กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเด็กสาวกำพร้าคนหนึ่งเติบโตอยู่ในหมู่บ้านกลางหุบเขาอันไกลห่าง เธออาศัยอยู่ใต้ต้นส้ม ทำให้ชาวบ้านต่างเรียกเธอว่าเด็กสาวต้นส้ม
เด็กสาวต้นส้มหน้าตาไม่น่าพิสมัย ผิวหน้าของเธอมีเนื้อที่มากกว่ารูปกะโหลก ทำให้ใบหน้าของเธอหย่อนย้อยลงมาเหมือนถุงเหี่ยวๆ ไปทั่ว ถูกล้อเลียนและกลั่นแกล้งรังแกจากเด็กๆ ในหมู่บ้านเป็นนิจ
วันหนึ่งเด็กสาวต้นส้มช่วยชาวบ้านต้อนลาออกมากินหญ้าในหุบเขา ลมเย็นของฤดูใบไม้ผลิชะแทรกหว่างหุบเขา ไล้ทิวไม้และใบหญ้าเขียวพลิ้วประดุจระลอกคลื่น ดอกไม้ป่ายิ่งอยู่ลึกยิ่งงดงาม มันสะบัดราวเริงระบำกลางร่องหุบเขา เด็กสาวต้นส้มมัวเพลินกับการเดินดุ่มชมธรรมชาติ กระทั่งเมื่อมาถึงระยะหนึ่งเธอก็ต้องสะดุดกับบางเสียงที่ดังขึ้นข้างกาย
แม่หนูจะเดินไปไหน ที่แห่งนี้อยู่ไกลจากหมู่บ้านของเรามากแล้ว
ทีแรกเด็กสาวต้นส้มตกใจ แต่เมื่อพบว่าเสียงนั้นหาใช่อื่นไกล เป็นแม่ลาที่เดินไกลมากับเธอนั่นเอง เด็กสาวต้นส้มก็ถามว่า ทำไมแม่ลาถึงพูดได้?
แม่ลาตอบว่าป่าที่เธอเดินพลัดลึกเข้ามานี้เป็นป่าวิเศษ ละไอของป่าทำให้ลาพูดภาษาสื่อสารกับมนุษย์ได้
เด็กสาวต้นส้มอยากเดินสำรวจลึกเข้าไป แต่แม่ลาห้ามไว้ เด็กสาวจึงจำต้องจูงแม่ลากลับทั้งที่รู้สึกสนใจในป่านั้นไม่คลาย เธอตั้งใจว่าวันต่อไปจะต้องเดินทางกลับมายังป่าวิเศษอีกให้ได้ เธออยากรู้ว่าข้างในมีอะไรวิเศษบ้าง
วันต่อมาเด็กสาวต้นส้มตื่นแต่เช้าตรู่ เธอเลือกจูงลาอีกตัวออกมาจากคอกแทนแม่ลา ลาตัวนี้เป็นลาหนุ่มนิสัยห้าว เกกมะเหรก เมื่ออยู่ในคอกก็ชอบเกะกะระรานลาตัวอื่นอยู่เสมอๆ เด็กสาวต้นส้มต้องทั้งฉุดกระชากลากถูกว่าเจ้าลาหนุ่มจะยอมเดินตามไปยังเส้นทางที่เธอตั้งใจ
แต่ที่น่าประหลาดก็คือ ยิ่งลึกเข้าไปใกล้ชายป่าวิเศษตามที่แม่ลาว่าไว้ เจ้าลาหนุ่มกลับสงบลงเรื่อยๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
และแล้วเด็กสาวต้นส้มก็เดินทางมาถึงใต้ร่มไม้หนาที่เมื่อวานแม่ลาพูดเป็นภาษามนุษย์ เช่นกันกับวันนี้ มีเสียงหนุ่มห้าวดังขึ้นข้างกาย ต่างเพียงเจ้าลาหนุ่มมิได้ประหวั่นเกรงภัยในป่าวิเศษ มันหัวเราะชอบใจแล้วถามว่า
ทำไมจึงหยุดซะล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากเดินเข้าไปในป่าวิเศษนั่น
เป็นไปตามที่เด็กสาวคิดเอาไว้ เธอยังคงมองเจ้าลาหนุ่มเจ้าเล่ห์อย่างยังไม่ไว้วางใจ ท่าทางเจ้าลาหนุ่มก็อยากเข้าไปในป่าวิเศษเช่นกัน
ทำไมเจ้าจึงอยากเข้าไปในป่าวิเศษ
เจ้าลาหนุ่มตอบว่า
เด็กสาวโง่ โง่เหมือนลา ที่ข้าอยากเข้าไปในป่าวิเศษก็เพราะว่าในป่าวิเศษเต็มไปด้วยของวิเศษยังไงเล่า ในป่าวิเศษมีต้นไม้ที่ลากินแล้วจะกลายเป็นม้า ม้ากินแล้วจะกลายเป็นสิงโต สิงโตกินแล้วจะกลายเป็นคน บางผลของบางต้นทำให้คนหน้าตาน่าเกลียดเช่นเจ้ากินแล้วกลายเป็นหญิงสาวโฉมงาม
คำพูดของเจ้าลาหนุ่มทำให้เด็กสาวสนใจ เธอให้เจ้าลาพาเดินเข้าไปเพื่อหาต้นไม้วิเศษที่จะทำให้เธอกลายเป็นหญิงทรงเสน่ห์ เจ้าลาพาเธอขึ้นหลังเดินลึกเข้าไปในป่าวิเศษ ลึกเข้าไปเรื่อยๆ
ป่านี้มีต้นไม้สูงใหญ่กว่าห้าสิบคนโอบ มีโพรงไม้ใหญ่ขนาดเป็นบ้านคน บางโพรงมีรูยิบย่อย ภายในมีแสงสว่างวะวิบละม้ายใครบางคนจุดคบไฟ พากลิ่นหอมจากกำยานลอยละลิ่วออกมาคลอเคล้าสายลมซึ่งพัดกระทบดอกไม้สีทองรูปร่างคล้ายกระดิ่ง แกว่งไกวจนเกิดเสียงบรรเลงดังกรุ๋งกริ๋งเสนาะหู
ยิ่งลึกเข้าไปในป่า ใบไม้ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นและแผ่หนาขึ้นเรื่อยๆ แต่ใบไม้วิเศษไม่เหมือนใบไม้ทั่วไป บางใบของมันเป็นสีๆ มีสีแดง สีม่วง สีส้ม สีอื่นๆ ไปจนถึงสีเงินและสีทอง ใบของบางต้นโปร่งแสง เมื่อแสงแดดทอดผ่านเพดานใบไม้วิเศษลงมาก็จะเกิดเป็นลำแดดสีสวยสลับสี บางทีเกิดเป็นลวดลายมลังเมลืองเต้นระริกอยู่บนผิวพื้นดิน
ลึกเข้ามาอีก เริ่มมีต้นที่ออกผลเป็นลูกตา เป็นแขน เป็นขา เจ้าลาอธิบายว่าต้นไม้พวกนี้เป็นสถานที่เปลี่ยนอวัยวะของพวกผู้วิเศษ พ่อมด แม่มดที่ถูกมนุษย์จับเผา ถ้ายังไม่ตาย ก็อาจกระเสือกกระสนเข้ามาเปลี่ยนอวัยวะแล้วกลับสมบูรณ์แข็งแรงได้ดังเดิม แต่เด็กสาวต้นส้มเห็นแล้วขนลุก โดยเฉพาะในกิ่งสูงสุดมีผลเป็นใบหน้าหญิงสาวงดงามที่คอยหันจับตาดูเธออยู่ เจ้าลายุให้เด็กสาวเปลี่ยนใบหน้าที่เป็นถุงเหี่ยวของเธอกับใบหน้างดงามนั้น แต่เด็กสาวไม่ต้องการ เธอเกลียดกลัวดวงตาดุดันบนใบหน้างดงามนั้น เจ้าลาถูกเร่งให้เดินไปยังต้นไม้วิเศษที่จะทำให้เธอมีใบหน้าสวยสะอย่างแท้จริง
ลึกจนเกือบถึงใจกลางป่าวิเศษนั่นแล้วเด็กสาวจึงได้พบกับต้นไม้ลักษณะคล้ายต้นส้ม แต่ใบเป็นทองคำ สีทองของมันถูกแดดบ่ายระบายจนพร่าพรายระยิบระยับ หยอกล้อกับดอกสวยกลีบละม้ายเรียวนิ้วทั้งห้าของสตรีงาม ดอกของต้นไม้วิเศษมีสีใสประดุจแก้ว เด็กสาวหลงมนต์พราวแพรว ลงจากหลังลาเพื่อพินิจความงามของต้นไม้วิเศษชิดใกล้
ความตกใจมาเยือนเมื่อก้าววนมาหยุดอยู่อีกด้านหนึ่งของต้นไม้ ในฝั่งด้านหลังแสง ซึ่งลำต้นสูงใหญ่บังไว้และเกิดเป็นเงามืดทอดยาวลงมาบนพื้นดินตะปุ่มตะป่ำ เงานั้นแสดงภาพต่างจากภาพจริง กล่าวคือดอกไม้รูปมือกำลังขยำขยุ้ม ที่จริงมองดูคล้ายกำลังเขมือบอะไรบางอย่างที่มีลักษณะเป็นลูกกลมใหญ่เท่ากำปั้น
เด็กสาวถอยผละ
เจ้าลาเป็นฝ่ายหัวเราะ
นั่นน่ะคือภาพจริงของต้นไม้วิเศษ เจ้าจะสังเกตเห็นว่าบนต้นจริงของมันแทบไม่มีผลกลมอย่างที่เห็นบนเงาอยู่เลย ทั้งดอกไม้แต่ละดอกก็นิ่งสงบประดุจภาพวาด หาได้ขยับขยำตะกรุมตะกรามเช่นเงาบนพื้นไม่ นั่นเป็นเพราะธรรมชาติของต้นไม้ต้นนี้รู้ว่าผลของมันเป็นผลไม้วิเศษ มันซ่อนสีของผลไว้กลายเป็นล่องหน ป้องกันคนอื่นๆ มาขโมยเก็บกินไป ขณะเดียวกัน ดอกไม้ของมันก็ทำหน้าที่คล้ายปาก คอยเก็บกินผลของตนเองเพื่อให้กลายเป็นต้นไม้วิเศษยิ่งๆ ขึ้นไป สวยงาม และอยู่ยงคงกระพันเช่นนี้ต่อไปอีกนับร้อยพันปี
ถ้าเช่นนั้นทำอย่างไรข้าจึงจะเก็บผลของมันมาได้ ข้าต้องการเป็นหญิงสาวที่สวยงาม
เจ้าลาหัวเราะไยไพแล้วว่า
วิธีเก็บผลไม้วิเศษมีทางเดียว คือเจ้าต้องจ้องเงาบนพื้นให้ดี ในขณะที่ป่ายปีนขึ้นไป คอยระวังไม่ให้เฉียดกายไปใกล้ดอกไม้ร้ายกาจพวกนั้น จากนั้นเด็ดนำผลกลับลงมา เมื่อเจ้าลิ้มรสคำแลก เล็บและปลายผมของเจ้าจะผุดผาด เมื่อลิ้มรสคำที่สอง ผิวกายของเจ้าจะผุดผ่อง คำที่สามทำให้ทรวดทรงเต่งตึงงดงามกำดัด คำต่อๆ ไปจะทำให้เจ้ามีรูปโฉมโนมพรรณงดงามอย่างที่ไม่มีหญิงใดในปฐพีนี้เทียบได้อีก
เด็กสาวทำตามคำของเจ้าลา ในไม่ช้าเธอก็เก็บผลไม้วิเศษลงมาได้หนึ่งผล เธอลงมายืนอยู่บนพื้น มีเพียงสัมผัสในมือและเงาบนพื้นเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่ามีผลไม้วิเศษอยู่ในอุ้งมือน้อยนี้ เด็กสาวตัดสินใจกัดชิมผลไม้ด้วยหัวใจเต้นระรัว
ลิ้มรสคำแรก เล็บและปลายผมของเด็กสาวกลับผุดผาด เมื่อลิ้มรสคำที่สอง ผิวกายที่เคยหมองกลับผุดผ่อง คำที่สามทำให้ทรวดทรงเต่งตึงงดงามกำดัด เมื่อกัดกินคำต่อๆ ไปทำให้เธอมีรูปโฉมโนมพรรณงดงามอย่างที่ไม่มีหญิงใดในปฐพีนี้เทียบได้อีก
เมื่อสมปรารถนาก็ไม่เหลือเด็กสาวต้นส้มที่น่าอัปลักษณ์คนเก่าอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป เด็กสาวต้นส้มคนใหม่กลายเป็นหญิงสาวต้นส้มแสนสวย ผิวของเธอเป็นสีขาวเหลือบประกายคล้ายมีมนต์ เช่นเดียวกับคลื่นผมสยายสีทองยาวกลางหลัง มนต์วิเศษของผลไม้มีผลแม้แต่กับเสื้อผ้าที่เคยเก่าขาดรุ่งริ่ง บัดนี้เธออยู่ในชุดสวยงามประดุจเจ้าหญิง เธอจึงตั้งชื่อใหม่ให้ตนเองว่าเจ้าหญิงต้นส้ม
เจ้าหญิงต้นส้มสัญญาว่าจะเลี้ยงดูเจ้าลาอย่างดีในฐานะที่มันทำให้เธอกลายเป็นคนใหม่ เจ้าลาพาเธอขึ้นหลังออกเดินทางไปยังดินแดนแห่งใหม่อีกฟากหนึ่งของป่าวิเศษ
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 08:04:21
จากคุณ :
งี่เง่าบอย
- [
24 พ.ย. 51 17:28:06
]