บทที่ 1 - 12 http://my.dek-d.com//story/view.php?id=423352
บทที่ 13
ดูเหมือนทุ่งหญ้าเขียวขจีจะไม่อาจกลายเป็นแดนถิ่นดอกท้อนอกโลกีย์(๑)สำหรับพิงถิงได้เช่นกัน
สี่ยาม(๒) เงาร่างซึ่งยืนนิ่งเงียบงันตรงหน้าต่างแฝงความอ่อนล้าอย่างสุดจะเอ่ย
สกุณาขับขานพฤกษชาติหอมรวยรินใต้แสงอาทิตย์ได้สาบสูญร่องรอยสิ้นในความมืดหม่นแห่งราตรีกาล เมื่อมองด้วยแสงสว่างจากเปลวเทียนที่วูบไหวไม่อยู่นิ่ง ดอกไม้ลำต้นที่สั่นไหววูบวาบยิ่งเหมือนกรงเล็บอันแหลมคมน่าสะพรึงกลัวกำลังออกเสาะหาเหยื่อ
สามีของหยางเฟิ่งได้ออกเดินทัพไปแล้ว พิงถิงอยู่ในส่วนลึกของจวนขุนทัพ ก็ยังได้ยินเหล่าบ่าวทาสรับใช้พากันกระซิบกระซาบถึงท่าทางอันองอาจห้าวหาญของท่านขุนทัพยามจากไป ในเสียงกระซิบอันแสดงถึงความเคารพเทิดทูนและคาดหวังนี้ แฝงเร้นการคาดคะเนถึงผลลัพธ์ของการรบอย่างกระวนกระวายอยู่กี่ส่วนกันหนอ ?
...อย่าไปคิด !...
หญิงสาวสั่นศีรษะ สายตาผละจากดอกไม้ลำต้นซึ่งมองเห็นรูปร่างไม่ชัดเจนด้วยความมืดเบนไปยังจันทร์กระจ่างกลางนภา แล้วพลันเหม่อลอยในทันที
เรามาสาบานต่อจันทรา...จะไม่ทรยศกันชั่วนิรันดร์
น้ำเสียงทุ้มต่ำ...คนผู้นั้น...ต่อจันทรา...ไม่ทรยศ...
หัวใจเต้นกระหน่ำรัวแรงจนต้องรีบเอามือกุมอก กัดริมฝีปาก
อย่าไปคิด...ใจกลับนึกเคืองแค้นอย่างอ่อนแอ...ตอนที่สาบานต่อจันทรานั้น...แท้จริงท่านลวงหลอกข้า...ข้าทรยศท่าน
ขณะที่ลอบปวดแปลบอยู่ในใจ ที่ไกลตาได้ปรากฏแสงสว่างจุดหนึ่งไหววูบวาบ พิงถิงเพ่งตามองไป โคมแดงขนาดเล็กใบหนึ่งได้ตรงใกล้เข้ามา จวบจนอยู่ห่างจากนางเพียงไม่กี่สิบก้าวจึงค่อยเห็นชัดตาว่าผู้ที่มาคือใคร
ทำไมถึงยังไม่นอนอีกเล่า ?
หยางเฟิ่งนึกไม่ถึงว่าตรงหน้าต่างจะมีคนอยู่ จึงชะงักเท้าลงอย่างประหลาดใจ พูดยิ้มๆ
ข้าสิควรจะเป็นฝ่ายถาม ทำไมถึงยังไม่นอนอีกเล่า ? หรือเจ้าบ้านอย่างข้าต้อนรับขับสู้ไม่ดีพอ มีตรงไหนไม่ถูกใจเจ้าหรือเปล่า ?
พิงถิงเดินออกจากประตูห้อง ชำเลืองมองสาวใช้ที่ด้านหลังสหายรักซึ่งถือโคมเดินมาเป็นเพื่อนผู้เป็นนายสาว แล้วคลี่ยิ้มบางพลางจูงมือหยางเฟิ่งเข้ามาในห้อง
ไม่ได้คุยกันให้เต็มอิ่มมานานแล้ว คืนนี้แขกอย่างข้าจะขอรั้งเจ้าบ้านไว้ล่ะนะ
<>::<>::<>
สองสาวนอนเบียดกันอยู่บนเตียงอย่างสนิทสนมเหมือนเช่นสมัยก่อน พิงถิงถามเบาๆ
ดึกป่านนี้แล้วยังจะจุดธูปบนบานอีกหรือ ?
หลายวันที่เขาจากไป ข้านอนไม่หลับเลยสักคืน
หยางเฟิ่งดูเหนื่อยล้าไม่ใช่น้อย ถอนหายใจเบาๆ เอนกายพิงหมอนนุ่ม ถูไถใบหน้าครึ่งดวงกับผ้าต่วนเนื้อลื่นของหมอน แล้วหันมามองพิงถิงอย่างขัดเขินน่าเอ็นดูราวกับเด็กหญิงตัวน้อย
เจ้าห้ามยิ้มเยาะข้านะ
พิงถิงอดใจไม่ไหวต้องอมยิ้มออกมาจริงๆ เหลือบตามองเพื่อนรักโดยไม่เอ่ยอะไร
หยางเฟิ่งเห็นนางอมยิ้ม ก็ยันตัวท่อนบนขึ้นมาหยิกเบาๆ
บอกแล้วไงว่าห้ามยิ้ม !
การคิดถึงสามีไม่ใช่เรื่องที่ไม่อาจพบหน้าผู้คนสักหน่อย ข้ายิ้มนิดยิ้มหน่อยจะเป็นไรไป ? ได้ยินว่าก่อนจะออกเดินทัพ ท่านขุนทัพถูกฟูเหรินออดอ้อนหนักจนต้องสัญญาว่าจะเขียนจดหมายกลับมาหาที่บ้านทุกวันเลยเชียว มีเรื่องแบบนี้จริงหรือเปล่า ?
ใบหน้าขาวนวลของหยางเฟิ่งแดงก่ำในพริบตา
เจ้ายังจะยิ้มอีก ? ถ้ายังยิ้มอีก ข้าจะกลับห้องไปละ !
พิงถิงยังคงอมยิ้มอยู่ดังเดิม หยางเฟิ่งจนปัญญาจะจัดการ จึงได้แต่มองเพื่อนรักตาเขียว แล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
เสียงหัวเราะสดใสระรื่นไหลแผ่วเบาอยู่ในห้อง เสนาะโสตดั่งพุน้ำไหลซอกซอนกลางคีรี
ทั้งสองเหมือนหวนกลับไปสู่อดีต พากันหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ แต่แล้วหยางเฟิ่งกลับถอนหายใจ
ตั้งแต่เป็นฟูเหรินท่านขุนทัพ ข้าไม่เคยได้หัวเราะแบบนี้อีกเลย
ประโยคเดียวนี้ได้เก็บช่วงเวลาในอดีตอันปราศจากความทุกข์กังวลกลับเข้าสู่ถุงแห่งความทรงจำจนหมดสิ้น พิงถิงสลายรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว ก้มหน้าลงหุบปากนิ่ง
หยางเฟิ่งลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยเอ่ยถามออกมาเบาๆ
ออกรบครั้งนี้...เขาสองคนจะปะทะกันในสนามรบหรือไม่ ?
และแล้วประเด็นที่ไม่อยากเอ่ยถึงมากที่สุดก็มาเยือนจนได้...
อากาศภายในห้องหนักอึ้งในบัดดล
หยางเฟิ่งไม่ยอมเผชิญหน้าเพื่อนรัก พลิกกายหันหน้าเข้าหาผนัง ถามต่อว่า
หากเขาสองคนปะทะกัน ใครจะชนะ ?
การศึกไม่แน่นอน แพ้ชนะต้องดูกาละฟ้า ชัยภูมิ มนุษย์ประสาน ข้า...ข้าไม่รู้
หยางเฟิ่งนิ่งเงียบงันไปชั่วครู่ ค่อยถามเสียงเข้มอีกครั้ง
หากไม่เอ่ยถึงกาละฟ้า ชัยภูมิ มนุษย์ประสาน มองกันแต่ความสามารถของจอมทัพ เจ๋ออิ่นกับฉูเป่ยเจี๋ย...ผู้ใดชนะ ?
พิงถิงส่ายหน้าเช่นเคย สายตาทอดมองไปยังกิ่งใบที่ส่ายไหวไปมานอกหน้าต่าง
เจ้านี่นะ......จะให้ข้าตอบอย่างไรเล่า ? ฉูเป่ยเจี๋ยเป็นยอดขุนพลของตงหลิน มีกลยุทธ์ในการรบทัพจับศึกเฉพาะตัวอยู่ ส่วนสามีเจ้าก็เป็นถึงยอดขุนพลของเป่ยม่อ แต่ข้ายังไม่เคยได้เห็นฝีมือของเขา แล้วจะให้คำตอบเจ้าได้อย่างไร ?
นางอยากจะโค้งริมฝีปากเป็นรอยยิ้มที่จะช่วยทำให้เพื่อนรักค่อยสบายใจขึ้น แต่พยายามจนสุดความสามารถแล้วก็ยังไม่อาจเค้นรอยยิ้มนั้นออกมาได้แม้แต่น้อย
จันทราที่นอกหน้าต่าง ท่านไม่ควรจะใจดำเช่นนี้เลย ท่านเป็นพยานแก่คำหวานของคู่รัก และทอดมองหยาดโลหิตกระเซ็นซ่านในสนามรบอย่างเฉยเมย
ไส้เทียนส่งเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ พิงถิงหันศีรษะไปมองเทียน ทันใดนั้นสายลมได้โชยพัดเข้ามาทางหน้าต่างดั่งอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญ
เปลวเทียนสั่นไหวเบาบาง พลันสว่างวูบกว่าเดิมมาก ไหววาบอีกครั้ง แล้วดับลง
ในความเงียบสงัดชั่วอึดใจ ราตรีกาลอันมืดมิดได้กดทับลงใส่หญิงสาวทั้งสองประหนึ่งผืนม่านอันหนักอึ้ง
พิงถิง...... หยางเฟิ่งกล่าวอย่างหม่นเศร้า เจ้าไม่ยอมบอกมาตามความเป็นจริงสินะ ?
พิงถิงตกตะลึง เอามือยันขอบหมอนลุกขึ้นนั่ง ถามอย่างร้อนใจ
หยางเฟิ่ง ไยจึงพูดเช่นนี้เล่า ?
หยางเฟิ่งนอนหันหน้าเข้าด้านใน เอาแต่นิ่งเงียบงัน พิงถิงเห็นไหล่บอบบางของเพื่อนรักสั่นสะท้านราวกับกำลังฝืนข่มกลั้นเสียงสะอื้น ก็รีบพูดว่า
เจ้าอย่าร้องไห้สิ การศึกเป็นเรื่องใหญ่ สุดวิสัยที่พวกเราจะไปบังคับอะไรได้ สวรรค์ต้องคุ้มครองสามีของเจ้าให้กลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน หยางเฟิ่ง เจ้า......เจ้าบอกเองว่าพวกเรายุ่งอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือ ?
สองไหล่ของหยางเฟิ่งยิ่งสั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางหนักแน่นเยือกเย็นเสมอมา ไม่เคยเลยที่จะเสียกิริยาเช่นนี้ พิงถิงอดร้อนใจไม่ได้ พยายามเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน คุกเข่าลงที่ข้างกายเพื่อนรักหมายจะพลิกตัวนางให้หันมาเผชิญหน้ากับตน
ฉับพลันนั้นหยางเฟิ่งได้ลุกพรวดขึ้นนั่งอย่างปุบปับ หันหน้ามามองพิงถิง สองแก้มเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
พิงถิงยังไม่ทันหายตกใจ เอ่ยเรียกเบาๆ
หยางเฟิ่ง ?
หยางเฟิ่งไม่ตอบ นางลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว จากนั้นสองเข่าอ่อนยวบ คุกเข่าลงกราบเพื่อนรัก
พิงถิงยิ่งตกตะลึงหนักกว่าเดิม กระโดดลงจากเตียงรั้งร่างเพื่อนสาวขึ้นมา ถามอย่างร้อนใจ
เจ้าทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ?
หยางเฟิ่งกลับตั้งใจเด็ดขาดไม่ยอมลุกขึ้น นางขยุ้มแขนเสื้อเพื่อนรักทั้งคุกเข่า เงยหน้าขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว ถามเสียงเศร้าสร้อย
พิงถิง เจ้าไม่เข้าใจจริงๆ น่ะหรือ ?
พิงถิงยืนนิ่งงัน นัยน์ตาดำขลับจ้องมองเพื่อนรักแน่วนิ่ง
หากกระทั่งเสี่ยวจิ้งอานหวางยังไม่อาจต่อกรได้ละก็ เจ๋ออิ่นมีหรือจะรับมือฉูเป่ยเจี๋ยที่บุกมารุกรานทั้งเพลิงโทสะได้ ?
หยางเฟิ่งร่ำไห้อ้อนวอนทีละคำๆ คว้ามือพิงถิงเอาไว้พูดทั้งน้ำตา
เจ้าสามารถทำให้ฉูเป่ยเจี๋ยสาบานว่าจะไม่รุกรานกุยเล่อเป็นเวลาห้าปีได้ แล้วมีหรือจะไม่สามารถทำให้ฉูเป่ยเจี๋ยถอนทัพออกไปจากเป่ยม่อ ?
หยางเฟิ่ง ข้า...... พิงถิงก้าวถอยหลัง ทรุดนั่งลงบนเตียงอย่างหดหู่ เมินหน้าหนีไปอีกทาง ข้าทำไม่ได้
นางไม่อาจเผชิญหน้าฉูเป่ยเจี๋ยได้ หยางเฟิ่งมีหรือจะเข้าใจความรู้สึกของนาง
ผู้ชายคนนั้น...แม้จะไม่ได้อยู่ตรงหน้า...ก็ยังตามมาพัวพันนางในความฝันไม่ได้หยุดยั้ง...พรากหัวใจไปจากนางอยู่ทุกเวลานาที...ทำให้นางต้องหลั่งน้ำตาอย่างไม่ขาดสาย
พิงถิง ข้าขอร้องล่ะ !
แววตาขอร้องของเพื่อนรักทำให้พิงถิงหนาวเยือกไปทั้งตัว นางไม่อาจทนเห็นดวงตาซึ่งมักทอประกายอ่อนโยนฉลาดเฉลียวเป็นเนืองนิตย์คู่นี้ปรากฏประกายสิ้นหวังได้
แต่พิงถิงยังคงส่ายศีรษะอยู่ดี
ไม่ได้ !
นัยน์ตาดำขลับสั่นระริกสองคู่เพ่งมองกันแน่วนิ่ง ลมหายใจชะงักงันโดยพลัน
หยางเฟิ่งเหม่อมองสหายรักอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างหม่นเศร้า
ไม่โทษเจ้าหรอก พวกผู้ชาย......การศึกกิจแคว้นเป็นเรื่องใหญ่......ยังไงข้าก็ทำใจในเรื่องนี้สู้เจ้าไม่ได้ นางหัวเราะออกมาเบาๆ น้ำตาไหลพรากลงเป็นทาง สองมือกุมลงบนท้องน้อยอย่างอ่อนโยน
พิงถิงเห็นสีหน้าของเพื่อนรักผิดปกติ หัวใจก็สะดุดวูบทันที เอ่ยถามอย่างตระหนก
หยางเฟิ่ง หรือว่าเจ้า...... สายตาตกลงมองท้องน้อยที่ยังไม่ปรากฏร่องรอยของเพื่อนรัก
หยางเฟิ่งกัดฟันแน่น พยักหน้าเล็กน้อย
พิงถิงถอนหายใจยาว เอนกายลงพิงพนักหัวเตียง
สุดท้ายแล้วพวกนาง...นาง...กับหยางเฟิ่ง...ก็ไม่อาจวางตัวอยู่วงนอกจนได้
<>::<>::<>
จากคุณ :
Linmou
- [
23 พ.ย. 51 08:05:34
]