ใต้จันทร์เต็มดวง
...วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง...
เสียงเพลงอันคุ้นหูลอยตามลมเย็นมาจากเครื่องขยายเสียงในบริเวณวัด ประกอบกับจันทร์นวลเต็มดวงลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้ามืดมิดที่เป็นฉากหลังนั้นบ่งบอกให้คนในอาณาบริเวณทราบกันเป็นอย่างดี
...บรรยากาศแห่งครึกครื้นตามแบบฉบับของคนไทย กำลังจะเริ่มต้นและทวีความสนุกขึ้นตามเวลาที่ล่วงผ่าน...
ผมยืนอยู่ที่ริมตลิ่งแห่งนี้ มองผ่านรั้วเหล็กดัดเข้าไปยังอาณาเขตวัด ผู้คนทยอยกันเข้ามาไม่ขาดสาย ต่างคนต่างถือสิ่งที่ตนเองตั้งใจทำมาจากบ้าน หรือหากไม่มีเวลาก็จะเลือกซื้อจากบริเวณงานตามกำลังทรัพย์ที่ตนเองพึงจ่าย
...รอยยิ้มเกลื่อนไปทั่ว ต่างคนต่างหน้าชื่นตาบานกันถ้วนหน้า...
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อหนึ่งปีที่แล้วผมเองก็เคยอยู่ตรงนั้นด้วยวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ผมยังจำได้ดีราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง เสียงใสเจื้อยแจ้วยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของผม
โห ปีนี้คนเยอะจัง จะเบียดเข้าไปลอยได้มั้ยเนี่ย น้ำเสียงตื่นเต้นนั้นทำเอาผมดีใจและอดที่จะแสดงตัวเป็นผู้กล้าไม่ได้
สบายอยู่แล้ว เดี๋ยวจุดธูปเทียนให้เรียบร้อยก่อน ว่าแล้วผมก็จัดแจงจุดธูปเทียนในกระทงทั้งสองใบที่ผมและเธอนำมันมาด้วยกัน ก่อนจะค่อยๆ นำหน้าเบียดเสียดฝูงชนที่แน่นเกินคาดเข้าไปให้ถึงสายน้ำอันเป็นที่หมาย
นี่ ถือดีๆ นะ อย่าให้ไปโดนคนอื่นล่ะ
เหอะน่า ตามมาดีๆ เถอะ อย่าให้คลาดกันนะ
ท้องน้ำที่ปกติจะมืดมิดสะท้อนแต่ความเงียบเชียบออกมาในยามค่ำคืน บัดนี้มันเต็มไปด้วยความงดงามจากเปลวแสงน้อยๆ นับไม่ถ้วน ผมอดยิ้มตามออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเธอยืนยิ้มอย่างลืมตัว
ผู้คนที่เบียดเสียดจากด้านหลังทำเอาผมและเธอหลุดจากความงดงามตรงหน้า วัดนี้เป็นวัดเพียงไม่กี่แห่งในย่านนี้ที่ติดลำน้ำ ดังนั้น จึงช่วยไม่ได้ที่ผู้คนที่ต้องแห่แหนกันมาที่นี่สำหรับเทศกาลนี้
...แต่ปีนี้...คนมากันมากจริงๆ...
เอามือตีน้ำออกไปสิ กระทงจะได้ลอยไปไกลๆ เสียงใสดังขึ้นดึงผมกลับจากภวังค์ ผมทำตามเธออย่างว่าง่าย
อ๊ะ มันจะลอยออกจากกันแล้ว ทำไงดี ทำไงดี น้ำเสียงอ้อนของเธอดังก้องอยู่ในหูผม ในขณะที่มือที่เกาะกุมอยู่ที่แขนก็เขย่าจนผมรู้สึกคลอนไปทั้งตัว
...ผู้คนเบียดเสียดกันมากเกินไปแล้ว...ความรู้สึกบางอย่างบอกกับผมแบบนั้น ความกังวลที่ไม่มีที่มา
...นี่ รู้ป่าว ถ้ากระทงของทั้งสองคนลอยไปด้วยกัน ทั้งคู่จะได้ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป...คำพูดที่เคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่งผุดขึ้นมาในสมอง สายตายังคงจ้องมองสิ่งที่เพิ่งปล่อยออกจากมือได้ไม่นานแยกห่างออกจากกันเรื่อยๆ
ไปกันเถอะ ผมดึงเธอลุกขึ้นและพยายามเบียดเสียดฝูงชนที่กำลังทะลักเข้ามายังจุดที่ผมและเธอยืนอยู่ ผมเหลือบไปมองและเห็นแววตาแสดงความไม่เข้าใจของเธอ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อจากนั้นบางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น
ที่ๆ ผมและเธอรวมถึงผู้คนอีกมากมายกำลังยืนอยู่ จู่ๆ ก็ลดระดับลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย
...ครืน...ตูม...ซ่า...
ว้าย... กรี๊ด...
...มันกำลังจม...
เสียงแห่งความโกลาหลดังขึ้นจากทุกทิศทุกทาง ผมเหลือบมองเห็นแววตาตระหนกของเธอก่อนที่เกลียวน้ำจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสงบลงผมก็มาโผล่อยู่ที่ริมตลิ่งแห่งนี้
...แต่โดยปราศจากเธอ...เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เสียงหัวเราะกลับกลายเป็นเสียงกรีดร้อง...
หลังจากวันนั้นผมก็แวะเวียนมาที่แห่งนี้ทุกวัน รวมถึงคนอื่นๆ อีกหลายคนก็มาที่นี่บ่อยๆ เหมือนผม แต่หลังจากนั้นไม่นาน คนที่มาที่นี่ก็เริ่มน้อยลง น้อยลง จนสุดท้ายก็เหลือแต่ผม
...การทำใจกับอะไรบางเรื่องอาจไม่ใช่เรื่องยากสำหรับใครหลายคน...แต่มันก็อาจไม่ง่ายสำหรับใครบางคนเช่นกัน...
หากแต่วันนี้ ผมกลับรู้สึกว่าจะมีอะไรที่แตกต่างออกไป การรอคอยจะสิ้นสุดลง ผมรู้สึกได้เช่นเดียวกับที่ผมรู้สึกได้ถึงหายนะเมื่อหนึ่งปีก่อนและอาจจะชัดเจนยิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ
ถึงแม้อากาศในปีนี้จะหนาวเหน็บกว่าปีที่ผ่านมา แต่นั่นก็ไม่ทำให้ความตั้งใจในวันนี้ของผมลดลงเลยแม้แต่น้อย
ผมกระชับเสื้อกันหนาวเข้ากันเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกได้ว่าบัดนี้ทางซ้ายมือห่างออกไปพอสมควรจากที่ๆ ผมยืนอยู่มีใครอีกคนอยู่ตรงนั้น
และเมื่อผมหันไปมองความปีติก็ล้นออกมาจากใจแทบจะในทันที รอยยิ้มที่หายไปนานจากใบหน้าของผมปรากฏขึ้นอย่างไม่ยากเย็นอะไรเลยแม้แต่น้อยทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าผมอาจจะลืมการยิ้มไปเสียแล้ว
...ถึงแม้จะอยู่ไกลแต่ผมก็จำได้ดี...ในที่สุดผมก็จะได้พบเธออีกครั้ง...การรอคอยอันแสนทรมานของผมกำลังจะจบลงเสียที...
ผมรีบเดินไปหาเธออย่างรวดเร็วด้วยความดีใจอย่างที่สุด
หนึ่งปีแล้วสินะที่เราต้องจากกัน... เสียงคุ้นเคยดังลอยมาตามลม ผมหยุดก้าวแทบจะในทันที
ใบหน้าอันคุ้นเคยยังคงเป็นอย่างที่เป็น หากแต่บัดนี้กลับดูหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
คุณรู้ไหมฉันคิดถึงคุณมาก ถ้าวันนั้นคุณไม่ช่วยฉันเอาไว้ คุณก็คงไม่ต้อง... น้ำตาไหลรินจากดวงตางามคู่นั้น
ผมอยากจะดึงเธอมากอดแนบอก ผมอยากจะพูดคุยกับเธอให้สมกับที่รอคอยอย่างเดียวดายมานานแสนนาน
ฉันคิดถึงคุณนะคะ ร่างกายของเธอดูเหมือนจะสั่นสะท้าน อาจจะเพราะความหนาวหรืออาจจะเพราะสาเหตุอื่นที่ผมรู้ดีแต่ไม่อาจทำอะไรได้อีกต่อไป
ผมอยากจะดึงเธอมากอดแนบอก อยากจะพูดคุยกับเธอให้สมกับที่รอคอยอย่างเดียวดายมานานแสนนาน แต่ในเวลานี้ผมกลับทำได้เพียงก้มหน้าและเก็บงำสิ่งที่ต้องการจะพูดเอาไว้กับตัวเองเท่านั้น
...ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว...
จนกว่าเธอจะรับรู้ด้วยตัวเองและยอมรับว่าเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้วเช่นเดียวกันกับผม
...อีกไม่นาน...เพียงพ้นค่ำคืนนี้ไปผมและเธอก็ต้องจากกันอีกครั้ง...
แต่ถึงยังไงผมก็จะยังรอเธอ ถึงแม้จะอีกนานแค่ไหนก็ตาม
...จนกว่าจะมีวันที่ผมและเธอได้อธิษฐานร่วมกันภายใต้จันทร์เต็มดวงอันงดงามอีกครั้ง...
จากคุณ :
KTH
- [
11 พ.ย. 51 20:15:34
A:61.91.161.240 X: TicketID:187608
]