I Am Sam (2001)
สุภาพบุรุษปัญญานิ่ม
คนหนึ่งรัก แต่ไม่สามารถจะเลี้ยงดู อีกคนมีความสามารถจะเลี้ยงดู แต่ไม่ได้รัก เช่นนี้แล้วคุณจะเลือกใคร
อย่าเข้าใจผิดว่านี่เป็นเรื่องความรักหนุ่มสาว น้ำเน่าอะไรประมาณนั้น ...ไม่ใช่เลย แต่หากเป็นเรื่องของครอบครัว ความรักความผูกพันอันลึกซึ้ง ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิง Academy Award สาขาดารานำชายยอดเยี่ยม (Sean Penn) คงเป็นสิ่งหนึ่งที่รับประกันคุณภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้
หนังเล่าถึงเรื่องราวของ แซม ดอว์ซัน (Sean Penn) ชายที่มีอาการออทิสติก และมี IQ เท่ากับเด็ก 7 ขวบ ซึ่ง Sean Penn นั้นแสดงเป็นคนที่เป็นออทิสติกได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้บทบาทของ Dustin Hoffman จากเรื่อง Rain man เลย
หากกล่าวโดยทั่วไปนั้น โรคออทิสติก จะประกอบไปด้วยอาการหลักๆ 3 กลุ่ม ได้แก่ ความผิดปกติของการสร้างสัมพันธภาพกับคนอื่น ความผิดปกติของการใช้ภาษา และการมีพฤติกรรมทำอะไรซ้ำ ๆ ซึ่ง แซมเองก็มีลักษณะดังกล่าวเกือบทั้งหมด เช่น เขามีจะมีการพูดที่เป็นลักษณะเฉพาะ พูดเสียงโทนเดียว (monotone) ออกเสียงคล้ายลิ้นคับปาก มีท่าทางเดินทำมือทำไม้แบบแปลก ๆ มีปัญหาด้านการสื่อสารการพูดที่ดูจะติด ๆ ขัด ๆ ไม่ค่อยเข้าใจเวลาพูดคุยกับผู้อื่นเท่าไหร่โดยเฉพาะถ้าเจอกับประโยคยาว ๆ ยาก ๆ การที่แซมเองไม่ค่อยที่จะสบตาผู้อื่นเวลาที่สนทนา ส่วนด้านพฤติกรรมทำอะไรซ้ำ ๆ นั้น จะเห็นได้จากตอนเปิดเรื่องที่แซมจะวางเรียงซองน้ำตาลต่าง ๆ ครีมเทียม ที่ต้องวางให้เหมือนเดิมตลอด หรือที่แซมกับกลุ่มเพื่อนมีการจัดโปรแกรมในแต่ละวันของสัปดาห์ที่ต้องเหมือนกันเป๊ะทุกสัปดาห์ เช่น ไปกินข้าวร้าน ไอ ฮอป ทุกวันพุธ อาหารที่สั่งก็ต้องเป็นแพนเค๊กฝรั่งเศส ราดน้ำเชื่อมด้านบน มีผลไม้วางด้านข้างเท่านั้น วันพฤหัสเวลา 2 ทุ่มก็จะต้องดูวีดีโอ โดยที่เป็นอย่างนี้ทุกอาทิตย์โดยที่ไม่สามารถเปลี่ยนโปรแกรมได้ ไม่สามารถเปลี่ยนไปลองสิ่งใหม่ ๆ (หากมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาเหล่านี้อาจจะหงุดหงิด หรือทนไม่ได้) เหล่านี้เป็นสิ่งที่พบได้ในผู้ป่วยออทิสติก
แซมทำงานเป็นพนักงานอยู่ในร้าน สตาร์บัค พักอาศัยอยู่คนเดียว โดยมีกลุ่มเพื่อน 4 คน (ซึ่งคิดว่าน่าจะมีปัญหาออทิสติกเหมือน ๆ กัน) และ แอนนี่หญิงชราข้างห้อง เรื่องราวเริ่มขึ้นจากการที่แซมไปมีความสัมพันธ์กับหญิงเร่ร่อนคนหนึ่ง ซึ่งเข้าอยู่ด้วยเพียงเพราะต้องการที่ซุกหัวนอน แล้วเธอเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา เมื่อหญิงสาวคนนั้นคลอดลูกออกมาแล้วเธอก็หนีหายไปทันที ทิ้งลูกน้อยไว้ให้แซม
แซมตั้งชื่อให้เด็กคนนั้นว่า ลูซี่ (Dakota Fanning) ตามประโยค Lucy in the sky ซึ่งเป็นท่อนหนึ่งของเพลงของ The Beatle ซึ่งแซมและเพื่อน ๆ ชื่นชอบเอามาก ๆ (ทำให้เพลงประกอบภาพยนตร์เกือบทั้งหมดในเรื่องเป็นเพลงของวง The Beatle รวมถึงประโยคคำพูดหลาย ๆ ตอนก็มาจากเนื้อเพลง) สำหรับแซมแล้วการเลี้ยงดูเด็กเป็นเรื่องที่ยากลำบากเอามาก ๆ โชคดีที่ได้ แอนนี่เป็นผู้ช่วยเหลือ และสอนแซมในการดูแลลูก นอกจากปัญหาด้านการเลี้ยงดูแล้วแซมเองก็มีปัญหาเรื่องเงิน ที่ไม่พอแม้แต่จะซื้อรองเท้าให้ลูซี่ แต่โชคดีที่ได้เพื่อน ๆ คอยให้การช่วยเหลือ ภาพที่เพื่อน ๆ ห้อมล้อมรอบแซมช่วยกันออกเงินคนละเล็กคนละน้อย แม้ทุกคนเองก็ไม่ค่อยจะมีเงินเหมือน ๆ กัน บางคนตั้งใจเก็บเงินเพื่อไปซื้อเกมส์มาเล่น แต่ก็ยินยอมตัดใจมาช่วยเหลือ แซม นั้นเป็นภาพที่ดูบริสุทธิ์และเปี่ยมไปด้วยความน่ารัก ( ตรงนี้คงบอกเราว่าแม้เพื่อน ๆ ของแซมอาจดูว่าเป็นผู้พิการทางจิต แต่น้ำใจนั้นหาได้พิการตามไปด้วย) ถึงแม้จะผ่านมาด้วยความยากลำบาก แต่แซมก็ดูแลลูซี่ด้วยความรัก และความเอาใจใส่อย่างดีที่สุด ตลอดมา
ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อลูซี่อายุ 7 ขวบ ความสามารถที่เริ่มจะแซงหน้าพ่อ จากที่แซมเคยอ่านนิทานให้ลูซี่ฟัง ลูซี่เริ่มกลับเป็นฝ่ายที่ต้องอ่านหนังสือให้แซมฟังแทนเนื่องจากลูซี่อ่านหนังสือได้มากกว่า ลูซี่เองเริ่มมีปัญหาที่โรงเรียน พยายามนั่งด้านหลังห้อง ไม่อยากเรียนหนังสือ ไม่อยากอ่านอะไรที่พ่ออ่านไม่ได้ ไม่อยากที่จะเก่งกว่าพ่อ ....เพราะไม่อยากทำให้แซมเสียใจ ความรู้สึกเหล่านี้ยังแสดงออกผ่านการวาดรูป ที่ลูซี่วาดออกมาเป็นภาพเด็กผู้หญิงตัวใหญ่เดินจูงแขนแซมตัวเล็ก ๆ (ซึ่งภาพลักษณะนี้มักบ่งบอกถึงการที่เด็กรู้สึกว่าพ่อ นั้นอ่อนแอ ไม่สามารถจัดการอะไรได้ และตัวเด็กเองเข้มแข็งกว่าหรือมีอำนาจมากกว่า) ณ. จุดนี้เองกองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน หน่วยสังคมสงเคราะห์ เริ่มเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่ถึงแม้ลูซี่จะรับรู้ว่าพ่อตัวเองแปลก ๆ แต่เธอก็ยังรัก และปลอบใจให้กำลังใจแซมอยู่เสมอ แม้พ่อจะไม่เหมือนคนอื่น ..... อย่าเสียใจ .... หนูโชคดี..... ไม่มีพ่อคนไหนพาลูกเที่ยวสวนสาธารณะเลย หนูรักพ่อค่ะ
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 51 08:49:15
จากคุณ :
ผมอยากที่จะเชื่อ
- [
24 พ.ย. 51 08:47:23
]