บรรยากาศยามรุ่งอรุณ ของเมืองหลวงแห่งแคว้นอาฟอดช่างเงียบเหงานัก ชาวเมืองส่วนใหญ่ล้วนปิดบ้านเงียบอยู่ในที่พัก หลังจากงานเทศกาลประจำปีเลิกยามรุ่งสาง ทั่วทั้งตลาดยามนี้มีเพียงกลุ่มพ่อค้าเร่เล็กๆ ยืนกระวนกระวายราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง และพนักงานทำความสะอาด ที่คอยเก็บกวาดความเรียบร้อยของบริเวณที่จัดงาน ก่อนที่กิจการอันวุ่นวายในวันนี้จะดำเนินต่อไปในยามสายเท่านั้น
เป็นไง เจอมั้ย เสียงกระซิบอย่างร้อนรนของคนหลายคนที่เข้ามาสมทบและถามไถ่กันเอง ดึงความสนใจของหญิงสาวนางที่ยืนนิ่งอยู่ให้ออกจากสมาธิได้
ต่างคนต่างส่ายหน้า นำความผิดหวังให้กับกลุ่ม พ่อค้าเร่ ที่ยืนกระวนกระวายอยู่กับที่ยิ่งนัก ด้วยพวกตนยืนรออยู่ที่เดิมมาร่วม 2 ชั่วยามแล้ว
ก่อนที่ใครในกลุ่มจะตกลงเรื่องการค้นหาบุคคลที่ยังไม่มา ณ จุดนัดหมายได้ นายทหารกลุ่มหนึ่งก็ตรงรี่เข้ามายังกลุ่มพวกตน ด้วยความเร็วอันน่าตกใจ!!
มิใช่เพียงกลุ่ม พ่อค้าเร่ เท่านั้นที่สังเกตเห็นทหารกลุ่มนี้ พวกพนักงานทำความสะอาดก็เห็น และแอบซุบซิบกันว่า ทหารกลุ่มนั้นจะทำอะไรกลุ่มพ่อค้าเร่ที่ดูน่าสงสัยอย่างยิ่งนั้น
หากพนักงานทำความสะอาด กลับแปลกใจยิ่งนัก เมื่อเห็นนายทหารหลายนายที่ท่าทางจะมียศไม่เล็กนักตรงเข้ามายังกลุ่ม พ่อค้าเร่ อีกทั้งยังไม่มีท่าทางคุกคามกลุ่ม พ่อค้าเร่ ที่ทำทีเหมือนคอย ใคร หรือสังเกต อะไร ลับๆ ล่อๆ ในบริเวณนั้น ตรงข้ามกลับดูสุภาพจนเกือบจะอ่อนน้อมด้วยซ้ำ
พวกนางเห็นเพียงกลุ่ม พ่อค้าเร่ ที่ทำท่าราวกับสื่อจิตกับทหารที่มาใหม่ อย่างไม่มีเค้าความแปลกหน้าสักนิด ทั้งที่การ สื่อจิต กับใครนั้น อย่างน้อย ผู้สื่อ ต้องรู้จัก ผู้ที่จะสื่อจิต ด้วย แล้วเหตุใด พ่อค้าเร่ กลุ่มเล็กๆ นี้จึงรู้จักทหารเหล่านี้ได้
แต่พวกนางก็ไม่ได้ติดใจสงสัยนานนัก ด้วยเพียงไม่นานทหารเหล่านั้นก็นำกลุ่ม พ่อค้าเร่ ทั้งหลายจากไป เหล่าพนักงานทำความสะอาดทั้งหลาย โต้ถึงโทษที่คนกลุ่มนั้นอาจจะได้รับอยู่ไม่นาน ก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นๆ แทน...
ด้านหัวหน้าคณะพ่อค้าเร่ที่ถูกทหาร คุม ตัวไปนั้น ยังคงสื่อจิตกับ นายทหารติดตาม อย่างเคร่งเครียด
ท่านพ่อบอกว่าไม่ต้องตามหาองค์หญิงซารารินแล้ว? ให้รีบกลับด่วน แค่นั้นหรือ?
พ่ะย่ะค่ะ
แล้วท่านรับสั่งสิ่งใดอีกหรือไม่?
เพียงรับสั่งให้พวกเกล้ากระหม่อมมารับองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ
แสงจันทร์สะกิดราชิดให้เลิกสื่อจิตหมู่ ที่แสนเครียดจนชวนสยองเกล้า แก่นายทหารที่เพียงทำตามรับสั่งเจ้าเหนือหัวเท่านั้น
ก็ได้ๆ ราชิตรับคำ ก่อนกล่าวต่อ แต่เจ้าต้องไปพบท่านพ่อกับข้านะ ข้าว่าท่านคงอยากพบผู้มี ธาตุพิเศษ เช่นเจ้าแน่ๆ ว่าแต่ทำไมเจ้าไม่ลองใช้ธาตุในตัวเจ้า ทาย ผลของมันดูหน่อยล่ะ
การทายทักอนาคตนั้น จะต้องมีปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงตัวของผู้ที่จะทำนายด้วย แต่การทายทักอนาคตของบางผู้ก็มิอาจทำนายได้โดยง่าย แสงจันทร์ตอบด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขณะนึก
...โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ต้องการให้ข้าทำนาย ถึงขนาดแอบเอาผลไม้ผสมยาประหลาดมาให้ข้าทาน... หากข้าไม่ทราบผลอยู่แล้วจากอีกผู้นึงล่ะก็ นะ...
อืม... อย่างไร เจ้าก็ควรเข้าไปกับข้าด้วย องค์ชายผู้สูงศักดิ์ยังคงย้ำ
แสงจันทร์รับคำ โดยไม่วายหันไปแอบกระซิบเสียงไม่เบานักกับ พี่ สาวผมทองซึ่งตามมาติดๆ ว่า เล่นสรุปเอาเองกันอย่างนี้ แล้วใครจะกล้าปฏิเสธกันเล่า
หลังพูดจบสาวๆ ในคณะต่างพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่ อีกทั้งเสียงกระแอมไอที่ดังลั่น จากเหล่าหนุ่มๆ รวมถึงเหล่าทหารองครักษ์ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย จนใครบางคนที่หน้าบึ้งสนิทเริ่มยิ้มได้ และรู้สึกชื่นชมชายาตนยิ่งนัก ที่ทำให้การเดินทางกลับวังรอบนี้ดูเหมือนสั้นกว่าเคย
ห้องทรงอักษร วังหลวงอาฟอด
องค์ราชา - รานีต่างนั่งพระพักตร์เคร่งรอรับเจ้าชาย และชายา หลังจากทหารปิดบานทวารดีแล้ว องค์ราชาก็ยื่นสาสน์สีดำ มีตราประทับของมูนัสชัดแจ้งให้ผู้เป็นบุตร พร้อมทั้งพยักพักตร์ให้อ่าน
ราชิตเหลือบเนตรมองชายา และส่งสาสน์ไปให้
ทันทีที่สัมผัส แสงจันทร์สะดุ้งวูบ ภาพองค์กษัตริย์ผู้เขียนสาสน์ รวมถึงเหตุการณ์ที่เสนาขวารายงานผ่านวูบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนเธอจะก้มลงอ่านสาสน์นั้นออกมาดังๆ ให้ผู้ส่งสาสน์มาได้รับรู้ร่วมด้วย
เรียน จ้าวผู้ครองแคว้นอาฟอด
ข้าฯ องค์ราชาแห่งมูนัส ได้ส่งธิดาคนเดียวของข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างแคว้น ด้วยไว้ใจว่าในภาวะเยี่ยงนี้ ท่านจะสามารถปกปักษ์ธิดาของข้าฯ จากภัยสงครามได้ดีที่สุด
แต่มาบัดนี้ ธิดาข้ากลับถูกภาติยะ(หลาน) ของท่าน ผู้ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็น องค์ชาย อีกพระองค์หนึ่งของอาฟอด ทำร้ายจนสลบ แลลักพาตัวไป แม้ข้าจะเชื่อว่านี่ไม่ใช่แผนการของท่านเพื่อหวังสิ่งใดจากมูนัส อีกทั้งท่านยังไม่ทราบถึงการคงอยู่ของภาติยะผู้นั้น จวบจนวันที่โอรสท่านจับภาติยะของท่านกลับมาในฐานะนักโทษ พร้อมทั้งชายาของโอรสท่าน
...นี่รู้ลึกรู้จริง แถมยังฉับไวเกินไปนิดกระมัง... ราชิตนึกค่อน
หากทว่าความปลอดภัยของธิดาข้าสำคัญยิ่ง ด้วยนางเป็นหัวใจสำคัญของเหล่าทหารแห่งมูนัส หากวันใดทหารหาญเหล่านี้ทราบถึงการถูกหลู่เกียรติ อีกทั้งการกระทำเยี่ยงโจรของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น ภาติยะ ของท่านแล้วล่ะก็... เหล่าทหารหาญของมูนัสคงมิอาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เว้นเสียแต่หากท่านให้ความร่วมมือในการโจมตีเฟมัส อีกทั้งยังสามารถรับธิดาผู้เป็นดั่งขวัญชีวาของเหล่าทวยราษฎร์ ออกมาได้อย่างเงียบเชียบ แลปลอดภัยที่สุด รวมถึงปกป้องเกียรติของธิดาข้าทุกทาง
...นี่มัน ขู่กันชัดๆ นี่... ราชิตขบกรามเครียด
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะให้ความร่วมมือ และเร่งตามหาธิดาข้าโดนเร็ว
ลงนาม โดยกษัตริย์แห่งแคว้นมูนัสค่ะ แสงจันทร์กล่าวจบก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นอาฟอดทั้งสาม
มีเพียงเสียงลมหายใจอย่างค่อยที่สุดเท่านั้น ที่ดังอยู่ในความเงียบสงัดของห้อง จวบจนองค์ชายราชิตเอ่ยแค่นออกมา
เสด็จพ่อ ทราบหรือไม่ว่าเหตุใดองค์ราชาแห่งมูนัส จึงทราบเรื่องเร็วกว่าลูก อีกทั้งยังระบุว่าเป็นฝีมือของ พี่ เฮติก
คงเป็นเพราะเวทชีวีผูกพันกระมังลูก องค์ราชินีเอ่ยเสียงเบา แม่ได้ยินมาว่ามูนัสยังคงมีการใช้เวทนี้อยู่ ทั้งๆ ที่เป็นเวทที่มีเงื่อนไขยากยิ่ง อีกทั้งผลที่ได้กลับบอกเพียงผลจากการถูกลอบทำร้ายเท่านั้น
เพคะ เป็นเพราะเวทชีวีผูกพันจริงๆ แสงจันทร์เผลอตอบ แล้วต้องสะดุ้งเมื่อผู้มีอำนาจทั้งสาม ต่างจ้องเขม็งมาที่ตนเป็นตาเดียว
บังเอิญข้าสัมผัสอดีต จากผู้เขียนสาสน์ได้เพคะ กล่าวคือ... หลังจากเสนาขวารายงานจบ กษัตริย์แห่งมูนัสก็ร่างสาสน์ฉบับนี้ขึ้นมา
หมายความว่าเป็นฝีมือท่านจริงๆ ใช่มั๊ย ...ท่านพี่ ราชิตรำพึง เสียงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ก่อนเอ่ย แล้วเจ้า บังเอิญ ทำนายอนาคตของผู้เขียนสาสน์ได้หรือไม่เล่า ว่าทางเราควรทำอย่างไร เพื่อผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยที่ข้าไม่ต้องกลายเป็นหนังหน้าไฟเยี่ยงนี้
แสงจันทร์สบตาผู้เป็น สวามี ยามเอ่ยรับ
เยี่ยงไร ผู้ที่ใจร้อนถามกลับเป็นองค์รานีแห่งแคว้น ขณะองค์ราชาแห่งอาฟอดมองผู้เป็นสุนิสา (ลูกสะใภ้) นิ่งอยู่
... แสงจันทร์หุบปากสนิท เมื่อเจอเนตรที่เฉียบแหลมปานจะแยกส่วนประกอบนางเป็นชิ้นๆ ถึง 2 คู่ ก่อนจะเอ่ยคำเมื่อได้รับคำอนุญาตจากองค์ราชัน
หม่อมฉันทราบว่าองค์ราชา... เป็นผู้มีความสามารถในการใช้เวททำนายสูงสุดในเรย์เชียขณะนี้ หม่อมฉันไม่บังอาจกล่าวสิ่งใดให้ระคายเบื้องยุคลบาทได้
เหลวไหลน่า ลูน่า กลับเป็นราชิตที่เอ่ยคำ เจ้าหรือจะไม่ทราบว่าเวททำนายต้องทำนายต่อหน้าเจ้าตัว และเจ้าตัวอนุญาตเท่านั้น ส่วนที่แม่นยำจริงๆ คือทายอดีตที่เกิดขึ้นมาแล้ว การทำนายอนาคตหากเจ้าของเรื่องไม่อนุญาต อีกทั้งใช้สมาธิอย่างสูงมุ่งเพียงสิ่งที่ตนอยากรู้ โดยไม่มีความลำเอียง และอคติเป็นที่ตั้งแล้วล่ะก็ สิ่งที่ทำนายได้ถูกต้องสูงสุดก็เพียงครึ่งเท่านั้น
แสงจันทร์เงียบไป ด้วยไม่เคยรู้สิ่งเหล่านี้มาก่อน
จากคุณ :
หอมนวล
- [
8 ธ.ค. 51 10:11:28
]