แรงอธิษฐาน
ท่ามกลางบรรยากาศอันไม่คุ้นตา ผู้คนต่างเดินขวักไขว่ไม่มีใครสนใจใคร ถึงแม้เหมือนจะไม่มีอะไรสะดุดตาเลยแม้แต่น้อย
...ทั้งๆ ที่น่าจะกลืนไปกับฝูงชนรอบกาย...แต่บุคคลทั้งสองกลับโดดเด่นขึ้นมาจากภาพตรงหน้าได้อย่างน่าประหลาด...
ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองคนที่ต่างเดินอยู่บนบาทวิถีเส้นนั้นไม่ได้มีท่าทีรู้จักกันหรือแม้แต่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกันเลยแม้แต่น้อย
และเพียงชั่วครู่ที่ทั้งสองเดินสวนทางกันภาพทุกอย่างก็จบลง
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นพร้อมๆ กับแสงสว่างที่ส่องลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามายังห้องนอน ภาพสุดท้ายยังคงค้างอยู่ในความทรงจำ
...เป็นอีกหนึ่งคืนแล้วกับความฝันที่ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดแบบนี้...
...มันดูเหมือนจริงมากเสียจนชายหนุ่มเองยังนึกแปลกใจ...
เขาหลับตานึกทบทวนเหตุการณ์ฝันประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงหลังที่ผ่านๆ มา มันเริ่มต้นหลังจากโรคร้ายที่หญิงสาวคนรักของชายหนุ่มกำลังเป็นอยู่เริ่มแสดงอาการและคุกคามเธออย่างหนักจนเธอต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่แต่เพียงบนเตียงในโรงพยาบาล
ความฝันที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอยู่ในนั้น หากแต่นั่นกลับมีความไม่ธรรมดาแฝงอยู่
เหตุการณ์และบุคคลที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยในแต่ละความฝัน หากแต่กลับมีความเกี่ยวพันกันอย่างประหลาดในความรู้สึกของชายหนุ่ม
...ความฝันก่อนหน้านี้...
เขาเห็นชายวัยรุ่นผู้คึกคะนองและหญิงสาวเรียบร้อยท่าทางเจ้าระเบียบเป็นผู้ดำเนินเรื่องราว ในภาพฝันนั้นคนทั้งสองก็ไม่ได้มีท่าทีจะรู้จักกันเลยแม้แต่น้อย จะมีบ้างก็เพียงแค่เดินสวนกันไปมาหรือเดินอยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นบางครั้ง
ชายวัยรุ่นขับรถยนต์ที่เพิ่งซื้อมาด้วยความเร็วสูง และหญิงสาวที่เพิ่งข้ามถนนเส้นนั้นมาวิ่งกลับลงไปเก็บของที่ทำตกไว้อย่างลืมตัว
ร่างกายหญิงสาวหมุนคว้างอยู่กลางอากาศท่ามกลางเสียงกรีดร้องและความโกลาหลของผู้คนรอบบริเวณ
ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดูเหมือนหยุดนิ่งและค่อยๆ ดับวูบไป
...และ...ความฝันหลายคืนก่อนหน้านั้น...
ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานและหญิงสาวคู่รักเป็นเจ้าของเรื่องราวนั้น ถึงแม้จะเป็นเพียงในจินตภาพ แต่เขาเองรู้สึกได้ถึงความรักที่คนทั้งสองมีให้ต่อกัน
คนทั้งสองจะเป็นคู่เหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่งและจะเป็นอีกคู่ที่มีความสุขอย่างแน่นอน
...ในฉากสุดท้ายของเรื่องราว...
ชายหนุ่มนัดพบหญิงสาวในสถานที่ซึ่งได้พบกันเป็นวันแรก เขามั่นหมายจะขอหญิงสาวคนรักแต่งงานในวันนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เขามองดูแหวนสีทองซึ่งถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักในมือและยิ้มออกมาเพียงคนเดียวอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย
ด้วยหัวใจพองโตเมื่อชายหนุ่มเห็นคนรักของเขาเดินทางมาถึงที่หมาย เขาคาดหวังในรอยยิ้มของหญิงสาวในขณะที่เขาจะบรรจงสวมมันเข้ากับนิ้วนางของเธอ
และด้วยความคิดเตลิดอันเปี่ยมสุขนั้น ทำให้ความระมัดระวังหายไปจนหมดสิ้น เขาก้าวเดินลงไปหามัจจุราชสี่ล้อที่วิ่งมาบนพื้นถนนด้วยความเร็วสูง
ร่างกายชายหนุ่มลอยละลิ่วต่อหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รักที่รออยู่อีกฝั่งฝัน แหวนสีทองปลิวหลุดออกจากมือไร้เรี่ยวแรง
...กริ๊ง...
เสียงกระทบพื้นแผ่วเบานั้นดังเสียดไปถึงหัวใจของหญิงสาว ทุกสิ่งดูเลื่อนลอย เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาไหลนองหน้า
...เรื่องราวซึ่งน่าจะเป็นความฝันแสนสุขจบลงเพียงแค่นั้น...
เมื่อลองนึกทบทวนภาพฝันที่ผ่านๆ มาแล้วชายหนุ่มพบว่าในแต่ละเรื่องราวดูเหมือนจะเป็นคนละยุคละสมัยกัน เมื่อดูจากบรรยากาศและการแต่งตัวของบุคคลในนั้นความฝันครั้งแรกๆ ดูเหมือนจะเป็นยุคที่ใกล้เคียงกับในปัจจุบันมากกว่า
...และแน่นอน...ช่วงเวลาในความฝันช่วงรุ่งสางที่ผ่านมาย้อนกลับไปไกลกว่าฝันอื่นๆ ทั้งหมด...
ทุกๆ ครั้งในความฝันชายหนุ่มจะมองเห็นหญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าที่โดดเด่นกว่าบรรยากาศภายในนั้นเป็นผู้ดำเนินเหตุการณ์
และถึงแม้ทุกๆ ครั้ง บุคคลที่ดำเนินเรื่องทั้งสองจะมีหน้าตา บุคลิก และการกระทำที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกได้ว่า บุคคลทั้งสองในแต่ละเรื่องราวฝันนั้นมีอะไรบางอย่างโยงใยถึงกัน
...และอะไรบางอย่างนั้น ก็เชื่อมโยงมาถึงตัวชายหนุ่มเองด้วย...
มันดูเหมือนจะมีจุดเชื่อมอะไรบางอย่างในแต่ละเรื่องราว แต่มันอะไรกันแน่ที่ซุกซ่อนอยู่ในความฝันที่ดูเหมือนจะแสนธรรมดานี้
ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะหันไปมองสิ่งๆ หนึ่งที่วางไว้ตรงหัวเตียงพลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อเย็นวานที่ผ่านมา
พรุ่งนี้แม่คงจะให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจของน้องออกแล้วล่ะลูก ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะเหนี่ยวรั้งน้องเขาไว้...
แม่ของหญิงสาวคนรักพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถึงแม้จะพยายามข่มความเศร้าโศกเอาไว้แล้วแต่เสียงสะอื้นไห้ที่เล็ดลอดออกมาก็บ่งบอกถึงความเสียใจได้เป็นอย่างดี
และถึงจะเป็นเพียงแค่เสียงเบาๆ เท่านั้น แต่มันก็ยังคงชัดเจนและดังก้องอยู่ในหัวสมองของชายหนุ่มมาจนถึงตอนนี้
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงที่เขาเพิ่งมองดูเมื่อสักครู่ก่อนจะเปิดมันออกและเหม่อมองสิ่งที่อยู่ข้างใน
...แหวนสีทองเรืองรองที่ชายหนุ่มตั้งใจจะให้หญิงสาวในวันนี้...
จิตใจวูบไหวอย่างประหลาดกับความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้
วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว...
................................
...เตียงนอนสีขาวสะอาดในโรงพยาบาล
หญิงสาวที่นอนอยู่บนนั้นหลับตานิ่งไม่แสดงอาการรับรู้ต่อสิ่งรอบกายใดๆ อีกต่อไป ร่างกายผอมแห้ง ผิวที่ซีดเผือดบ่งบอกถึงขีดสุดของสภาพร่างกายได้เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างร่างอันปราศจากการตอบรับนั้น ดวงตาหม่นจ้องใบหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รัก เรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาช่างเหมือนฝันร้าย ทั้งๆ ที่เขาและเธอน่าจะมีความสุข แต่ทุกอย่างก็พังทลายลง
เขาหยิบสิ่งที่ตั้งใจนำมันมามอบให้หญิงสาวคนรักออกจากกล่องกำมะหยี่ ฉับพลันมโนภาพหนึ่งก็ผุดแทรกขึ้นมาในหัวสมองของชายหนุ่ม
หญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้ายืนอยู่ในบรรยากาศซึ่งช่วงเวลาย้อนถอยกลับลงไปไกลกว่าช่วงรุ่งสางที่ผ่านมา
รอบกายปราศจากใครอื่น บรรยากาศเงียบสงัดไม่ได้ยินแม้แต่เสียงร้องของแมลงหรือลมพัด
หากความรักของเราต้องทำให้เราทั้งคู่ทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าชาติใดภพใดต่อจากนี้ขออย่าให้เราต้องพบและรักกันอีกเลย...
...ถึงแม้ชายหนุ่มในมโนภาพจะบอกกับหญิงสาวอันเป็นที่รักแบบนั้น...แต่ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงความเสียใจอันมากมายมหาศาลนั้น...
น้ำที่ไหลออกมาจากดวงตาแข็งกร้าวนั้นเป็นน้ำตาแห่งความผิดหวังจากการถูกกีดกันในความรักครั้งแล้วครั้งเล่า ความรักที่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ไม่อาจฝ่ากำแพงมหึมานั้นไปได้
...นั่นส่งผลให้จิตใจอันอ่อนล้าและหนักหน่วงของชายหนุ่มในภาพฝันไม่อาจทนกับความรักแสนขมขื่นที่ไม่มีวันเป็นจริงได้อีกต่อไป...
หญิงสาวเองก็เช่นกัน เธอเสียใจไม่ได้น้อยไปกว่าคนรักของเธอเลย เสียงร้องไห้ฟูมฟายนั้นไม่ได้แสดงการยอมรับในความคิดของชายหนุ่มตรงหน้าแม้แต่น้อย เธอโอบกอดชายคนรักเสมือนต้องการจะบอกให้เขารับรู้ว่าเธอนั้นรักเขามากเพียงใด
...นั่นเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มและหญิงสาวผู้ซึ่งจิตใจแหลกสลายไปพร้อมๆ กับความรักที่เกิดขึ้นแต่ไม่อาจเป็นจริงได้...
................................
ขอบตาเรื้อด้วยน้ำใสจากมโนภาพที่ได้เห็น เรื่องราวทั้งหมดถูกประติดประต่อเข้าด้วยกันจากเรื่องราวสุดท้ายอันไม่คาดคิดนั้น แหวนสีทองถูกสวมเข้ากับนิ้วนางข้างซ้ายอันซีดขาวของหญิงสาวคนรัก เขาก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของเธอ
ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะอีกกี่ภพกี่ชาติ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน จะเป็นใคร ผมจะตามหาคุณจนพบ และเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปทุกๆ ชาติ ผมจะไม่ยอมให้เราต้องแคล้วคลาดกันอีกแล้ว...
น้ำอุ่นไหลลงมาอาบแก้มตอบของชายหนุ่ม เขาแนบหน้าลงกับแก้มซีดของหญิงสาวดวงตาหมองหม่นเหม่อลอย
รอผมนะ คนดีของผม
เสียงสะอื้นไห้แผ่วเบาปนอยู่ในน้ำเสียงสุดท้าย
หยาดน้ำรินไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิทของหญิงสาว รอยยิ้มเจือจางเพียงชั่วอึดใจปรากฏที่มุมปากก่อนลมหายใจสุดท้าย
เสมือนต้องการจะบอกว่าเธอได้รับรู้และยินดีต่อคำอธิษฐานในครั้งนี้ของชายหนุ่ม...
................................
...แดดอ่อนยามเช้าส่องผ่านกรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยมให้แสงสว่างและความอบอุ่นภายในห้อง
ชายหนุ่มลืมตาตื่นจากความฝันอันแสนเศร้า น้ำตายังคงเรื้ออยู่ที่ขอบตา ใจหายบอกไม่ถูกกับอารมณ์และความรู้สึกที่แฝงอยู่ในภาพฝันนั้น
...มันเหมือนจริงมากจนเขาเองยังนึกแปลกใจ...เสมือนมันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน...
ชายหนุ่มและหญิงสาวแปลกหน้าในความฝัน ถึงแม้ทุกครั้งในนั้นชายหนุ่มและหญิงสาวจะมีรูปร่าง หน้าตา อากัปกิริยา แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่เขากับรู้สึกคุ้นเคยกับบุคคลเหล่านั้นอย่างประหลาด
ชายหนุ่มพลิกตัวตะแคง ข้างกายของเขาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันบนเตียงในห้องนอนซึ่งถูกใช้เป็นเรือนหอของคู่แต่งงานใหม่ในค่ำคืนที่ผ่านมา
หญิงสาวผู้ซึ่งชายหนุ่มเพิ่งสวมแหวนสีทองอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความผูกพันให้แก่เธอท่ามกลางสักขีพยานและบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยความสุขเมื่อค่ำคืนลืมตาตื่นและมองมายังชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว
...ทั้งสองจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาเปี่ยมสุขของกันและกันอย่างรู้ความนัยก่อนจะส่งยิ้มให้กันด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่สุด...
จากคุณ :
KTH
- [
6 ธ.ค. 51 11:54:19
A:61.91.162.42 X: TicketID:187608
]