พรดวงดาว
ฉันรวบผ้านวมให้กระชับกับร่างกายมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันความหนาวเย็นจากอากาศยามค่ำคืนกลางฤดูหนาว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ภายใต้ผ้าอุ่นหนา ตัวของฉันเองก็ยังคงต้องกอดตัวเองและพยายมขดตัวให้กลมที่สุดเท่าที่จะทำได้
สายตายังคงจับจ้องอยู่บนฟากฟ้าดำมืดยามราตรีที่แต่งแต้มไปด้วยแสงกระพริบวิบวับจากดวงดาวน้อยใหญ่นานับ
ทั้งๆ ที่ด้านตรงข้ามของประตูที่ฉันเพิ่งเดินผ่านออกมาช่วงหัวค่ำนั้นเป็นห้องที่แสนจะอบอุ่นแท้ๆ
คืนที่เท่าไหร่แล้วนะที่ฉันนั่งอยู่ตรงระเบียงห้องนอนที่หนาวเหน็บเช่นนี้ สิบห้าคืน ยี่สิบคืน หรือนานกว่านั้นกันแน่
...ช่างมันเถอะ...
ถึงจะจำไม่ได้ว่ากี่คืนแล้ว แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่ามันนานพอดูแล้วกับกิจวัตรซ้ำๆ ซากๆ แบบนี้
บางครั้งที่ฉันเหม่อมองเหล่าดวงดาว ฉันยังเคยแอบเผลอคิดไปว่า ดวงดาวเหล่านั้นคงจะมีความสุขกันน่าดูเลยนะถึงได้คอยแต่จะกระพริบแสงหยอกล้อกันอยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
ในบางครั้งฉันยังคงคิดว่าดาวเหล่านั้นอาจจะรู้ก็ได้ว่ามีฉันคนนี้มองการกระทำของพวกมันอยู่ พวกมันเลยขยิบตาหยอกล้อฉันเล่นไปอย่างนั้น
...มันจะเคยเหงากันบ้างมั้ยนะ...
...มันจะเคยมมีเรื่องอึดอัดหรือทุกข์ใจบ้างรึเปล่า...
ฉันถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ก่อนจะดึงสิ่งที่หลุดลอยไปกลับมาอยู่กับตัวเอง
...จิตใจเหนื่อยบอกไม่ถูก...รู้สึกหนักอึ้งจนไม่อยากแบกมันไว้อีกต่อไป...
บางครั้งรู้สึกเหมือนสมองเบาโหวงคิดอะไรไม่ออก บางครั้งเหมือนตัวเองกำลังลอยคว้างไร้ทิศทาง
ถึงแม้เหมือนกำลังมองอยู่แต่ก็ไม่อาจจับจ้องสิ่งใดได้ ถึงแม้เหมือนกำลังตั้งใจฟังแต่ก็ไม่อาจรับรู้ความหมายใดๆ
แต่ไหนแต่ไรมาแล้วฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย จวบจนวันที่ได้พบกันกับเขาเมื่อหลายปีที่แล้ว
แรกๆ ทีเดียวมันก็ยังไม่ได้รู้สึกแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
...เพียงแค่พูดคุย...สนุกสนานเฮฮา...ปรับทุกข์กันได้...
แต่ยิ่งนานวันเข้ามันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยโดยที่ฉันเองก็ไม่อาจที่จะรู้ทันสิ่งที่เรียกว่าจิตใจแม้แต่น้อย
...ดีใจเมื่อได้เห็นหน้าเขา...
...เหงาเมื่อวันนั้นไม่ได้เจอกัน...
บ่อยครั้งที่ไปเที่ยวด้วยกันกับกลุ่มเพื่อนๆ ฉันกลับรู้สึกเหมือนถูกปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง เพียงเพราะเขากำลังสนุกสนานเฮฮาอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ฉัน
...ถอนหายใจได้บ่อยครั้งอย่างไม่มีสาเหตุ...
...ใจลอยได้ทุกทีที่มีโอกาส...
หากอธิษฐานในใจได้ทันสามครั้งก่อนที่ดาวตกจะลับหายไป สิ่งที่ตั้งใจจะสมปรารถนา
...จะได้เห็นจริงๆ มั้ยนะ ดวงดาวที่จะนำพาความปรารถนาของเราไปจนถึงฝั่งฝัน...ฉันนั่งอยู่ตรงนี้หลายคืนเหลือเกิน จนฉันเองยังอดที่จะคิดไปแบบนั้นไม่ได้
ฉันรู้ดีว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ฉากๆ หนึ่งที่มักจะอ่านเจอในนิยายรักโรแมนติก แต่ในเวลานี้มันกลับเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงฉุดรั้งฉันไว้ไม่ให้หลุดลอยไปไกลแสนไกล
ถ้าหากได้เห็นดาวตก และได้อธิษฐานถึงสิ่งที่ปรารถนาไปแล้ว แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมอย่างที่มันเคยเป็น
...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
...แล้วหลังจากนั้นล่ะ ฉันจะทำยังไงต่อไป...
เป็นอย่างนี้ล่ะดีแล้ว อาจจะเป็นเรื่องที่ดีแล้วก็ได้ที่ฉันไม่ได้เห็นดวงดาวเหล่านั้นร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า
...เพราะนั่นจะทำให้ฉันยังคงมีความหวังต่อไป...
...เปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน...กับความหวังลมๆ แล้งๆ กับข้ออ้างต่างๆ นานาเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ
รู้สึกได้ว่าฉันกอดตัวเองแน่นเข้าไปยิ่งกว่าเมื่อสักครู่ หากแต่ในขณะนี้มันกลับไม่ใช่เพราะจากความหนาวเย็นจากภายนอกที่มากระทบกาย
...หากแต่มันกลับเป็นความเหน็บหนาวที่กำลังเกาะกินหัวใจ...เพียงแค่นั้นน้ำตาของฉันก็ไหลรินออกมาได้อย่างง่ายดาย...
และก่อนที่จินตนาการของฉันจะพาฉันไปไกลกว่านี้ แสงสว่างวาบบนฉากดำก็บังเกิดขึ้น มันพาดผ่านเป็นทางยาวจากเบื้องบนสู่ด้านล่าง
...ขอให้เขารัก...
ไม่ทันจบประโยคแรกเลยด้วยซ้ำแสงสีขาวก็ลับหายไปเรียบร้อยแล้ว มันรวดเร็วจนแม้เพียงแค่จะคิดถึงสิ่งที่ปรารถนาให้ทันก็ยังทำไม่ได้
...ผ่านมาและผ่านไป...ไม่หยุดคอยใครทั้งนั้น...
ฉันหลับตานิ่งนึกถึงการกระทำและเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา
ชีวิตของคนเราก็คงจะเหมือนกัน ทั้งฉัน ทั้งเธอ หรือไม่ว่าจะเป็นใครๆ
ชีวิตมันสั้นนัก ทั้งความสุข ทั้งโอกาส เองก็เช่นกัน
...มันเข้ามาไม่บ่อยและช่วงเวลาเหล่านั้นก็สั้นนัก...
...ผ่านมาและผ่านไป...ไม่เคยหยุดรอให้ใครไขว่คว้า...
...นั่นสินะ...แล้วฉันในตอนนี้มัวทำอะไรอยู่...
ฉันปาดน้ำตาและเผยยิ้มให้กับตัวเองอย่างสบายใจได้เป็นครั้งแรกตลอดระยะเวลานานแสนนานในความรู้สึก
แรงกดดันมหาศาลหายไปในพริบตา ท้องฟ้าและดวงดาวตรงหน้างดงามและสุกสกาวยิ่งกว่าคืนไหนๆ ที่ผ่านมา
ฉันลุกขึ้นยืนมั่นคงอย่างคนตัดสินใจได้ จะไม่รอจนกว่าโอกาสจะหยุดอยู่ตรงหน้าอีกต่อไป จะไม่ยอมให้ทุกสิ่งผ่านมาและผ่านไป
...บางที...นี่อาจจะเป็นพรจากเหล่าดวงดาวที่มอบให้ฉันก็เป็นได้...
...พรที่เรียกว่าความกล้า...
คืนที่เท่าไหร่แล้วนะที่ฉันนั่งอยู่ตรงระเบียงห้องนอนที่หนาวเหน็บเช่นนี้ สิบห้าคืน ยี่สิบคืน หรือนานกว่านั้นกันแน่
...ช่างมันเถอะ...เพราะฉันได้ตัดสินใจแล้ว...
พรุ่งนี้ฉันจะทำในสิ่งที่ใจปรารถนาเสียที ถึงจะสุขใจหรือเสียใจแต่ฉันก็จะลองคว้าโอกาสที่ผ่านเข้ามาไว้ด้วยมือของฉันเอง
...ความในใจที่เก็บไว้ในนี้...ฉันจะบอกเขาเสียที...
จากคุณ :
KTH
- [
24 พ.ย. 51 19:21:25
A:61.91.163.180 X: TicketID:187608
]