..สิ้นสุดลงเหมือนภาพยนตร์หลายเรื่องที่เคยผ่านตา คนรักจากไปก่อนอย่างไม่คาดคิด
เคยตั้งคำถามตนเองบ้างไหม หากว่า เช้ารุ่งขึ้นในกรอบข่าวหนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์รายงานข่าวการตายของใครบางคนที่เรารู้จักยาวนาน คบหากันลึกซึ้ง แทบทุกรายละเอียดระหว่างชีวิตเปี่ยมด้วยความรักและความรู้สึก ที่สำคัญ ก่อนวินาทีที่ไม่มีวันหวนคืน เมื่อวานนี้ ก่อนช่วงแบ่งเขตเวลาข้ามวัน ยังเพิ่งคุยกันอย่างอบอุ่น เปิดอกระบายข้อจัดอัดอั้นตันใจ ระเบิดอารมณ์ใส่กันไม่หยุดหย่อน หลังจากเข้าใจกันและกัน ความรักยังคงอยู่ไม่ไปไหน เราพูดกันถึงอนาคตที่เตรียมไว้เพื่อคนสองคน เตรียมไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนตื่นจากค่ำคืนอิ่มอุ่น ปราศจากความฝันดีร้าย เพื่อพบกับความจริงเพียงไม่กี่บรรทัดจากกลิ่นหมึกหอมหืน
ความรักระหว่างฉันกับเขาสิ้นสุดลงแล้ว ...
อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นเป็นกิจวัตร ธรรมดาจนแทบไม่ค่อยมีไทยมุงสนใจ แน่ล่ะ ฉันไปไม่ทันในห้วงลมหายใจสุดท้ายของเขาในห้องฉุกเฉิน นอกจากฟูมฟายอยู่ด้านนอก เอาแต่พร่ำกับตนเองว่าความตายเป็นเรื่องไม่จริง ทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายของคืนที่แล้ว พอตื่นขึ้นมาฉันจะได้เห็นรอยยิ้มของเขาที่โบกมือส่งขึ้นเครื่องบินกลับอังกฤษ ไปเมืองลิเวอร์พูลที่เขาชอบพูดว่าเป็นเมืองที่มีทั้งทีมฟุตบอลที่รักและหญิงสาวที่แสนรัก เหมือนแกล้งกัน .. ภาพข่าวเป็นรถแท็กซี่ติดสติ้กเกอร์ตราสัญลักษณ์สโมสรลิเวอร์พูล ฉันแทบจะฉีกหนังสือพิมพ์ทิ้งตรงนั้น รู้สึกเกลียดเมืองนี้จากขั้วหัวใจ ท่ามกลางความรู้สึกอันซับซ้อน ฉันแทบจะตัดสินใจไม่กลับไปอังกฤษอักแล้วแม้ว่าจะเหลือแค่นำเสนอผลงานก็จะเรียนจบปริญญาเอก สี่ปีไม่ใช่เวลาน้อยนิดเลย สำหรับความรักสองซีกโลก หัวใจของคนสองคนต้องแข็งแกร่งทานทนต่อความอ่อนไหว คำถามที่ไม่มีคำตอบ ความรักที่อาจจะไม่แน่นอน แต่เราก็ผ่านกันมาได้ ฉันตั้งใจไว้ว่า เมื่อกลับมาประเทศไทยแล้ว จะไม่ห่างหายจากเขาไปไหนอีกเลย
เขาชิงหนีจากฉันไปเสียก่อน ..
หลังจากงานศพของเขาสิ้นสุด ฉันกลับบ้านแล้วขังตนเองอยู่ในห้อง ไม่มีความคิดอยากจะทำอะไร นอกจากร้องไห้อยู่นิ่งๆจนกว่าน้ำตาจะแห้งผากจากส่วนลึกสุดใจ ไม่มีใครในบ้านเข้าใจความเศร้าโศกเสียใจของฉัน เราเก็บความรักของเราไว้เพียงสองคนเงียบๆ รอจนกว่าเราจะพร้อมและเป็นผู้ใหญ่ค่อยบอกกล่าวต่อครอบครัว เขาชอบบอกว่าตนเองเป็นเพียงหนุ่มเงินเดือนยังไม่มีอนาคต สอบชิงทุนตกสามรอบและกำลังจะมีรอบที่สี่ ชอบเปรียบเปรยว่าฐานะเราต่างกันมาก ทุกครั้งที่พูด สายตาของเขาแลดูหดหู่กล้ำกลืน ยิ้มบางๆจางจนแทบเหมือนจะร้องไห้มากกว่า แม้เรื่องราวระหว่างเราจะขมขื่นจนบางครั้งฉันรู้สึกหมดหวัง แต่ฉันชอบที่เขาจะตบท้ายว่า เขาไม่มีวันยอมแพ้ เหมือนในเกมฟุตบอล แม้จะถูกนำไปก่อนก็ยังมีโอกาสพลิกกลับมาเอาชนะได้ แม้กระทั่งในวินาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ถ้าเราไม่ถอดใจไปเองเสียก่อน
เขาชอบคะยั้นคะยอให้ฉันไปดูฟุตบอลช่วงสุดสัปดาห์ ทั้งๆที่รู้ว่าฉันไม่เคยนึกสนใจกีฬาประเภทนี้สักนิด ในอีเมลทุกฉบับเขาจะลงลายเซนต์เอาไว้เป็นโปรแกรมการแข่งขันของทีมลิเวอร์พูลที่เตะในสนามแอนฟิลด์ บางครั้งจะมีโปรแกรมแข่งนอกบ้านลงมาบ้าง จำได้ว่าเคยขอร้องแกมบังคับให้ลองนั่งรถไฟไปดูเกมที่ลิเวอร์พูลต้องออกไปแข่งที่ซันเดอร์แลนด์ เขาบอกว่าเส้นทางระหว่างลิเวอร์ไปซันเดอร์แลนด์เป็นช่วงที่โรแมนติกที่สุด จริงอยู่ เขาไม่เคยมาอังกฤษสักครั้ง แต่เรื่องฟุตบอลเขารู้ละเอียดมากเหลือเกิน จนบางครั้งฉันนึกอิจฉาเงียบๆ เคยน้อยใจว่าสนใจฟุตบอลมากกว่าฉันหรือเปล่า แต่อารมณ์นั้นก็หายวูบไปหมด เมื่อเขาตบท้ายเสมอว่า
“ ...เราจะเหมือนได้อยู่ด้วยกันบ้าง ถ้าหากกำลังดูฟุตบอลคู่เดียวกัน ผมอาจจะได้เห็นคุณในมุมใดมุมหนึ่งของสนาม ถึงแม้คุณจะมองไม่เห็นผม แต่ให้รู้ไว้เถิดว่า ผมกำลังมองหาคุณอยู่เสมอ ถ้าในอนาคต ผมยังเป็นผู้ชายที่โชคดีที่คุณยังรักอยู่ จะพยายามพาคุณไปดูด้วยกันให้ได้ ..ผมสัญญา ”
คิดถึงข้อความนั้นทีไร ฉันอดเผลอยิ้มไม่ได้ทุกที แม้ว่าขณะนั้น ขอบตากำลังช้ำน้ำอยู่ก็เถอะ ฉันรู้ดีว่าเขาจะไม่ผิดสัญญาและยังเป็นผู้ชายที่โชคดีอยู่เสมอ เวลาของความเศร้าโศก ผ่านแผ่วเชื่องช้า คอมพิวเตอร์ออนไลน์ไว้ทั้งวัน ฉันได้แต่เปิดอีเมลเก่าๆตั้งแต่ฉบับแรกของเขาทีละฉบับ อีเมลที่ส่งมาเป็นประจำวันละฉบับหรือสองถ้าเขาว่าง ทุกฉบับอ่านจนครบ อ่านซ้ำหลายรอบตอนที่อยู่อังกฤษ อีเมลหลายฉบับของเขาคั่นด้วยอีเมลบางฉบับที่ฉันไม่ได้เปิดออกอ่าน .. ไม่ใช่อีเมลของเขา ไม่ได้มาจากประเทศไทย เมื่อเห็นชื่อเจ้าของอีเมล ยิ่งทำให้ฉันฟูมฟายมากขึ้น น้ำตาที่คิดว่าแห้งผากหมดแล้วปริ่มปรี่อีกครั้ง
อีเมล จาก ประเทศอังกฤษ จากผู้ชายชื่อว่า แกรี่ ....
ฉันไม่เคยหนีผู้ชายที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลพ้น ราวกับว่าชะตาชีวิตกำหนดมาแบบนั้น แกรี่ เป็นเพื่อนชาวอังกฤษคนแรก เรียนสาขาเดียวกับฉันและเป็นนักฟุตบอลประจำมหาวิทยาลัย ช่วงปีแรก การใช้ชีวิตตัวคนเดียวในต่างแดนไม่ใช่สิ่งที่ง่ายยนัก แม้ว่าจะสื่อสารภาษาอังกฤษจนคล่องก็ตาม แต่เรายังคงเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่ มีขอบเขตและชองว่างอยู่เสมอเมื่อพยายามจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันธรรมดา ไม่แปลกเลย ที่ฉันมีชีวิตแค่บ้านเช่า มหาวิทยาลัยและโรงอาหารมหาวิทยาลัย แม้ว่าจะมีอีเมลจากประเทศไทยช่วยคลายความเหงาแต่พอพ้นจากห้วงความคำนึง พ้นประตูบ้าน เงาที่ทอดยาวยังเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยว การเดินท่ามกลางผู้คนมากมายไม่เคยช่วยให้อบอุ่นขึ้นสักนิด เงาของตนที่สะท้อนบนกระจกร้านกาแฟบางๆ มีแต่แววตาที่เหมือนจะร้องไห้ได้ทุกวินาที เชื่อไหม ตรงเส้นแบ่งช่องว่างระหว่างดวงตาและขอบตา ก่อนที่ความคิดสุดทานทนหัวใจที่บอบช้ำ ก่อนความคิดถึงคนรักที่บ้านเกิดเมืองนอนจะบ่มน้ำตาให้ไหลบ่า
แกรี่จะเข้ามา ณ เวลานั้น ถูกที่ถูกทางแทบทุกที
อาจเป็นเพราะฉันเหงาเกินไป คิดถึงเขามากเกินไป จนบางครั้ง ฉันเห็นภาพของเขาซ้อนทับกับแกรี่ ทั้งๆที่ไม่มีส่วนใดคล้ายคลึงกันสักนิด นอกจากอบอุ่นใจเมื่อใกล้ชิดกัน ระหว่างฉันกับแกรี่ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยความเป็นเพื่อน แม้ว่าแกรี่อาจต้องการให้เป็นมากกว่านั้น แต่ก็เป็นสุภาพบุรุษเพียงพอที่จะยินยอมเก็บงำความรู้สึกของตนเองเอาไว้ เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แกรี่ไม่เคยแม้แต่จูงมือฉันข้ามถนน วันเวลาของความโดดเดี่ยวผ่านไปได้เพราะ..แกรี่
ฉันไม่เคยเปิดอ่านอีเมลของแกรี่เลย เพราะกลัวว่า หากวันหนึ่งมีความรู้สึกในใจบางอย่างบอกกล่าวออกมา ใจของฉันจะทานทนต่อความอ่อนไหวได้หรือไม่
ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ ..ฉันเคยเล่าเรื่องของแกรี่ให้ฟังบ้างเป็นบางครั้ง จนกระทั่งเขาจากไปแล้ว ฉันเพิ่งสังเกตเห็น อีเมลของเขาจะขาดตอนสองสามวันหลังจากที่เล่าเรื่องของแกรี่ ลองดูดีๆ เป็นแบบนั้นทุกครั้ง พอเริ่มส่งกลับมาใหม่ เขาไม่ค่อยเล่าถ้อยความยืดยาวนัก จากราวๆหนึ่งหน้ากระดาษเหลือเพียงสองสามบรรทัด ถามไถ่เพียงอยู่สบายดีไหมเท่านั้น พอค่อยๆไล่อ่านดีๆ ฉันเริ่มนึกถึงคืนก่อนที่เขาเสียชีวิต
เขานั่งรถแท็กซี่มาส่งฉันถึงหน้าบ้าน ระหว่างทางฉันหลับอิงกับไหล่ของเขา บางช่วงที่เผลอตื่นเห็นเขาทอดสายตาล่องลอยออกภายนอก ในวูบที่แสงไฟสาดให้แววตาของเขาวาบบนกระจก มันช่างดูเป็นแววตาที่อ่อนล้า เหนื่อย ไร้เรี่ยวแรง ฉันอยากลูบศีรษะของเขาเบาๆ แต่ก็ทำไมได้ เหมือนมีบางสิ่งห้ามไม่ให้รบกวนการตัดสินใจบางอย่าง แน่นอน เขากับแกรี่ไม่เคยพบกัน แต่ตอนนี้ฉันอาจคิดว่าเขาอาจเคยคุยกับแกรี่ที่อยู่ในห้วงความคิดของตนเองมาแล้วหลายรอบ เขาชอบบอกเสมอว่าไม่ผูกมัดตัวฉันไว้กับคำว่ารักของเขา ตัวไกลกันบางครั้งใจก็ห่าง บางครั้งการที่ต้องห่างกันเป็นเพราะชะตาลิขิตไว้เท่านั้น ฉันมีสิทธิ์พบคนใหม่ซึ่งเข้ากันได้ถูกใจกันดี เป็นคู่แท้จริงๆ บางทีเขาอาจไม่ใช่คนนั้น
“ ….ถ้าคุณยังไม่พบคนในพรหมลิขิตจริง และถ้าผมไม่ใช่คนๆนั้น ผมก็ยังเชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น ความรักของคุณยังอยู่กับผมยังไม่ไปไหน มันทำให้ผมไม่ยอมแพ้จนกว่าพรหมลิขิตจะเห็นใจและเปลี่ยนให้ผมเป็นคนในพรหมลิขิตของคุณสักวันหนึ่ง ..”
บางทีอาจเพราะเขาไม่ใช่คนในพรหมลิขิตของฉัน แต่กลับพยายามขัดขืนสิ่งที่เบื้องบนขีดทางเอาไว้ ไม่ยอมลดละท้อถอย พระเจ้าจึงลงโทษโดยการพรากชีวิตเขาไป ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ออกจะโหดร้ายมากเหลือเกินและฉันควรตัดสินใจจบสิ้นความผูกพันระหว่างเราตั้งแต่วินาทีที่ตัดสินใจไปอังกฤษ ฉันซบหน้าลงบนเตียงร้องไห้อีกครั้งหนักหนากว่าเก่า สักพัก คอมพิวเตอร์มีเสียงเตือนอีเมลเข้า พอคลิกดู เป็นอีเมลจากแกรี่เขายังมาถูกเวลาเหมือนทุกครั้ง
อาจเป็นคนตามพรหมลิขิตของฉัน ถ้าใช่...ก็ดี
แต่ตอนนี้ ฉันขอกำหนดพรหมลิขิตของตนเองบ้าง อยากตามคนที่ฉันรักและเขาก็รักฉันมาตลอดสี่ปีไม่เคยเปลี่ยนแปลง ในลิ้นชักของโต๊ะตัวเก่าเหลืออุปกรณ์เก่าๆซุกไว้ กระดาษเปล่า ดินสอเหลาแหลม ยางลบผิวด้าน ฉันเลือกคัตเตอร์ใหม่เอี่ยมออกมา ทิ้งตัวบนเก้าอี้ ค่อยๆพับแขนเสื้อขึ้นจนรัดต้นแขนแน่น เส้นเลือดที่ข้อมือและท่อนแขนโปนปูด ฉันมองภาพถ่ายของเขาบนโต๊ะแล้วยิ้มให้บอกว่า
เราจะได้พบกันแล้ว ฉันจะไปดูฟุตบอลกับคุณ ...
ฉันทำใจให้นิ่งลงท่ามกลางความเงียบสงบ อีกเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น จะได้พบกับเขา ลมวูบใหญ่ซัดเข้ามา ก่อนที่คัตเตอร์ใบบางจะกรีดตัดเส้นเลือดของฉัน ลมแรงจนกระดาษปลิวว่อน ข้าวของเบาๆกระจัดกระจายร่วงเกลื่อน ภาพถ่ายของเขาล้มพับลง แล้วจู่ๆอีเมลฉบับหนึ่งก็เปิดขึ้นมา อะไรบางอย่างคงไปกระทบเม้าส์ให้คลิกเปิดออก
“ ..วันนี้ยี่สิบสามพฤศจิกายน ก่อนใครบางคนเดินทางกลับ คิดว่ากว่าจะได้ข้อความนี้ คุณคงกลับไปถึงอังกฤษแล้วราวสองสามวัน คงง่วนอยู่กับผลงานก่อนจบปริญญาเอก หวังว่าคงสบายดีเหมือนเดิม มีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับคุณที่ผมอ่อนอกอ่อนใจมากๆ ไม่ใช่เรื่องความรักระหว่างเราหรอกนะ เพราะเป็นส่วนทีคิดว่าเข้มแข็งทีสุด
ผมจะเลิกคะยั้นคะยอให้คุณไปดูฟุตบอล มันเป็นเรื่องเดียวที่ผมไม่เคยทำสำเร็จและไม่เคยเปลี่ยนใจให้คุณสนใจฟุตบอลได้สักนิด มันเหมือนผมเอาแต่ใจตนเองมากเกินไป คงทำคุณลำบากใจถ้าต้องเสียเวลาเก้าสิบนาทีดูคนยี่สิบสองคนวิ่งแย่งลูกกลมๆ
ดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนความตั้งใจใหม่ ถ้าหากวันหนึ่ง ผมมีโอกาสไปถึงอังกฤษก็ขอแค่ให้คุณเดินมาส่งผมขึ้นรถไฟ ไปดูนัดที่ลิเวอร์พูลต้องออกไปเยือนซันเดอร์แลนด์ บนเส้นทางสายที่โรแมนติก แค่ส่งผมขึ้นรถไฟเท่านั้น ไม่ต้องตามมาด้วย และหากตอนนั้นคุณพยายามจะขอตามขึ้นมาด้วย ผมจะผลักคุณกลับไปไม่ต้องตามขึ้นมา เพราะเพียงระยะทางที่คุณเดินเคียงกับผมก็ทำให้เป็นสุขเพียงพอแล้ว ....”
เป็นอีเมลฉบับสุดท้ายจากเขา ฉันเคยอ่านแล้ว แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ เหมือนได้คุยกับเขาอีกครั้งหนึ่ง เหมือนเห็นใครบางคนกำลังเกาะกุมมือที่จับคัตเตอร์เอาไว้ บีบแน่นจนต้องปล่อยมือ คัตเตอร์หล่นผลอยลงพื้น
ฉันออกจากห้องนอน พ่อแม่หลับหมดแล้ว ชั้นล่างยังมีเสียงโทรทัศน์เปิดอยู่ น้องชายของฉันหลับคาโซฟา โทรทัศน์ถ่ายทอดฟุตบอล ดูเวลาแล้วเพิ่งจะเริ่มครึ่งแรก ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนบันไดขั้นสุดท้าย พอมองเห็นโทรทัศน์ชัดเจน ยังคงไม่สนุกกับกีฬาประเภทนี้แต่ไม่ถึงขั้นเกลียดจนดูไม่ได้ สุดท้าย ฉันก็ไม่ได้ตามเขาขึ้นรถไฟ และเขาผลักฉันลงมาจริงๆ
ขอบคุณมากค่ะที่รัก จากวันนี้ไปเราจะดูฟุตบอลด้วยกัน
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
13 พ.ย. 51 17:23:33
]