Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    [นิยายแปล] จอมนางคู่บัลลังก์ บทที่ 14 เขียนโดย...เฟิงน่ง

    บทที่ 1 - 13  http://my.dek-d.com//story/view.php?id=423352


    บทที่ 14


    พิงถิงก้าวเข้ามาในท้องพระโรงซึ่งเป่ยม่อหวางประทับอยู่อย่างแผ่วเบา แล้วย่อกายถวายบังคม

    “หมินหนฺวี่(๑)น้อมพบต้าหวางเพคะ”

    สำหรับการที่พิงถิงไม่ได้หมอบกราบถวายบังคมอย่างเต็มพิธีการ เป่ยม่อหวางไม่เพียงแต่ไม่ได้นึกตำหนิ ทั้งยังคลี่ยิ้มออกมาอีกด้วย

    “ไม่ต้องมากพิธีการ หยางเฟิ่งได้เพียรแนะนำถึงความหลักแหลมในการวางแผนของคุณหนู โดยบอกว่าคุณหนูมีแผนการเลิศล้ำที่จะทำให้ตงหลินถอยทัพกลับไปได้ เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ ?”

    พิงถิงลอบทอดถอนในใจ ดูจากที่เป่ยม่อหวางไม่เสียดายต่อการลดตัวลงมาเรียกนางว่า “คุณหนู” ก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าสถานการณ์ของทัพเป่ยม่อที่แนวหน้าย่ำแย่มากเพียงใด ด้วยเหตุนี้เป่ยม่อหวางจึงได้มองนางเป็นเหมือนดาวช่วยชีวิตจากสวรรค์ลงมาโปรด นางจะสามารถช่วยเป่ยม่อหวางรบชนะฉูเป่ยเจี๋ยได้จริงๆ หรือ ?

    แม้ในใจจะอึดอัดกลัดกลุ้ม แต่นางได้ขี่หลังเสือยากจะลง(๒)ไปแล้ว หญิงสาวเหลือบมองเพื่อนรักซึ่งกำลังยืนรอให้นางแสดงความสามารถอย่างใจจดใจจ่ออยู่ข้างๆ  แล้วถอนหายใจเบาๆ

    “หมินหนฺวี่จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพคะ”

    “มีคำพูดนี้ของคุณหนู เป่ยม่อก็มีทางรอดแล้ว” เป่ยม่อหวางถูฝ่ามือหัวเราะก้อง หันไปสบตากับหยางเฟิ่งแวบหนึ่ง ก่อนจะแสดงสีหน้าจริงใจ ลดตัวลงถามว่า

    “การศึกเร่งด่วน เวลานี้ทัพตงหลินกำลังบุกโจมตีเมืองคานปู้ ขอเรียนถามคุณหนูว่ามีแผนการเลิศล้ำใดที่จะทำให้ศัตรูถอนทัพจากไปได้ ?”

    นับตั้งแต่รับปากว่าจะช่วยเป่ยม่อ พิงถิงก็ตรวจดูแผนที่ชายแดนของเป่ยม่อตลอดทั้งคืน และได้ทำการประเมินสถานการณ์ในขั้นต้นไว้ก่อนแล้ว แต่นางกลับไม่ได้ทราบเรื่องที่ทัพตงหลินกำลังบุกโจมตีเมืองคานปู้นี้เลย จึงถามอย่างตกตะลึง

    “หรือทัพเป่ยม่อได้พ่ายแพ้ถอยร่นมาจนถึงเมืองชายแดนที่เป็นแนวป้องกันด่านสุดท้ายแล้ว ? เหตุใดผู้รับผิดชอบสืบเรื่องในกองทัพของจวนท่านขุนทัพจึงไม่ทราบเรื่องนี้เล่า ?”

    เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพทั้งหมดของนางได้มาจากหยางเฟิ่งทั้งสิ้น สายตาจึงเบนไปมองหยางเฟิ่งอย่างลืมตัว

    เห็นได้ชัดว่าหยางเฟิ่งเองก็เพิ่งจะทราบข่าวร้ายนี้เช่นกัน เพราะดวงหน้านวลซีดขาว ส่ายหน้าช้าๆ ให้นาง

    เป่ยม่อหวางยิ้มเฝื่อนๆ

    “นี่เป็นข่าวที่เพิ่งจะส่งมาถึงกลางดึกคืนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้คนในเป่ยหยาหลี่ต่างกำลังอกสั่นขวัญแขวน เปิ่นหวางจึงสั่งห้ามมิให้ข่าวนี้แพร่งพรายออกไปเป็นการชั่วคราว โชคยังดีที่มีเจ๋ออิ่นช่วยยันเอาไว้อยู่ หาไม่แล้วสถานการณ์คงย่ำแย่ยิ่งกว่านี้เป็นแน่ แต่คานปู้จะยันต่อไปได้อีกกี่วันนั้น แม้แต่เจ๋ออิ่นเองก็ไม่กล้ารับประกันเช่นกัน” เป่ยม่อหวางแหงนหน้าถอนหายใจยาว แล้วหันมาจ้องมองพิงถิงแน่วนิ่ง

    พิงถิงมองสบตาเป่ยม่อหวาง พยักหน้ารับรู้

    “มิน่าเล่าต้าหวางถึงได้ยอมเรียกใช้คนนอกเช่นหม่อมฉัน”

    สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าที่คาดคิดเอาไว้แต่เดิมเสียอีก ฉูเป่ยเจี๋ยช่างสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดขุนพลอันดับหนึ่งแห่งตงหลินจริงๆ

    หญิงสาวนึกกลุ้มอยู่ในใจ และทราบดีว่าหากคิดหาวิธีไม่ได้ละก็ ลูกในท้องของหยางเฟิ่งคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าพ่อเสียแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงมิอาจไม่ข่มสติให้สงบเยือกเย็น หลับตาลง แล้วพยายามคิด

    เป่ยม่อหวางและหยางเฟิ่งทราบดีว่านางกำลังใช้ความคิด จึงไม่ส่งเสียงใดๆ  และนิ่งรออยู่เงียบๆ

    ในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่เงียบสงัดจนชวนอึดอัดแทบหายใจไม่ออก

    หลังจากหลับตานิ่งได้ชั่วครู่ พิงถิงก็ค่อยๆ ลืมดวงตาสุกสกาวขึ้นอย่างแช่มช้า ราวกับเกาะกุมมุกแห่งปัญญาเอาไว้ได้แล้ว ก่อนอื่นหญิงสาวหันไปยิ้มอย่างปลอบใจให้เพื่อนรัก แล้วค่อยเบือนหน้ามามองเป่ยม่อหวาง กล่าวอย่างเยือกเย็นว่า

    “อาจจะพอมีวิธีอยู่เพคะ แต่ก็ต้องได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากต้าหวางด้วยเช่นกัน”

    เป่ยม่อหวางได้รับการบอกเล่าจากหยางเฟิ่งอยู่ก่อน จึงพยักหน้าอย่างไม่มีการลังเล

    “คุณหนูเชิญบอกเงื่อนไขมาได้เต็มที่ ต้องการเงินมีเงินให้ ต้องการของมีของให้”

    “ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันขอให้ต้าหวางแจ้งให้ทราบตามความสัตย์ ว่าเป่ยม่อได้วางไส้ศึกเอาไว้ข้างกายตงหลินหวางใช่หรือไม่ ?”

    เป่ยม่อหวางนิ่งเงียบงันทันที เขาคาดเดาไว้เพียงว่าพิงถิงจะขออำนาจคุมทัพหลักที่แนวหน้าโดยไม่ได้นึกไปถึงเลยว่านางจะถามถึงเรื่องนี้

    ในการรบพุ่งระหว่างแคว้นที่ผ่านมา ต่างต้องพยายามวางไส้ศึกเอาไว้ที่ข้างกายของราชาแคว้นอื่นกันอย่างสุดความสามารถ จะได้ให้ช่วยสืบความลับที่ลับที่สุดของแคว้นนั้น และราชาของแต่ละแคว้นก็จะเลือกใช้บุคคลข้างกายอย่างระมัดระวังถึงที่สุดเช่นกัน เพื่อเป็นการป้องกันไส้ศึกแฝงตัวเข้ามา

    ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จำนวนของไส้ศึกที่สามารถแทรกซึมเข้าไปถึงวงในได้จึงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ด้วยเหตุนี้ข้อมูลของไส้ศึกที่ฝ่ายตนส่งออกไป จึงถือเป็นความลับระดับสูงสุดของแต่ละแคว้นเช่นกัน

    พิงถิงเห็นเป่ยม่อหวางลังเล ก็อธิบายว่า

    “หมินหนฺวี่มิได้คิดที่จะล้วงถามสิ่งใดทั้งสิ้น เพียงแต่แผนนี้จำเป็นต้องให้ผู้ที่แอบแฝงอยู่ข้างกายของตงหลินหวางกระทำจึงจะประสบผล ต้าหวางไม่จำเป็นต้องบอกนามและตำแหน่งในตงหลินของไส้ศึกผู้นั้นแต่อย่างใด ขอให้บอกหมินหนฺวี่แต่เพียงว่า คนผู้นี้สามารถเข้าใกล้อาหารและเครื่องดื่มใดๆ ของตงหลินหวางหรือไม่ก็พอแล้วเพคะ”

    “โอ๊ะ !” หยางเฟิ่งอุทานอย่างตกใจ “พิงถิง หรือว่าเจ้าคิดจะวางยาพิษตงหลินหวาง ?”

    เป่ยม่อหวางขมวดคิ้ว “แผนนี้เกรงว่าจะใช้การไม่ได้ ขอบอกคุณหนูโดยไม่ปิดบัง ข้าได้วางไส้ศึกเอาไว้ที่ข้างกายของตงหลินหวางอยู่ 1-2 คนจริงๆ  และหากอาศัยโอกาสสักเล็กน้อย พวกเขาก็พอจะเข้าไปแตะต้องอาหารของตงหลินหวางได้เช่นกัน แต่เพื่อป้องกันการวางยาพิษ ต้าหวางของแต่ละแคว้นต่างระมัดระวังเรื่องอาหารและเครื่องดื่มเป็นอย่างมาก ก่อนอาหารจะเข้าปากต่างต้องให้คนสนิทที่ไว้วางใจได้ทำการตรวจสอบเสียก่อนว่ามียาพิษอยู่หรือไม่ และผู้ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบเหล่านั้นล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในเรื่องพิษเป็นอย่างดีทั้งสิ้น ดังนั้นแม้คนของข้าจะวางยาพิษ ก็ต้องถูกตรวจพบก่อนที่ตงหลินหวางจะทันได้กินเข้าไปอย่างแน่นอน เช่นนี้การวางยาพิษไม่เพียงแต่ไม่มีส่วนช่วยต่อสถานการณ์เท่านั้น กลับยังจะทำให้ต้องสูญเสียไส้ศึกที่อุตส่าห์แทรกซึมเข้าไปได้อย่างลำบากยากเย็นอีกด้วย”

    พิงถิงกล่าวอย่างใจเย็น

    “หากมียาซึ่งไม่มีทางถูกตรวจพบได้ ก็ไม่เป็นปัญหาแล้วเพคะ”

    “มียาพิษเช่นนั้นอยู่ด้วยหรือ ?”

    “ก็ไม่ถือว่าเป็นยาพิษหรอกเพคะ เรียกได้แค่ว่าเป็นยาสลบเท่านั้น” พิงถิงพูดยิ้มๆ “นี่เป็นยาที่กาลก่อนหม่อมฉันคิดขึ้นมาเพราะว่างมากเกินไป เมื่อใส่ลงในอาหาร ไม่ว่าจะใช้วิธีใดต่างไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งสิ้น หลังจากผู้ใหญ่ทานเข้าไปแล้วจะหมดสติไปสิบกว่าวัน อีกทั้งชีพจรจะเปลี่ยนเป็นเต้นอ่อนมาก ราวกับว่าสามารถลาโลกไปได้ทุกเมื่อ แต่หลังจากหมดฤทธิ์ยา ก็จะฟื้นตื่นขึ้นมาดังเดิม”

    เป่ยม่อหวางกล่าวอย่างยินดี

    “หากสามารถรอดพ้นจากการตรวจสอบไปได้ ปัญหาก็จะหมดสิ้นในทันที นึกไม่ถึงเลยว่าคุณหนูจะมีความสามารถเช่นนี้อยู่ด้วย ไม่ทราบว่าการผสมยาชนิดนี้ต้องใช้เวลากี่วันหรือ ?”

    “สมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้เป็นส่วนประกอบของตัวยาสามารถหาได้ทุกที่ พวกเรามีเวลาไม่มากนัก เพราะจำเป็นต้องรีบทำให้ตงหลินหวางตกอยู่ในภาวะหมดสติก่อนที่คานปู้จะถูกตีแตกให้จงได้” พิงถิงกล่าวตอบอย่างครุ่นคิด “ภายในเวลาหนึ่งวัน หม่อมฉันสามารถผสมยาออกมาได้หนึ่งชุดเพคะ”

    “วิเศษ !” เป่ยม่อหวางหัวเราะร่า “เมื่อตงหลินหวางหมดสติกะทันหัน จะต้องเกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงขึ้นในหมู่ราชนิกุลตงหลินอย่างแน่นอน ลำพังแค่ที่ต้องกำราบแต่ละกลุ่มแต่ละพรรคภายในที่กระเหี้ยนกระหือรือคิดจะชิงบัลลังก์ ฉูเป่ยเจี๋ยก็มิอาจไม่นำทัพกลับตงหลินไปแล้ว”

    หลังจากหัวเราะร่าอยู่ครู่หนึ่ง เป่ยม่อหวางก็เหมือนจะคิดถึงเรื่องอื่นขึ้นได้ จึงถอนหายใจเฮือก

    หยางเฟิ่งเห็นแล้วไม่เข้าใจ แต่พิงถิงเข้าใจดี จึงคลี่ยิ้ม

    “ที่ต้าหวางถอนหายใจ คงเป็นเพราะนึกทอดถอนว่าเหตุใดฤทธิ์ของยาชนิดนี้จึงทำให้รู้สึกไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกระมังเพคะ ? เพราะเพียงทำให้หมดสติไปสิบกว่าวันก็ฟื้นตื่นขึ้นมาเท่านั้น หากมียาพิษที่สามารถรอดพ้นจากการตรวจสอบและทำให้คนถึงตายนำมาทำให้ตงหลินหวางดับชีพ ไยมิเหนื่อยแรงครั้งเดียวสงบสุขไปชั่วกาล ?”

    นางเอ่ยสิ่งที่เป่ยม่อหวางกำลังคิดออกมาได้อย่างถูกต้อง แต่ก็มิได้แสดงทีท่าลำพองแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับถอนหายใจแผ่วเบา

    “ข้าได้ทุ่มเทความพยายามไปไม่ใช่น้อยเพื่อแก้ไขส่วนผสมของยาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่อาจทำให้มันปลิดชีพคนได้อยู่นั่นเอง ไม่เช่นนั้นกุยเล่อคงไม่ต้องถูกตงหลินรุกรานครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ บางทีลิขิตสวรรค์อาจเป็นดังนี้อยู่เองกระมัง เพราะหากสามารถคิดยาพิษเช่นนั้นสำเร็จจริงๆ ละก็ นับแต่นี้เหล่าผู้มีอำนาจของแคว้นใดๆ คงไม่อาจนอนหลับสนิทได้กันถ้วนหน้าเสียแล้ว”

    หยางเฟิ่งได้ฟัง ก็นึกถึงเจ๋ออิ่นที่กำลังอาบเลือดสู้ศึกอยู่ที่คานปู้ ความรู้สึกได้วูบขึ้นในใจทันที นางพึมพำแผ่วเบาแทบไม่อาจได้ยิน

    “ผู้คนในโลกหล้าล้วนนิยมฆ่าฟันกัน ไยต้องหาความทุกข์ใส่ตัวเช่นนี้หนอ ?”

    อย่างไรเป่ยม่อหวางก็คือต้าหวาง จึงมองแต่ความเป็นจริงมากที่สุด และเบนหัวข้อสนทนาหวนกลับมายังเรื่องหลักอย่างรวดเร็ว

    “หลังจากผสมยาสลบเสร็จแล้ว ข้าจะสั่งให้นำไปมอบแก่คนของฝ่ายข้าทันที จะได้เลือกหาโอกาสวางยาตงหลินหวาง แต่เมื่อรวมเวลาในการผสมยากับเวลาเดินทางไปกลับเข้าด้วยกันแล้ว ก็ต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน ทั้งยามนี้คานปู้ยังกำลังวิกฤตถึงขีดสุด ไม่ทราบว่าคุณหนูมีคำแนะนำใด ?”

    จากคุณ : Linmou - [ 2 ธ.ค. 51 11:35:51 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com