1
ชาติชายกลับมานั่งอีกครั้ง กระแทกกล้องถ่ายรูปลงบนโต๊ะ ตอนนี้เสียงพิธีกรในงานเชิญจิตแพทย์ผู้หนึ่งกล่าวบรรยายเกี่ยวกับเรื่องสมองของเด็ก
เฮ้อ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉันต้องถูกย้ายมาทำสายงานข่าวสังคมน่าเบื่อนี้ด้วย
เขาบ่นเป็นรอบที่ร้อย ส้มหญิงสาวเพื่อนนักข่าวผู้นั่งอยู่ตรงข้าม ชะตากรรมเธอเป็นก็เช่นเดียวกัน ทว่าดูเธอกลับไม่ร้อนใจอะไรเลย ยิ่งรู้สึกดีกว่าก่อนเสียอีก
อย่าคิดมากเลยน่า หัวหน้าเขาแค่อยากให้นายพักบ้าง กลับมาทำงานนี้ก็ถือว่าแย่เกินพอแล้วนะ ไม่รู้สมองจะเป็นอะไรอีกหรือป่าว
หญิงสาวพูดถึงเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน เมื่อวันที่เขากลับจากทำงานยามดึก ด้วยความที่เขาโหมงานมากเกินไปจึงทำให้หลับใน ประสบอุบัติเหตุรถพลิกค่ำ นอนพักโรงพยาบาลร่วมเดือน
สมองของคุณได้รับการกระทบกระเทือนอย่ารุนแรง อาจทำให้เสียความทรงจำบางส่วนไป
แพทย์ผู้รักษาดูแลเขาบอกเสียงขรึมตามแบบฉบับ ชายหนุ่มนึกเท่าไหร่ก็ไม่ยักจะคิดออกว่าสูญเสียความทรงจำอะไรไป ดูเหมือนหมออ่านใจเขาได้จึงถามขึ้น
มีช่วงไหนบ้างไหมครับที่คุณจำไม่ได้ หรือจำได้แค่เรือนลาง
ผมนึกไม่ออกจริงครับเขาตอบเสียงจริงจัง
งั้นช่วยเล่าประวัติของคุณให้หมอฟังหน่อยได้ไหมครับ
เขาเงยหน้ามอง หมอกำลังจ้องมองเขาเขม็งราวกับหาสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ซึ่งยังไม่ได้สำแดงในตอนนี้ ผู้ป่วยสูดลมหายใจลึก รวบรวมลำดับภาพในสมองก่อนเล่าอย่างช้า
ผมชื่อชาติชาย ตันวัฒนา เป็นคนกรุงเทพเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมชื่อดัง แล้วจึงศึกษาต่อในสายอาชีพของนักข่าว เมื่อเรียนจบได้เข้าทำงานในหนังสือพิมพ์ชาติสยาม
เพียงสองวันเขาต้องเข้ารับการตรวจสมองอีกครั้ง ผลออกมาว่าเขาไม่มีความผิดปกติใดๆจึงออกจากโรงพยาบาลได้ วันรุ่งขึ้นชาติชายเดินทางเข้าไปยังสำนักงานหนังสือพิมพ์ชาติสยามทันที
จะดีเหรอ นายเพิ่งหายป่วยจะทำไหวหรือป่าว
หัวหน้าขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดและเต็มไปด้วยความอาทร น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใย เขาก็แสดงสีหน้าถึงความพร้อม และปกติดีทุกอย่างเช่นกัน
ไหวครับ ผมหายดีแล้ว ปกติทุกอย่าง ให้ผมทำงานต่อเถิดครับ
ผู้มากวัยกว่ารู้ดีว่าชายคนนี้เป็นอย่างไร เข้มแข็ง มุทะลุ ไม่ยอมคน และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความตั้งใจได้ง่ายๆ แต่คงจะทำความต้องการเขาไม่ได้ทุกอย่าง หัวหน้าดำรงยื่นซองเอกสารบางๆ มาให้ นักข่าวไฟแรงเปิดซองออกทันที กวาดอ่านอักษรบนหน้ากระดาษพลางขมวดหัวคิ้ว
นี่มันข่าวงานการกุศลนี่ครับ
ก็ใช่ไง ข่าวงานการมอบทุนให้แก่เด็กเด็กพิการทางร้ายกาย และสมอง
แต่...มัน....
หัวหน้าตัดบทเสีย พูดเร็วเป็นคำสั่งนี่แหละงานที่ผมให้คุณทำ ต่อไปก็รับงานได้จากหัวหน้าแผนกสังคมเลย อ้อผมให้ส้มเป็นผู้ช่วยคุณด้วย...เอาล่ะผมขอดูเอกสารต่อ
ดำรงเบนสายตาไปจับจ้องอยู่กองกระดาษบนโต๊ะ เป็นการบอกให้รู้ว่าการสนทนาสิ้นสุดลงแล้ว นักข่าวหนุ่มเดินออกจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์
น้ำครับ
เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาผุดลุกจากห้วงความคิด บริกรหนุ่มวางแก้วน้ำส้มลงตรงหน้า ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณเบาๆ เด็กหนุ่มก้มศีรษะน้อยๆ ก่อนถอยห่างออกไป ชาติชายยกแก้วกระดกรวดเดียวหมด รู้สึกถึงความเย็นซาบผ่านลงคอตลอดจนถึงท้อง
เฮ้อเมื่อไหร่จะพูดซักทีจบนะ ง่วงนอนจะแย่แล้ว ไม่อยาก...
คำพูดที่เหลือเป็นเช่นไรเขาไม่ได้ยิน รู้สึกจุกลำคอ หายใจไม่ออก ตาพร่ามัว ช่องปาก และลำคอแสบร้อน เพื่อนสาวเบื้องหน้าจ้องเขาอย่างตกตะลึงพูดไรฟังไม่ได้ศัพท์ หูอื้ออึง ได้ยินเพียงเสียงวิ้งในช่องหู สายตามืดลงช้าๆ จนดับวูบ!
แสงสีขาวสว่างจ้าบาดตา ปวดหัวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาแทบทนความเจ็บปวดไม่ไหว กดจิกเตียงนอนจนเล็บชา กัดริมฝีปากจนห้อเลือด มีเพียงเสียงครางอย่างเจ็บปวดเล็ดรอดออกมาเบาๆ
ตื่นแล้วเหรอ...แต่...เอ๊ะ เป็นอะไรน่ะ ชาย เป็นอะไร
น้ำเสียงนั้นตื่นตระหนก เขย่าตัวเขาอย่างแรง พลางร้องถามเป็นพัลวัน ไม่นานความเจ็บปวดเริ่มทุเลาลงเป็นลำดับ จนที่สุดก็พลันเป็นปกติ ชายหนุ่มคลายตัวเกร็งนอนนิ่งอยู่พักใหญ่ ตาลืมไม่ขึ้น หนังตาหนักเหลือเกิน เสียงถามสั่นเครือยังคงดังอยู่ข้างหู ต่อมาได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งออกจากห้องไป บัดนี้ความเจ็บปวดมลายหมดสิ้นแล้ว ชาติชายยันตัวขึ้นอย่างลำบาก ร่างกายไร้เรี่ยวแรง
ปัง!
เจ้าของเสียงเมื่อครู่กระแทกประตูเปิด ลากใครคนหนึ่งเข้ามาด้วย สายตาจ้องแลเขาพลันหยุดชะงักทั้งสองคน จ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา
ไหน ยายส้ม ที่แกว่าดิ้นทุรนทุรายใกล้ตายน่ะ ไหน
ก้อ...เอ้อ...เมื่อตะกี้
ชายผู้ถูกฉุดมาทรุดตัวลงขอบเตียงนอน ถามเสียงค่อย ห่วงอาทร เป็นยังไงดีขึ้นหรือป่าว แล้วเจ็บตรงไหนอีกไหม
ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ
ผู้ถามส่งสายตาตำหนิไปยังผู้ยืนงงงันค้างเป็นเสาหิน
เห็นไหม เขาไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย ชอบตีโพยตีพายอยู่เรื่อยเชียว
ก้อเมื่อกี้...
ไม่พูดต้องเลย ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเร็ว จะเช็ดตัวเขา
หญิงสาวยังไม่หายงงแต่ก็ทำตามคำสั่งแต่โดยดี ปากพึมพันกับตัวเอง ก้อเมื่อกี้ ยังดิ้นเกือบตาย
ชายหนุ่มร่างผอมสูงผู้เป็นเพื่อนสนิท จ้องมองเพื่อนบนเตียง ร่างภายนอกปกติดีทุกอย่าง หน้าตาสดชื่น ไม่ซีดเซียว
เหมือนคนปกติทั่วไป
เมื่อคืนตกใจแทบแย่เลย นึกว่านายจะเป็นอะไรแล้วซะอีก
เมื่อคืนฉันเป็นอะไรไปเหรอ
ก็นายน่ะสิ อยู่ดีๆ ก็ฟุบหมดสติคาโต๊ะ พวกเรานี่ทำอะไรไม่ถูกกันเลย
เขาพยายามทบทวนความจำ นึกไม่ออกว่าตนหมดสติไปตอนใด จำได้เพียงบทสนทนาสั้นๆ และตื่นอีกทีก็พบตนเองนอนอยู่บนเตียงในห้องของเอก ส้มเดินถือกะละมังเล็กออกมาจากห้องน้ำ ตั้งลงตรงโต๊ะหัวเตียง บิดผ้าขนหนูสีฟ้าจนหมาด แล้วแปะบนหน้าผาก
เอ้า นอนนิ่งๆ
เอกดันตัวเขาให้นอนลง ไม่ขัดขืนใดๆ เพื่อนทั้งสองพูดคุยอะไรกันไม่ได้สนใจ
เราหมดสติไปได้ยังไง!
หลังจากลงความเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงจึงลุกขึ้นจะเดินออกไป
เมื่อคืนฉันให้หมอมาตรวจแล้ว เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร คงเกิดจากความอ่อนเพลีย โหมงาน แต่ก็ไว้วางใจไม่ได้ เพราะอาจเกิดจากสมอง หมอนัดจะแสแกนสมองหาความผิดปกติอีกครั้งหนึ่ง
ฉันสองคนจะไปซื้ออาหารมาให้กินนะ อย่าลุกไปไหนเชียวล่ะ
เขาพยักหน้ารับทราบ เพื่อนทั้งสองเดินออกจากห้องช้าๆ ส้มหมุนตัวกลับเพื่อปิดประตู ทว่าบางอย่างทำให้หัวใจกระตุกอย่างแรง ร่างชาวาบเหมือนถูกซาดน้ำเย็นใส่
เงาดำมืดคล้ายคนยืนคร่อมชายหนุ่ม!
หญิงสาวขยี้ตาแรงๆ มองดูอีกครั้ง เป็นปกติ เงาดำนั้นหายไปแล้ว
....................... โปรดติดตามตอนต่อไป .......................
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 51 13:54:09
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 51 13:53:42
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 51 13:43:43
จากคุณ :
ดาราสมุทร
- [
9 พ.ย. 51 12:14:00
]