Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    [นิยายแปล] จอมนางคู่บัลลังก์ บทที่ 15 เขียนโดย...เฟิงน่ง

    บทที่ 1 - 14  http://my.dek-d.com//story/view.php?id=423352



    บทที่ 15


    ภายในเมืองคานปู้ เจ๋ออิ่นเพิ่งจะหลับลงได้

    เพิ่งจะหลับลงได้เท่านั้น...ก็มีอันถูกเสียงตบประตูที่ดังหนวกหูเป็นพิเศษท่ามกลางวิกาลอันเงียบสงัดปลุกจนตื่นขึ้นมาอย่างปุบปับ

    ผู้ที่หาญกล้าบุกเข้ามาเคาะประตูในที่พักของเขาตอนดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น และคนผู้นี้...ไม่ว่าจะโดยส่วนตัวหรือส่วนรวม...เขาล้วนไม่อาจแสดงอาการไม่พอใจใดๆ ทั้งสิ้นต่อความบุ่มบ่ามไร้มารยาทของ ‘นาง’

    “ข้าคิดออกแล้ว !”

    ไม่ทราบเป็นเพราะตื่นเต้นหรือกังวล พวงแก้มซีดเซียวของพิงถิงในยามนี้จึงปรากฏสีชมพูระเรื่ออยู่จางๆ  มือของนางถือหนังสือซึ่งดูจะผ่านวันเวลามายาวนานไม่ใช่น้อยเล่มหนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง

    ก่อนอื่นหญิงสาวเดินไปปรับแสงตะเกียงให้ส่องสว่าง ย้ายมาวางยังมุมหนึ่งของโต๊ะ แล้วค่อยกางหนังสือลงบนโต๊ะพลางพูดว่า

    “โชคดีนะที่หลังจากอ่านบันทึกท้องถิ่นของเจ้าเมืองคานปู้คนก่อนจบ ก็ไปพลิกอ่านหนังสือเก่าๆ เล่มอื่นดูด้วย ไม่อย่างนั้นมีหวังรอจนกองทัพของเราบาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วงไปแล้ว ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนอะไรเข้าให้เป็นแน่ ท่านขุนทัพโปรดดูตรงนี้เถิด”

    เจ๋ออิ่นก้มหน้าลงมองตำแหน่งที่นิ้วเรียวดุจลำเทียนชี้ คิ้วดกหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย

    “ผึ้งพิษ ?”

    “ผึ้งชนิดนี้ปรากฏให้เห็นแต่ในเทือกเขาละแวกเมืองคานปู้เท่านั้น จากที่ในบันทึกได้บอกกล่าวเอาไว้ รังของมันน่าจะอยู่ในที่ซึ่งเป็นป่าหนาทึบ พิษของผึ้งพิษรุนแรงมาก ขอเพียงถูกมันต่อยใส่ไปหนึ่งครั้ง แม้แต่วัวป่ายังต้องล้มอย่างไม่อาจต้านอยู่ พิงถิงหลงใหลในวิชาสมุนไพรมาแต่ไหนแต่ไร จึงพอจะเคยได้ยินเรื่องผึ้งพิษชนิดนี้มาบ้างเหมือนกัน วันนี้เคราะห์ดีที่ได้ท่านขุนทัพช่วยสะกิดเตือน จึงค่อยรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างประหลาดและไล่ค้นอ่านบันทึกพวกนี้ตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็หา ‘มัน’ พบจนได้ !”

    หญิงสาวพบว่าสีหน้าของเจ๋ออิ่นบอกความรู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างยากที่จะปิดบัง จึงถามออกไปตรงๆ

    “ท่านขุนทัพเห็นว่ามีที่ใดผิดพลาดอยู่กระมัง ?”

    “คุณหนูคาดเดาว่าฉูเป่ยเจี๋ยจะใช้ผึ้งพิษโจมตีกองทัพของเราหรือ ?” เจ๋ออิ่นถาม “เรื่องนี้การพูดนั้นง่ายดาย แต่ทำจริงได้ยากยิ่ง ข้ารู้จักผึ้งพิษชนิดนี้ ยิ่งกว่านั้นยังมีทหารตงหลินบางคนถูกมันต่อยตายมาแล้วด้วยซ้ำ แม้ผึ้งพิษจะร้ายกาจมากอยู่ แต่การจะใช้มันมาทำให้การป้องกันของเมืองเมืองหนึ่งแตกทลายกลับทำได้ยากมาก เพราะจะไปมีผึ้งพิษจำนวนมากขนาดนั้นมาต่อยทหารได้อย่างไร ?”

    พิงถิงคิดถึงปัญหานี้อยู่ก่อนแล้ว จึงอธิบายอย่างอดทน

    “นี่แหละคือเหตุผลที่ฉูเป่ยเจี๋ยส่งคนเข้าไปในป่าละเมาะร้อยหลี่ เพราะที่นั่นเป็นที่ซึ่งมีรังของผึ้งพิษอยู่ มีแต่ในป่านั่นเท่านั้นที่สามารถรวบรวมผึ้งพิษได้มากพอ”

    “แม้ฉูเป่ยเจี๋ยจะร้ายกาจ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถทำได้ไปเสียทุกเรื่อง เขาไม่ใช่ชาวเป่ยม่อ แล้วจะไปทราบได้อย่างไรว่าในป่าละเมาะมีผึ้งพิษนี้อยู่ ทั้งยังนำมันมาใช้ประโยชน์ ?”

    พิงถิงถอนหายใจ “จนป่านนี้แล้วท่านขุนทัพก็ยังประเมินความสามารถของฉูเป่ยเจี๋ยต่ำเกินไปอยู่อีกหรือนี่ ทหารของเขาจำนวนหลายหมื่นคนตั้งค่ายทัพอยู่ละแวกนี้ ในหมู่ทหารใต้สังกัดย่อมต้องมีคนที่ถูกผึ้งพิษต่อยเสียชีวิตไปบ้าง ด้วยนิสัยของฉูเป่ยเจี๋ย เมื่อได้ทราบว่าละแวกใกล้เคียงมีอาวุธธรรมชาติชนิดนี้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อยู่ เขาจะต้องรีบส่งคนไปสืบหยั่งนิสัยของผึ้งพิษในทันทีอย่างแน่นอนเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และนี่เองคือสาเหตุที่ระยะนี้ทัพตงหลินไม่ได้บุกโจมตีเมือง”

    เจ๋ออิ่นยังคงส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร

    พิงถิงยืนกรานหนักแน่น

    “ในบันทึกกล่าวไว้ว่า ผึ้งพิษมีปฏิกิริยาต่อน้ำเลี้ยงของต้นซานฮัว(๑)ไวเป็นพิเศษ โดยจะสามารถได้กลิ่นน้ำเลี้ยงของต้นซานฮัวแต่ไกล และน้ำเลี้ยงของต้นซานฮัวสามารถทำให้ผึ้งพิษเกิดอาการคลุ้มคลั่ง

    “สองฝั่งตะวันออกและตะวันตกนอกเมืองคานปู้มีป่าต้นซานฮัวอยู่บริเวณใหญ่ หากฉูเป่ยเจี๋ยคิดจะใช้ผึ้งพิษโจมตีทัพเราละก็ เขาต้องลอบสั่งให้คนไปตัดต้นซานฮัวในป่านี้อย่างแน่นอน และขอเพียงยิงกิ่งซานฮัวที่มีน้ำเลี้ยงไหลซึมด้วยธนูเข้ามาในเมืองคานปู้ จากนั้นค่อยปล่อยผึ้งพิษจำนวนมหาศาล ทหารป้องกันเมืองคงต้องบาดเจ็บล้มตายกันไปกว่าครึ่งเป็นแน่

    “รอจนผึ้งพิษจากไปจนหมด ทัพตงหลินค่อยบุกเข้าตีเมือง ก็จะสามารถทำลายแนวปราการป้องกันด่านสุดท้ายของเป่ยม่อลงได้ในทันที”

    เจ๋ออิ่นเห็นหญิงสาวบรรยายสถานการณ์อย่างวิกฤตร้ายแรงมาก ก็อดเริ่มที่จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งไม่ได้ และพูดว่า

    “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบป่าซานฮัวที่นอกเมืองฝั่งตะวันออกกับตะวันตกเดี๋ยวนี้ว่าถูกคนตัดไปบ้างหรือไม่” จบคำก็เรียกทหารรับใช้ของตนเข้ามาออกคำสั่ง แล้วค่อยหันกายมากล่าวว่า “หากเหตุการณ์เป็นเช่นที่คุณหนูว่ามาจริงๆ  ความบ้าบิ่นและพิสดารในการใช้แผนของฉูเป่ยเจี๋ยนับว่าอยู่เหนือความคาดหมายอย่างยิ่งโดยแท้ แต่เจ๋ออิ่นยังมีจุดที่ไม่เข้าใจอยู่จุดหนึ่ง” เว้นช่วงเล็กน้อย ค่อยเอ่ยต่อว่า

    “โปรดอภัยที่เจ๋ออิ่นกล่าวตรงๆ  แผนนี้พิสดารเกินความคาดหมายอย่างมาก คุณหนูมีความมั่นใจต่อการคาดเดาของตัวเองอยู่กี่ส่วนกันหรือ ?”

    “มีความมั่นใจกี่ส่วน ?”

    พิงถิงนิ่งตะลึง เก็บงำความตื่นเต้นยินดีที่สามารถคาดเดาแผนการพิสดารของศัตรูออก นั่งลงลูบผมตัวเองอย่างเหม่อลอยอยู่ชั่วครู่ จึงค่อยฝืนเค้นรอยยิ้มเฝื่อนๆ

    “กับแผนการที่ประหลาดเสียจนไม่น่าเชื่อเช่นนี้ หากบอกว่าข้ามีความมั่นใจเต็มสิบส่วน ท่านขุนทัพคงจะรู้สึกว่าน่าขำสิ้นดีเป็นแน่ แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด ตอนที่ข้านึกถึงแผนผึ้งพิษขึ้นได้ ข้าก็มั่นใจอย่างมากในทันทีว่านี่ต้องเป็นแผนที่ฉูเป่ยเจี๋ยจะใช้อย่างแน่นอน” จากนั้นจึงฝืนยิ้มมุมปากให้ขุนทัพหนุ่ม กล่าวเยาะหยันตัวเองว่า

    “หากป๋ายพิงถิงไม่สามารถคาดเดาความคิดของฉูเป่ยเจี๋ยได้ เช่นนั้นยังจะมีประโยชน์ใดต่อเป่ยม่ออยู่อีกเล่า ?”

    ภายในห้องแสงตะเกียงไหววูบวาบ ข้างนอกห้องหิ่งห้อยบินอ้อยอิ่ง

    จันทร์กระจ่างลอยอยู่สูง สาดส่องทั่วทั้งในและนอกเมือง

    ทั้งในและนอกเมือง...ล้วนมีทหารที่คิดถึงบ้านอยู่ในความฝัน ความเป็นและความตายของพวกเขา...ขึ้นอยู่กับความคิดเพียงชั่ววูบของผู้ซึ่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุด

    ทายถูก...หรือทายผิด มีแต่ยิ่งทำให้รู้สึกว่านี่คือการละเล่นอันโหดเหี้ยม

    คู่ต่อสู้...กลับเป็น “เขา” เสียได้

    พิงถิงลูบปลายผมตัวเอง แม้อ่อนโยนเพียงใด ก็ไม่ทัดเทียมนิ้วมือของเขา...ที่เคยลูบผ่านเส้นผมดำขลับดุจแพไหมอย่างแผ่วเบาและแช่มช้า แล้วคลี่ยิ้มเรียบเรื่อยออกมาท่ามกลางราตรีกาล เอ่ยว่า “นี่คือของข้า”

    ใครจะนึกว่าหัวใจสลายรุนแรงถึงเพียงนี้ ก็ไม่มีผู้ใดมาเฝ้าถนอมปลอบประโลม...

    “ท่านขุนทัพทราบหรือไม่ว่าเวลานี้ข้าอยากจะทำสิ่งใดมากที่สุด ?”

    “ความคิดของคุณหนู เจ๋ออิ่นคาดเดาไม่ถูกจริงๆ ขอรับ”

    พิงถิงเม้มปากอมยิ้ม

    “เหมือนกับท่านขุนทัพนั่นแหละเจ้าค่ะ อยากจะนอนหลับให้สนิทสักตื่น” หว่างคิ้วตึงแน่นจนปวดแปลบ หญิงสาวใช้ปลายนิ้วคลึงเบาๆ เอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อเผชิญกับฉูเป่ยเจี๋ย มีผู้ใดบ้างที่สามารถวางใจนอนหลับสนิทอย่างแท้จริงได้ ?”

    หญิงสาวถอนหายใจเฮือกอย่างอดไม่อยู่ แล้วส่ายหน้าน้อยๆ ให้ตัวเอง

    จอมทัพไม่ควรที่จะถอนหายใจ นางไม่ใช่จอมทัพที่ดีจริงๆ

    นงรามนั้นใต้จันทรา เศร้าโศกาอย่างเงียบงัน...

    เจ๋ออิ่นลอบนึกเสียใจที่เผลอพลั้งปากพูดให้พิงถิงต้องปวดร้าว จึงกระแอมเบาๆ  เปลี่ยนเรื่องว่า

    “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทราบให้กระจ่างชัด หากถูกผึ้งพิษต่อยเข้า จะมียาใดใช้รักษาได้หรือไม่ ?”

    พิงถิงขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้ม

    “นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ข้ามั่นใจว่าฉูเป่ยเจี๋ยจะต้องใช้ผึ้งพิษ ทันทีที่พิษผึ้งเข้าสู่กระแสเลือด ก็จะทำให้ถึงแก่ความตาย แต่ถ้าดื่มสมุนไพรซึ่งผสมน้ำเลี้ยงของต้นซานฮัวเข้าไปก่อนที่จะถูกต่อย ก็จะสามารถป้องกันพิษผึ้งได้ ในบันทึกกล่าวไว้ว่า ในสมัยก่อน ผู้ที่ต้องเข้าไปในป่าละเมาะร้อยหลี่ต่างต้องต้มยาสมุนไพรชนิดนี้มาดื่มเพื่อเป็นการป้องกันเผื่อว่าอาจจะถูกผึ้งพิษต่อยด้วยกันทั้งสิ้น ขอเพียงทหารตงหลินทุกคนดื่มยาสมุนไพรชนิดนี้ลงไปล่วงหน้า ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผึ้งพิษหลงมาทำร้ายกันเองแล้ว”

    “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือนี่” คิ้วเข้มของเจ๋ออิ่นขมวดมุ่น ลูบเครารกครึ้มที่ใต้คางพลางกล่าวว่า “หากทัพตงหลินปล่อยผึ้งพิษออกมาในตอนบุกตีเมือง ทหารของฝ่ายเราจะหลบรึก็ไม่สามารถป้องกันเมืองได้ จะไม่หลบก็ต้องถูกผึ้งต่อยเข้าให้อย่างแน่นอน”

    ระหว่างที่รอคอยอย่างกระสับกระส่าย ทหารรับใช้ที่ส่งไปสืบเสาะก็ได้วิ่งกลับมาอย่างรีบร้อน ก้าวเข้าประตูมาแล้วก็คุกเข่าลงทันที รายงานเสียงดังว่า

    “ท่านขุนทัพ ป่าซานฮัวที่นอกเมืองฝั่งตะวันออกและตะวันตกถูกคนโค่นไปแล้วจริงๆ ขอรับ !”

    เจ๋ออิ่นหันขวับมาทันควัน ถามเสียงเครียด

    “ทำไมถึงถูกคนเขาโค่นป่าไปโดยไม่รู้ตัวแบบนี้ได้หา ?”

    ทหารรับใช้ไม่ทราบความนัยที่แฝงอยู่ของเรื่องนี้ แต่ก็พอจะทราบเช่นกันว่าสถานการณ์ไม่เข้าที จึงรีบกล่าวว่า

    “เมืองฟากตะวันออกกับตะวันตกอยู่ไกลจากกำแพงเมืองคานปู้ออกไปมาก ตั้งแต่ท่านขุนทัพออกคำสั่งให้รวมกำลังพลป้องกันคานปู้อย่างเหนียวแน่น กองทัพย่อยพันคนซึ่งเฝ้าตั้งมั่นอยู่ที่สองเมืองนั้นจึงถูกถอนกำลังกลับมาขอรับ ทัพตงหลินคงต้องส่งทหารกองใหญ่ไปลอบตัดไม้ในป่า แล้วจากไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่ ถึงได้ไม่ทำให้ทหารเฝ้ารักษาการณ์ในสองเมืองนั้นของพวกเรารู้สึกถึงความผิดปกติเช่นนี้”

    พิงถิงถามแทรกขึ้นว่า

    “ได้สำรวจดูต้นซานฮัวที่ถูกโค่นไปอย่างละเอียดหรือไม่ ? พอจะคาดเดาได้ไหมว่าถูกโค่นไปนานประมาณเท่าไร ?”

    “น้ำเลี้ยงในลำต้นที่ถูกโค่นได้จับตัวเป็นยางเหนียว ดูท่าทางน่าจะถูกโค่นไปเมื่อวานซืนนี้เป็นอย่างน้อยขอรับ”

    เจ๋ออิ่นหันมาสบตาบอกความหมาย “เป็นอย่างที่คิดจริงๆ” กับพิงถิง ก่อนจะขบกรามพูดเสียงหนัก

    “ถ่ายทอดคำสั่ง ! รีบไปตั้งหม้อใบใหญ่เตรียมต้มยาเดี๋ยวนี้ เจ้าจงนำทหารมือดีหนึ่งพันคนไปที่ป่าซานฮัว แล้วตัดต้นซานฮัวที่เหลือทั้งหมดมาให้ข้า !”

    “ช้าก่อน !” พิงถิงโบกมือห้าม กล่าวเนิบๆ “ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าฉูเป่ยเจี๋ยได้วางกำลังคนดักซุ่มอยู่ในป่ารอให้พวกเราเดินเข้าสู่กับดักเองหรือไม่ ต่อให้ฝ่ายเราสามารถรวบรวมต้นซานฮัวได้มากพอก็เถิด เพิ่งจะมาต้มยาเอาตอนนี้ก็ไม่ทันการณ์แล้ว ท่านขุนทัพ ฟ้าใกล้จะสางแล้ว”

    กล่าวจบก็ชี้มือไปที่นอกหน้าต่างซึ่งขอบฟ้าได้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา

    เจ๋ออิ่นจ้องมองท้องฟ้าเขม็ง กล่าวเสียงหนัก

    “ฉูเป่ยเจี๋ยไม่แน่ว่าจะคิดไปถึงว่าพวกเราสามารถคาดเดาแผนผึ้งพิษของเขาได้ และผึ้งพิษเองก็ไม่แน่ว่าจะรวบรวมมาได้ครบถ้วนแล้ว ขอเพียงเขาไม่ได้บุกตีเมืองในวันนี้ พวกเราก็สามารถฉวยโอกาสจากการคาดคิดไม่ถึงของเขาคว้าชัยชนะครั้งใหญ่มาได้”

    พิงถิงถอนหายใจ “ฉูเป่ยเจี๋ยไม่มีทางทำการใดโดยสะเพร่าอย่างเด็ดขาด หลังจากโค่นต้นซานฮัวแล้ว ใช้เวลาหนึ่งวันครึ่งก็สามารถต้มเป็นยาให้ทหารดื่มได้ ส่วนน้ำเลี้ยงต้นซานฮัวที่เหลือก็นำมาใช้ล่อผึ้งพิษ ต้นซานฮัวถูกโค่นไปเมื่อวานซืน ถึงวันนี้...เขาได้เตรียมการพร้อมสรรพแล้ว”

    เจ๋ออิ่นสะท้านเฮือกทันที สองตาเบิกกว้าง เนิ่นนานให้หลังจึงค่อยเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาว่า

    “งั้นพวกเราควรทำยังไงดี ?”

    พิงถิงไม่ได้เอ่ยตอบในทันที แต่กลับเดินไปที่หน้าต่าง ยื่นมือออกไปผลักบานหน้าต่างซึ่งเดิมทีแง้มเปิดอยู่เพียงครึ่งเดียวให้เปิดกว้าง หลับตาลงสูดอากาศเย็นสดชื่นของยามเช้าตรู่เข้าไปลึกๆ

    รอจนอากาศเย็นชื่นใจเข้ามาหมุนวนอยู่ในอกซึ่งกำลังอึดอัดกลัดกลุ้มไปหนึ่งรอบ หญิงสาวจึงค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ กล่าวอย่างเยือกเย็น

    “ท่านขุนทัพไม่ต้องกังวล พิงถิงคาดเดาได้ตั้งแต่ก่อนที่จะเดินทางออกจากเป่ยหยาหลี่แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ ที่ผ่านๆ มาผู้ซึ่งต้องปะทะกับฉูเป่ยเจี๋ยในสนามรบต่างไม่มีผลบั้นปลายที่ดีทั้งสิ้น เว้นแต่ว่าเขาจงใจอ่อนข้อให้”

    จากคุณ : Linmou - [ 6 ธ.ค. 51 17:31:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com