ตอนต้น : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7146120/W7146120.html
ตอนกลาง : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7181689/W7181689.html
-----------------------------------------------------------------------------------------
ตอนจบ
พี่นึกว่าหนิงกลับบ้านแล้วซะอีก ชลทิชาร้องทักหญิงสาวรุ่นน้องซึ่งเพิ่งเดินข้ามถนนจากฟากมหาวิทยาลัยมายังฝั่งตรงข้ามที่จัดไว้เป็นร้านค้า
นีรนาทโบกมือให้และเดินเข้าไปหา กลับไปถึงบ้านแล้วกลับออกมาอีกรอบค่ะ แม่จะทำคากิกับไข่พะโล้ ไว้ เลี้ยงอ๋องพรุ่งนี้เย็น เพราะพะโล้เนี่ยต้องต้มข้ามวันถึงจะอร่อย แต่ชวงเจียกับไข่หมด คอฟฟี่เมตของป๊าก็เกือบหมดพอดี หนิงเลยออกมาซื้อให้ แล้วก็แวะซื้อไมโลปั่นกับดูหนังสือที่หน้า ม. ซะหน่อย
พาหนุ่มเข้าบ้าน แถมเป็นขวัญใจคุณแม่แบบนี้ อีกไม่นานก็คงจะมีข่าวดีแล้วสินะ ทนายความสาวสัพยอก ได้ยินโหน่งว่า ป๊ากับแม่ของหนิงนับอ๋องเป็นลูกชายอีกคนของบ้านถัดจากเขาด้วยอีกต่างหาก
พี่โหน่งนั่นแหละค่ะ ที่เห่ออ๋องยิ่งกว่าใคร ยิ่งรู้ว่าเชียร์บอลทีมเดียวกันนะ ยิ่งเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เธอหัวเราะ เมื่อนึกถึงพี่ชายที่เป็นเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตซึ่งตั้งอยู่ในอาคารเดียวกับสำนักงานทนายความของชลทิชา และตั้งข้อสังเกตจากถุงใส่อาหารที่อีกฝ่ายถืออยู่ พี่ทิชาก็ซื้อของกินไปเยอะเลย เย็นนี้ทานข้าวกับพี่ณตเหรอคะ
จ้ะ ทนายความสาวตอบรับ ตะกี้พี่โทรไปคุยกับเขา เขาว่าตอนบ่ายมีคนมาคุยด้วยยาว... ฟังเสียงเขาเมื่อกี้แล้ว รู้สึกว่าอาการไม่ค่อยดี สงสัยไข้จะกลับ พี่เลยว่าจะไปดูหน่อยว่าเป็นไงบ้าง
นีรนาทส่ายหน้ากับข้อมูลที่ได้รับ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเสียงของคนที่อุตส่าห์มีน้ำใจโทรศัพท์มาบอกเธอในเรื่องที่ตัวเขาไม่เกี่ยวเลยสักนิดเมื่องกลางวัน คนที่มาขอคุยด้วยนี่ก็เหลือเกินเลย พี่ณตป่วยขนาดนี้ยังไม่เว้น... ถ้าไม่รู้มารยาทเต็มที่ ก็คงเป็นเรื่องด่วนที่ไม่รู้จะวิ่งไปหาใครดีจริง ๆ นั่นละ
หญิงสาวรุ่นพี่ฟังแล้ว ก็ได้แต่ยักไหล่ ถอนใจหนัก ๆ ออกมาครั้งหนึ่ง จะไปติฝ่ายนั้นเต็มปากคงไม่ได้หรอกจ้ะ หนิง เพราะฝ่ายณตก็เสนอตัวช่วยเองด้วย เรื่องนี้ไม่ช่วยคงไม่ไหว ไม่งั้นก็คงคาราคาซังอยู่ไม่เลิก เอาแต่หนีปัญหาหนีความรับผิดชอบก็ไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาได้หรอก
เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องเลิกคิ้วน้อย ๆ... คำพูดของอีกฝ่ายฟังดูเป็นปริศนาอย่างไรชอบกล แต่ไม่นานนักความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา
ในโมงยามนี้ ไม่มีเรื่องใดจะดูเร่งด่วนและหนักหนาเท่ากับเรื่องของวัชรและก้อย และไม่มีเรื่องใดที่สามารถนำมาอธิบายประโยคที่เพื่อนสนิทของทนายความสาวเอ่ยบอกเธอว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของวัชร ได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
หมายความว่า คนที่พี่ณตคุยด้วยเมื่อบ่ายนี้ก็คือ วัชร อย่างงั้นเหรอคะ พี่ทิชา
ชลทิชาพยักหน้ารับ โทรศัพท์ห้องเขาเป็นแบบโชว์เบอร์น่ะ ก่อนโทรหาพี่กับหนิง เขาลองส่ง SMS ไปที่เครื่องของวัชร บอกว่า ถ้ามีอะไรเร่งด่วน จะฝากเขาบอกหรือฝากโน้ตเอาไว้ให้อ๋อง หรือจะให้เขาคุยกับอ๋องให้ก็ได้
หลังจากพี่กลับออฟฟิศไปได้สักชั่วโมง ณตเอาผ้าลงมาซักก็เห็นผู้ชายใส่เสื้อยืดของมูลนิธิที่อ๋องทำอยู่เดินไป ๆ มา ๆ ระหว่างบันไดกับลิฟท์เหมือนไม่แน่ใจว่าจะขึ้นไปดีหรือเปล่า เขาไม่เคยเห็นหน้าวัชรหรอก แต่เดาว่าน่าจะเป็นวัชร เขาเลยลองเข้าไปทัก ปรากฏว่าใช่จริง ๆ คุยกันไปมา วัชรก็เลยปรึกษาเขาเรื่องก้อยซะเลย"
พี่ณตพูดอย่างกับเดาได้ว่า วัชรจะมาคุยเรื่องก้อยด้วยเลยนะคะ นีรนาทออกปาก ไม่น่าเชื่อเลยว่า วัชรจะยอมคุยเรื่องก้อยกับพี่ณต ทั้งที่ไม่เคยพบกันมาก่อน
ทนายความสาวหัวเราะเบา ๆ กับสีหน้าประหลาดใจปนทึ่งของอีกฝ่าย ณตเขามองคนเก่งนะ แต่ถ้าหนิงไปถาม เขาก็จะบอกหนิงว่า พี่พูดให้หนิงสบายใจเฉย ๆ น่ะครับ ไม่คิดว่าวัชรจะมาหาหรอก เชื่อมั้ยล่ะ
ถ้าให้เดาใจณตละก็... การที่เขาส่ง SMS บอกวัชรว่า ให้เขาคุยกับอ๋องให้ก็ได้น่ะ เขาจงใจจะทำให้วัชรรู้สึกว่า เขาพร้อมรับฟังวัชร และในขณะเดียวกันมันก็มีนัยว่า เขาเป็นคนที่อ๋องยินดีรับฟังและเคารพด้วย ซึ่งสิ่งที่เขาแสดงออกก็ไปจับใจและเข้าทางของคนที่อยากหาใครสักคนที่เข้าข้างตัวเองอย่างวัชรพอดี
แล้วพี่ณตให้คำแนะนำกับวัชรว่าไงบ้าง
เธอจับแขนของอีกฝ่ายดึงให้หลบจากทางเท้าเข้ามาชิดแผงค้าที่ปิดทำการอยู่เพื่อไม่ให้เกะกะทางสัญจรของคนอื่น เขาให้วัชรคิดดูเอาเองว่าจะยอมรับความจริง คุยกับพ่อแม่ของตัวเอง กับผู้ใหญ่ของก้อย ยอมถูกตำหนิ แต่ปัญหาจบ หรือจะหนีต่อไปเรื่อย ๆ แต่ยิ่งปิด ยิ่งหนีเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนเอาเรื่องที่ควรจะรู้กันแค่ระหว่างเขากับก้อยและครอบครัวสองฝ่ายไปขยายต่อให้คนอื่นรู้ ยิ่งมากคนมากความต่อไปเรื่อย ๆ เดือดร้อนกันไปหมด
นีรนาทขยับตาม แล้วก็ถอนใจ นั่นสิคะ หนิงก็ว่าอย่างงั้น... ถ้าเป็นหนิง หนิงคงเลือกทางแรกมากกว่า
วัชรตัดสินใจจะไปคุยกับพี่เกียรตินะ
สิ่งที่ได้ยินจากปากของคู่สนทนาทำให้คนฟังร้องหือออกมาจนเจ้าของคำพูดต้องกล่าวย้ำว่าเป็นความจริง คุยกับณตจบ วัชรเปิดโทรศัพท์ พี่เกียรติก็โทรมาพอดี แล้ววัชรก็ตอบรับว่าจะไปพบพี่เกียรติตามนัด...
กล่าวยังไม่ทันจบประโยค ทนายความสาวก็หยุดไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าคนที่ตนพูดคุยด้วยมีทีท่าเหมือนเห็นใครบางคน ครั้นเบนสายตาตามไป เธอก็พบกับบุคคลที่หญิงสาวรุ่นน้องจ้องมองอยู่ชนิดแทบไม่วางตา
นั่นวัชรใช่ไหม หนิง
ใช่ค่ะ นีรนาทรับ มีอะไรคะ พี่ทิชา...
หญิงสาวร่างสูงที่กำลังจับจ้องยังเป้าหมายเดียวกันกับเธอ ยกนาฬิกาข้อมือของตนขึ้นดู ก่อนก้าวข้ามทางเท้าไปยังเสาสัญญาณไฟจราจร กดปุ่มสัญญาณหยุดรถเพื่อข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่ง
มีสิ เธอตอบ เพราะนี่เป็นเวลาที่เขาควรจะอยู่คุยกับพี่เกียรติ... ไม่ใช่มาเดินอยู่ที่นี่
อลงกรณ์นำรถจักรยานยนต์เข้าจอดบริเวณไหล่ถนน ใต้ต้นไม้ใหญ่ติดกับประตูด้านข้างของคณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งถูกปิดมานานนักหนาแล้ว เขาดับเครื่องยนต์ ดับไฟหน้ารถ และถอดหมวกกันน็อคออกวางบนตะแกรงหน้ารถ
บริเวณนี้ คือ จุดนัดพบที่วัชรบอกว่าจะมารอเขาอยู่ ก่อนจะข้ามไปอีกฟากฝั่งถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารชุดที่ก้อยพักอาศัย เพื่อพบปะและพูดคุยกับพี่ชายของเธอเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น และคลี่คลายไปได้เปลาะหนึ่ง เมื่อพี่น้องทั้งคู่ได้สนทนากับประธานมูลนิธิที่นีรนาททำงานด้วย
แม้จะบอกว่าจะมารอพบ แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีเขายืนอยู่เพียงลำพังเท่านั้น...
ไอ้เราก็อุตส่าห์รีบออกมาแทบตาย ชายหนุ่มพึมพำ ใช้มือเสยผมที่ยุ่งอยู่ให้พอเป็นทรงขึ้นบ้าง
กว่าเขากับสมาชิกองค์กรพัฒนาเอกชนคนอื่น ๆ ที่ออกไปทำงานภาคสนามในป่าชุมชนจะกลับมาถึงสำนักงานของมูลนิธิก็เจียนทุ่ม จวนถึงเวลาที่วัชรนัดเขาไว้เต็มที ทำให้เขาต้องฝากเพื่อนคนอื่น ๆ เก็บอุปกรณ์แทน ส่วนตัวเองก็รีบเผ่นออกมาให้ทันเวลา ไม่เหลือเวลาแม้สักนาทีที่เขาโทรศัพท์บอกกล่าวกับนีรนาทว่า เขากลับมาถึงสำนักงานโดยสวัสดิภาพแล้ว หรือถามไถ่อาการป่วยของเจ้าของห้องที่ให้เขาพักอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราวด้วยซ้ำไป
โชคดีที่เป็นนีรนาท ซึ่งเข้าใจตัวเขาและงานของเขาดี ทั้งยังไว้ใจเขามากเท่ากับเขาวางใจในตัวเธอ ไม่อย่างนั้น เขาคงต้องทุกข์ใจกับการพยายามหาคำอธิบายสำหรับทุกอย่างที่เธออาจถามจี้ด้วยความไม่พอใจที่เขาทำราวกับว่าให้ความสำคัญกับงานมากกว่าคนรัก
เมื่อนึกถึงคำที่พูดกับหญิงสาวเมื่อวันก่อนแล้ว เขาก็อดนึกละอายใจไม่ได้... ทั้งที่สอนคนอื่นให้เริ่มต้นจากการเอาใจใส่คนใกล้ตัวให้ได้ดีเท่ากับเอาใจใส่คนอื่น แต่บางครั้ง ก็เป็นเขาเองนั่นละ ที่ทำไม่ได้ตามนั้น แม้จะรู้ว่าการตัดสินใจเลือกเรื่องของคนอื่นก่อนเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องจำเป็นในบางคราวก็ตาม
อย่างไรก็ตาม มีบางเรื่องที่เขาไม่เคยทำพลาด คือ เรื่องการตรงต่อเวลา และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เขาสามารถตำหนิชายหนุ่มรุ่นน้องได้เต็มปาก
เคยสอนเอาไว้แล้วแท้ ๆ ว่า นัดพูดธุระกับใครเอาไว้ก็อย่าให้เขาได้รอ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่กว่า และฝ่ายตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวเดือดร้อนขึ้น...
แม้จะนึกเคืองวัชรที่นัดไม่เป็นนัด หากเขายังอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า อาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวมาถึงช้าก็เป็นได้ ขอเพียงรู้ว่าไม่มีอุบัติเหตุ อันตรายใดเกิดขึ้นกับผู้อ่อนวัยกว่า เขาก็พอจะวางใจขึ้นมาได้บ้าง
นักพัฒนาเอกชนหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาเพื่อติดต่อฝ่ายที่บอกว่าจะมารอ แต่แล้วกลับต้องละมือ เมื่อเพิ่งนึกออกว่า แบตเตอรี่โทรศัพท์ของตนหมดไปตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว ไม่สามารถติดต่อกับใครได้เลย
เขาใช้มือป้องหน้าปัดนาฬิกาเพื่อให้เห็นตัวเลขที่เป็นพรายน้ำชัดเจนขึ้น ชะเง้อมองผ่านกระจกล็อบบี้ของอาคารชุดเข้าไป แต่ไม่อาจรู้ได้ว่า ใครคนใดเป็นคนนัดหมายวัชรเอาไว้ และวัชรก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย
จำได้ว่า มีโทรศัพท์แบบหยอดเหรียญเอาไว้ให้บริการที่ล็อบบี้ด้านล่าง ข้างร้านอาหาร ขึ้นไปโทรศัพท์บอกว่าขอไปรอในที่สว่าง ๆ อย่างในล็อบบี้แทนที่จะมาซุ่มอยู่มืด ๆ ใต้ร่มไม้ข้างประตูคณะวิศวกรรมศาสตร์ดีกว่า... เขาบอกตัวเอง
ขณะที่อลงกรณ์จะข้ามไปอีกฟากหนึ่งของถนน มีใครอีกคนหนึ่งซึ่งคอยมองออกมาภายนอกผ่านกำแพงกระจกกว้างของโถงหน้าอาคารชุดอยู่เป็นระยะก็วางหนังสือพิมพ์ที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นจากโซฟา สาวเท้าก้าวยาวออกจากประตูลงบันไดตรงเข้ามา
นั่นวัชรใช่ไหม
เสียงร้องถามดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า และแทบจะในวินาทีเดียวกันนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนเห็นลำแสงส่องวาบเข้ามาจนตาพร่า ตามมาด้วยเสียงบางอย่างดังลั่นที่มาพร้อมกับกลิ่นไหม้ จากนั้นแรงปะทะหนึ่งก็พุ่งตรงมากระทบตัว
(มีต่อนะคะ)
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 10:30:32
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
25 พ.ย. 51 01:23:31
]