั้นสองของสำนักงานมูลนิธิ เมื่อประเมินแล้วว่า การสนทนาที่ผ่านมาเป็นไปอย่างสงบ ก้อยและพี่ชายควบคุมสติ อารมณ์ได้ดีขึ้น และทั้งสองน่าจะรู้สึกสะดวกใจกว่าหากพูดคุยปรึกษากับสุมิตรา ประธานมูลนิธิตามลำพัง โดยไม่มีคนอื่นร่วมฟังอยู่ด้วย
คะ? นีรนาทเลิกคิ้วน้อย ๆ
ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พี่แค่รู้สึกว่าอ๋องจริงจังกับเรื่องวัชรไปสักหน่อยที่ให้วัชรหยุดงาน เพื่อให้เวลาไปคิดน่ะ ทนายความอาสาประจำมูลนิธิบอก แต่พี่ก็ยังงง ๆ เรื่องของวัชรอยู่นิด ๆ เหมือนกัน
มีอะไรเหรอคะ พี่ทิชา
หนิงกับก้อยบอกว่าวัชรเป็นเด็กฝึกงานขององค์กรอ๋อง แต่นี่มันปิดเทอมหน้าหนาว ไม่ใช่ซัมเมอร์ ไม่ใช่หน้าฝึกงานตามปกติ พี่เลยแปลกใจว่า เขาเป็นนักศึกษาฝึกงานลักษณะไหนกันแน่ ขอมาฝึกเอง หรือคณะส่งมา
ผู้อ่อนวัยกว่าชะงักไปนิดหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด วัชรเคยฝึกงานกับอ๋องตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมาค่ะ พอปิดเทอมก็ขอมาฝึกงานที่มูลนิธิอีกเป็นการส่วนตัว
งั้นพี่ก็พอจะเข้าใจแล้วละ ชลทิชาว่า ตอนแรกพี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่า อ๋องทำกับวัชรแรงไปไหมที่ให้นักศึกษาฝึกงานอย่างเขาพักงานชั่วคราวจนกว่าจะคิดได้ เพราะนักศึกษาฝึกงานก็คือคนที่เข้ามาเรียนรู้วิธีการทำงาน เป็นคนที่ได้รับการผ่อนผันในความผิดพลาดมากกว่าคนที่ทำงานในอาชีพนั้นอย่างจริงจัง อะไรที่พลาดไปก็ตักเตือนกันก่อนได้ สอนกันได้
ถ้าให้เดาความรู้สึกของอ๋อง พี่ว่าตอนหลังนี้ วัชรข้ามพ้นจากคำว่าเด็กฝึกงานไปเป็นอาสาสมัครช่วยงาน เป็นสมาชิกคนหนึ่งของมูลนิธิแล้วละ ถึงจะบอกว่าฝึกงาน แต่การฝึกงานหนนี้มันต่างจากการฝึกงานหนแรกแน่นอน ตัวอ๋องเองก็คงจะคาดหวังว่า วัชรได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างไปแล้ว มาตรฐานที่เขาตั้งไว้สำหรับวัชรก็สูงขึ้น
ถ้าเข้าใจเรื่องนี้ตรงกัน ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่สองคนนี้ตีความหมายคำว่า นักศึกษาฝึกงานหนหลังนี้ต่างกัน...
พี่เข้าใจอ๋องนะ แล้วก็รู้ด้วยว่าเขาทำอะไรก็ทำจริง ที่เขาทำไปก็ด้วยเจตนาดี อยากให้วัชรได้ดี และการแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ เพราะพี่ก็คิดไม่ต่างจากอ๋องหรอกว่า วัชรทำไม่ถูกในเรื่องของก้อย เพียงแต่ในเวลานั้นอาจจะเร็วเกินไปสำหรับการใช้ยาแรงกับคนที่ยังตั้งตัวกับเหตุการณ์ที่แม้กระทั่งตัวเองยังหาทางไปไม่ถูก
ความเห็นจากหญิงสาวรุ่นพี่สามารถอธิบายคำพูดที่อลงกรณ์ออกปากกับเธอด้วยความกังวลใจเมื่อวานนี้ ได้อย่างตรงประเด็นทีเดียว
อ๋องก็บอกหนิงอยู่เหมือนกันค่ะ นีรนาทรับตามตรง เขารู้สึกว่า สิ่งที่เขาทำแรงไป แต่หนิงก็ไม่อยากพูดอะไรให้เขาเสียใจ เพราะเขารู้ตัวของเขาดี แล้วก็พยายามจะทำความเข้าใจกับวัชรอยู่
เอ็นจีโอก็เป็นคนธรรมดานี่เอง ไม่ได้ทำอะไรถูกต้องไปทั้งหมดหรือตลอดเวลาหรอก ชลทิชาบอก อ๋องเขาดี ตรงที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาบอก ถึงค่อยมองเห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง
เมื่อก่อน พี่ก็ใจร้อน เห็นอะไรผิดก็อยากแก้ไขตามประสาคนกำลังไฟแรง ร่ำ ๆ จะเข้าไปลุยกับเขาตรง ๆ อยู่เรื่อยเหมือนกัน
นิ่งนึกทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว เธอก็อดหัวเราะไม่ได้ มันน่าขำนะ ที่ตอนโน้น พี่เผลอคิดหรือทำอะไรลงไปแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เหมือนเป็นโลกที่มองว่าดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ กับดาวอื่น ๆ โคจรรอบตัวเรา แต่มาเรียนรู้เอาตอนหลังว่า เป็นโลกต่างหากที่ต้องโคจรรอบดวงอาทิตย์เหมือนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ
แม้จะยิ้มรับ หากหญิงสาวรุ่นน้องกลับยังมีสีหน้าครุ่นคิด แต่หนิงยังอดเป็นห่วงเรื่องวัชรไม่ได้...
พี่อยากให้หนิงมองในแง่ดีว่า การที่วัชรมาทำงานกับอ๋องแสดงว่า เขามีความใฝ่ดีอยู่ในตัว และน่าจะเป็นคนรู้คิด แต่เขาอาจจะอยากได้เวลาสำหรับคิดมากหน่อย ทนายความสาววางมือลงบนบ่าของเพื่อนร่วมงานปลอบให้อีกฝ่ายอุ่นใจขึ้น ตอนนี้ เขาอาจจะเป็นคนที่น่าเห็นใจที่สุดก็ได้ ที่ต้องรับมือกับอะไรหลายอย่างคนเดียว ในขณะที่ก้อยมีใครอีกหลายคนพร้อมยื่นมือให้ความช่วยเหลือ แต่พี่ก็ไม่ได้หมายความว่า วัชรเขาทำถูกนะ หนิง
ตอนนั้นวัชรก็โดนดุไปซะเยอะ เห็นเบอร์อ๋องโทรมาก็อาจขยาดด้วย อายด้วย เลยไม่กล้ารับ ไม่ใช่ว่าเขาแค้นหรือโมโหอ๋องจนไม่ยอมรับโทรศัพท์หรอก
ให้เวลาเขาหน่อย พี่เชื่อว่า เขาจะโทรกลับไปหาอ๋องเอง
เธอตบไหล่ของนีรนาทเบา ๆ ครั้งหนึ่ง พยักหน้ายืนยันว่า ให้ลองเชื่อคำพูดเธอสักหน จึงคลายแขนออก และตรงไปที่มุมเครื่องดื่มที่ห้องอาหารด้านหลัง หยิบถ้วยกาแฟประจำตัวออกมาชงชา
ขอบคุณนะคะ พี่ทิชา หนิงฟังแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลย นีรนาทบอก ลำพังตัวหนิงเองคงคิดอย่างพี่ทิชาไม่ได้ เพราะใจเอียงไปเข้าข้างก้อยตั้งแต่แรก ไม่เผื่อคิดไปถึงวัชรบ้าง เห็นอ๋องร้อนใจ หนิงก็พลอยกังวลไปด้วย ทำใจให้เย็นแบบพี่ทิชาไม่ได้เลย
หญิงสาวร่างสูงสวมเสื้อยืดกับกางเกงทรงทหารหย่อนซองชาสำเร็จรูปใส่แก้ว มองรุ่นน้องตัวเล็กที่ยืนชงกาแฟอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ เพราะเป็นตอนนี้หรอกนะ หนิง... ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วกว่านี้สักสามสี่ปี พี่นี่แหละจะเป็นคนแรกที่ต่อยวัชรปากแตก ในฐานที่สร้างปัญหาให้ผู้หญิง ไม่ใช่แค่เรียกมาคุยดี ๆ แบบอ๋องหรอก
ว่าแล้ว เธอก็หัวเราะเบา ๆ และทำให้คู่สนทนาของเธอพลอยหัวเราะตามไปด้วย หากแต่ต่อมาฝ่ายหลังก็ต้องชะงักกับสิ่งที่ฝ่ายแรกกล่าวออกมา
อ๋องเป็นผู้ชายที่น่ารักนะ เป็นสุภาพบุรุษมาก ๆ ด้วย หาแฟนแบบนี้ไม่ได้ง่าย ๆ ดูแลเขาหน่อยก็แล้วกัน พาอ๋องไปเดทบ้างก็ดี ไปกินกาแฟ ไปร้านหนังสือ หรือไปดูดาวก็เข้าท่าดี งานสรุปรายงานการสัมมนาที่อินโดฯ กับเรื่องจัดแฟ้มเคสเอาไว้ก่อนก็ได้ พี่ไม่รีบ
คะ? นีรนาทหันไปหาเจ้าของคำถามที่ยืนยิ้มอยู่ ซึ่งที่พูดมาทั้งหมดนั้นก็ถูกต้องตรงกับแผนการที่เธอกับอลงกรณ์วางไว้คร่าว ๆ จนน่าสงสัยว่าเจ้าตัวไปรู้แผนการนี้จากที่ไหนมา
แม้จะมีสายตาของเธอจ้องอยู่อย่างพิศวง ชลทิชาที่มองเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นออกกลับทำเหมือนไม่เข้าใจความหมายของเธอเสียเฉย ๆ และสะกิดบอกเธอว่า ตักกาแฟจากขวดใส่ถ้วยมากไปหน่อยแล้ว
เรียนเครียด ทำงานเครียด ความสามารถในการตัดสินใจมันก็ลดลง... ถ้าได้พักผ่อนสบาย ๆ สักวันกับคนรู้ใจอะไร ๆ ก็จะดีขึ้น ที่คิดไม่ออก จะได้คิดออกไง ทำงานหนักไป ไม่ใช่แค่เครียดอย่างเดียว เดี๋ยวป่วยไปจะยุ่ง เพราะคนที่อ๋องอยู่ด้วยก็ทำงานหนักจนป่วยไปคนนึงแล้ว
ป่วยเพราะพี่ทิชาไม่ดูแลหรือเปล่าคะ
ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย พี่กับณตเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น คำถามย้อนแกมหยอกของหญิงสาวรุ่นน้องทำให้เธอเกือบสำลักน้ำชา เขาเป็นคนดี แต่พี่ก็ชอบเขาเกินเพื่อนไม่ได้
อาการเงียบนิ่งรอฟังระคนสงสัยของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องทำให้คนพูดต้องขยายความ พี่ไม่ได้หมายความว่าพี่ชอบผู้ชายร้าย ๆ หรอกนะ หนิง คบคนนิสัยไม่ดี ยังไงก็ไม่มีความสุข ยกเว้นเป็นคนประเภทเดียวกันหรือไม่คิดอะไรเลยถึงจะรับไหว... พี่เคยบอกชอบเขานะ แต่เขาตอบตรง ๆ ว่า ไม่เคยคิดกับพี่เกินเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้น พี่ก็ไม่เสียใจเลยสักนิด กลับโล่งใจด้วยซ้ำ ดีใจที่เขาไม่ปล่อยให้พี่คิดเองไปข้างเดียว หรือฉวยโอกาสกับพี่
พี่ทิชาบอกก่อนเลยเหรอคะ นีรนาทถาม แล้วพี่ณต...
ทนายความสาวพยักหน้ารับ และยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเข้าใจความหมายของประโยคที่ขาดหายไปดี พี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่า เขาจะคิดยังไงกับผู้หญิงที่บอกชอบผู้ชายก่อน เพราะเขาโตมาแบบอยู่ในกรอบพอสมควร แต่เขาก็บอกว่าไม่แปลกอะไรถ้าผู้หญิงจะเป็นฝ่ายบอกก่อน เพราะพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เหมาะ แล้วเขาก็ไม่เคยพูดเรื่องที่พี่เคยบอกชอบเขากับใครเลย ไม่เหมือนกับผู้ชายบางคนที่ชอบเอาเรื่องของตัวเองกับผู้หญิงไปคุยอวด แบบไม่แคร์ว่าคนอื่นจะมองผู้หญิงแบบไหน
เพราะอย่างนี้ เราถึงคบกันเป็นเพื่อนได้สนิทใจไงล่ะ หนิง
พี่ไม่ชอบผู้ชายที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิง... แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่า คนที่ทะเลาะกันมาตั้งแต่แรกพบจะสามารถรักกันได้สนิทใจได้ทีหลัง เธอบอก ลงคนเราทำร้ายกันได้สักครั้ง หรือไม่ให้เกียรติกันมาแต่ต้นแล้ว ความเคารพในตัวของอีกฝ่ายก็จะถูกทอนลงไปส่วนหนึ่ง แล้วถูกแทนที่ด้วยความระแวง ถึงต่อมาจะดีกันขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะอยู่กันอย่างมีความสุขตลอดไปเหมือนในนิยาย เพราะการคบหา ใช้ชีวิตด้วยกัน มีโอกาสกระทบกระทั่งกันอยู่เรื่อย ๆ พอถึงตอนนั้น เรื่องร้าย ๆ ที่เคยทำต่อกันก็จะถูกลำเลิกขึ้นมาทำร้ายกันอีก...
เมื่อถึงเวลานั้น คนที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงก็อาจพลิกกลับมาเป็นฝ่ายทำร้ายคนอื่น และอาจตกเป็นอาชญากรทั้งที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ... พี่เห็นเคสแบบนี้มาเยอะจนไม่อยากเห็นอีกแล้ว แต่ตราบใดที่ต่างฝ่ายต่างบอกรักด้วยปาก แต่ไม่มีคำว่าสิทธิและหน้าที่อยู่ในความรับรู้ ตู้ใส่แฟ้มมูลนิธิเราก็ไม่มีวันที่จะว่างลงได้สักที
กล่าวแล้ว เธอก็เหลือบตามองขึ้นไปยังชั้นสอง และถอนใจยาว เคสของก้อยนี่ก็เหมือนกัน... พี่ไม่รู้หรอกว่า จะออกมาทางไหน แล้วคำว่ารับผิดชอบของวัชรควรจะอยู่ตรงจุดไหน เพราะยังไม่มีใครที่พร้อมสำหรับการมีครอบครัวเลยสักคน
(มีต่อค่ะ)
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
7 พ.ย. 51 02:08:34
]