1. บอกแล้วไม่ธรรมดา
ผมเคยคิดว่าการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางไกลๆ ที่หนึ่งที่ใดเพียงครั้งเดียวก็คงเพียงพอแล้ว เพราะยังมีอีกหลายแห่งในโลกนี้ที่ผมยังไม่เคยไป แต่เมื่อวัยหนึ่งผ่านไปมุมมองดังกล่าวก็ลดถอยเปลี่ยนไป กลับได้ข้อคิดใหม่ว่า สิ่งที่เราได้พบเห็นในการเดินทางไปยังที่หนึ่งที่ใดมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงภูมิประเทศ อาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมหรือรูปลักษณ์ผิวพรรณของผู้คน แต่ยังเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับดินฟ้าอากาศที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลา กับผู้คนที่ไม่มีวันได้พบกันซ้ำหน้า กับกลิ่นและรูปรสที่ล้วนแล้วมันผิดเพี้ยนเกินที่จะสัมผัส
วันหนึ่งผมก็ได้ข้อคิดว่าไม่มีใครที่ไปยังสถานที่เดี่ยวกัน แล้วจะได้ประสบการณ์อย่างเดี่ยวกันกับผม เมื่อคราวที่ผมได้ผจญภัยในอัมสเตอร์ดัม การเดินทางครั้งนี้ผมเริ่มวางแผนตอนอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเพื่อนที่แฟร้งค์เฟิร์ตเพื่อแลกเปลี่ยนความเป็นมิตรที่ผมและเพื่อนชาวเยอรมนีต่างหยิบยื่นมาให้หลายต่อหลายครั้ง ที่ผมไม่กล้าแม้จะปฏิเสธในไมตรีจิต ครั้งที่เขามาเยี่ยมผมที่เมืองไทยบ่อยๆ
เครื่องบินสายการบินการ์ต้าแอร์เวส์วิ่งไถลแตะพื้นคอนกรีต ล่อของเครื่องบินกระทบกับพื้นคอนกรีตเสียงดังสนั่นเข้ามาจนถึงข้างในห้องผู้โดยสาร และชั่วอึดใจก็เลี้ยวเข้าจอดเทียบประตูทางเข้าอาคารภายในสนามบิน ผู้โดยสารกรูกันลุกขึ้นเก็บสำภาระของตัวเอง ระหว่างนั่นผมได้รับเอสเอมเอสที่มีใครส่งเข้ามาในมือถือของผมในข้อความบนมือถือบอกเพียงว่า รออยู่ทางออกเบอร์22
ผมไม่ได้เอ๊ะใจแต่อย่างใด เพราะผมรู้ว่าวันนี้เพื่อนคนนึงที่อยู่ในแฟร้งก์เฟิร์ตจะเป็นคนมารับผม
คริสต์เตียน มาต้อนรับผมถึงสนามบินแฟร้งค์เฟิร์ต ตามเวลาที่ผมได้แจ้งล่วงหน้าก่อนการเดินทางมา ผมเดินข้ามอาคารสนามบินของมหานครแฟร้งค์เฟิร์ต ที่ดูกว้างใหญ่แล้วภายในตัวอาคารมีความกว้างยาวประมาณด้วยสายตาไม่ได้เอาซะเลย แต่ดูเหมือนมันกำลังจะประกาศศักดาว่าข้านี่เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี มันกว้างใหญ่และคล้ายศูนย์การค้าขนาดมหึมาก็ว่าได้ ทางออกเพื่อจะผ่านด้านตรวจคนเข้าเมืองมันช่างไกลสุดลูกหูลูกตาซะขนาดนี่
คริสต์เตียน ยังย้ำเตือนถึงความอลังการงานสร้างของอาคารใหม่ที่ใกล้จะสร้างเสร็จในเร็ววัน
เพราะอาคารหลังเก่าเดิมที่ว่าใหญ่กว่าของบ้านผมเป็นไหนๆแล้ว มันรองรับบรรดานักท่องเที่ยวและนักธุรกิจไม่เพียงพอหรือกะไรถึงได้ก่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาอีกหลัง ระหว่างนั่นคริสต์เตียนพาผมไปยังที่จอดรถ และไม่ลืมที่จะเชอร์ไพรส์ผมด้วยรถที่เอามารับผมเป็นยี่ห้อปอร์เช่สปอร์ตสวยหรู ที่คริสต์มันเคยบอกผมว่าที่บ้านพึ่งถอยให้มันใหม่ๆไว้ขับอวดสาวเล่นๆ(หึเล่นๆบ้านมันถอยไปได้คันละหกเจ็ดล้านบาท!) แต่ถือว่าเป็นความโชคดีของผมที่มีวาสนาได้นั่งรถราคาแพงๆขนาดนี้
ระหว่างที่นั่งรถมุ่งหน้าเข้าไปในเมืองแฟร้งก์เฟิร์ตที่ต้องนั่งรถเข้าไปอีกราวสามสิบนาที ตามระยะทางที่นั่งรถไปนั่นเพื่อนคริสต์ก็คอยสอบถามถึงการเดินทางที่ต้องไปแวะพักเครื่องนานถึงเก้าชั่วโมงที่เมืองโดฮาประเทศกาตาร์ ผมบอกกับคริสต์ไปว่าในระหว่างที่รอเปลี่ยนเครื่องที่โดฮานั่น ผมได้มีโอกาสได้เข้าไปชมเมืองหลวงของประเทศกาตาร์ เพราะทางสายการบินเขามีการจัดแจงสำหรับลูกค้าที่รอเปลี่ยนเครื่องนานๆ
โดยการให้ที่พักหลับนอนเป็นโรงแรมชั้นดี เท่านั้นยังไม่พอมีอาหารและรถรับส่งไปมาระหว่างโรงแรมและสนามบินอีกต่างหาก และสิ่งที่ผมประจักษ์เห็นแล้วว่าการบริการของสายการบินเขาก็ติดอันดับต้นๆ เลยที่เดียว กระทั้งตัวเครื่องบินเองก็ยังใหม่อยู่ เท่าที่รู้มาว่าสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ก็พึ่งจะเปิดเส้นทางบินมาเมื่อไม่นานนี้เอง แล้วอีกอย่างสายการบินเขาก็ได้รับรางวัลดีเด่นสองปีซ้อนในเรื่องการบริการอีกด้วย
และอีกอย่างที่ผมตัดสินใจเลือกใช้บริการของสายการบินนี้ ก็เพราะว่ามันถูกกว่าสายการบินอื่นๆ ที่บินมายังทวีปยุโรป
ผมสารภาพเลยว่าด้วยความที่เป็นเมืองธุรกิจและตึกทรงแปลกๆ และสูงๆ มันทำให้ผมเกิดอาการมึนงงกับตึกได้บ้างบางครั้ง เพราะต้องเหงนมองมันทุกครั้งสิ ถึงแม้ว่าแฟร้งค์เฟิร์ตไม่ใช้เมืองหลวงแต่
คริสต์เตียนพาผมนั่งผ่านไปยังมหานครแฟร้งก์เฟิร์ต ออกซอกซอยนี้ทะลุเข้าไปในวอกตึกอีกที่ เสมือนว่าคริสต์มันกำลังทำหน้าที่เป็นไกด์นำทัวร์ไปในตัว ระหว่างที่มันกำลังขับรถอย่างเมามันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่รถวื่งผ่านสถานีรถไฟประจำเมือง ร่างกายผมก็ถูกโอบล้อมไว้ด้วยตึกระฟ้า เหมือนไม่มีเค้าเลยว่าเคยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายทศวรรษกำเนิดเกินขึ้นที่นี้มาก่อน ในใจกลางตึกระฟ้าสองฝากฝั่งของมหานคร คริสต์มันบอกกับผมว่าการเดินทางระหว่างเมืองส่วนมากคนเยอรมันเขานิยมใช้รถไฟเป็นส่วนใหญ่
เพราะสถานีแฟร้งก์เฟิร์ตเป็นสถานีและเป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมเลยก็ว่าได้ ถ้าหากอยากที่จะไปเที่ยวประเทศใกล้เรือนเคียงก็สามารถซื้อตั๋วจากสถานีนี้ได้เลย สะดวกสบายกว่านั่งเครื่องบินเป็นไหนๆ ถ้าหากคนที่มีใจรักการเดินทางที่ไม่ต้องรีบเร่ง ปล่อยใจดูวิวสองข้างทางไปสวยกว่านั่งเครื่องบินได้แต่ชมวิวเมฆหมอกเท่านั่น
มุมมองแฟร้งก์เฟิร์ตของผมเหมือนหนุ่มสาวออฟฟิศมาดดูดีโก้เก๋สวมสูทอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั้งเวลากินเวลานอน ก็ไม่ค่อยที่จะถอดมันเลยมั่ง! มีใครหลายคนเคยบอกว่าแฟร้งก์เฟิร์ตเป็นเสมือนมหานครนิวยอร์กแห่งเยอรมนี คงจะจริงก็คราวนี่แหล่ะผมว่า
เพราะเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจการค้า การเงินและธนาคารที่สำคัญที่สุดของเยอรมนี และตลาดหุ้นก็มาตั้งอยู่ที่นี่ พวงท้ายด้วยเป็นศูนย์กลางการจราจรทั้งทางบกและทางอากาศ หรือว่าคนไม่ชอบขี้หน้าเมืองใหญ่ๆอย่างผมจะหลงรักเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามหานครนิวยอร์กแห่งยุโรปแล้วสิ
ระหว่างที่คริสต์เตียนพาผมนั่งรถชมตึกหลายแบบหลายสไตล์ของมหานครแฟร้งก์เฟิร์ตจนผมเริ่มสำลักความยิ่งใหญ่ของตัวตึกและอาการคลื่นไส้จากอาการเมารถที่คริสต์มันพาผมนั่งรถแรลลี่มรึโหดที่มีความแรงจัด รอบจัด ของปอร์เช่สปอร์ตผมพลางคิดในใจว่าเมื่อไหร่ที่มันจะพาผมไปส่งที่บ้านมันสักที ตอนนี่อาหารกลางวันที่ผมพึ่งกินเข้าไป ตอนอยู่บนเครื่องบิน อาจจะพวยพุ่งออกมากองอยู่บนเบาะแสนแพงด้วยราคาเป็นล้านๆก็เป็นได้ สีหน้าผมมันบ่งบอกหรือเพราะว่าคริสต์มันรู้สึกได้หรือเปล่า มันจึงเอ่ยถามผมขึ้นมาว่า
เห้ย!แจ๊ค เป็นอะไรมากไหมสีหน้าแกดูซีดๆ?
ผมได้ยินคำถามมันอย่างชัดเจนระหว่างนั่นผมคิดจะตอบว่าอะไรดีล่ะ! อยากจะตอบไปว่าผมอยากอ้วกเดี๋ยวมันดูไม่โก้เก๋ หรือจะบอกว่าผมอยากไปพักผ่อนมันก็ดูเนียนไปไหม? เอาเถอะเป็นว่าผมอยากไปพักผ่อนก็แล้วกัน เพราะผมพึ่งเดินทางมาไกลดูเหมือนเนียนๆ ดูดีมีคลาสสิกกว่าเยอะ
เราอยากไปพักวะ อีกอย่างมันเหนื่อยๆ สีหน้าผมไม่ได้เหนือยอย่างที่เห็น คริสต์ มันคงไม่ได้โง่หรอกผมว่า เพราะสีหน้าผมมันบ่งบอกว่าเมารถแหง่ๆๆ
ในระหว่างทางไปบ้านของคริสต์นั่น ผมไม่เคยรู้สถานะทางครอบครัวของเพื่อนคนนี้เลยว่าครอบครัวคริสต์ประกอบอาชีพหรือทำธุรกิจอะไร มีบางอย่างที่ทำให้ผมเชื่อได้ว่าบ้านมันไม่ใช่ธรรมดา เพราะพาหนะที่มันใช้มารับผมนี่ไง ที่บ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดา ถึงธรรมดาผมก็ว่ามันเป็นคนพิเศษคนหนึ่งในกลุ่มตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะการจับจ่ายใช่สอยมันดูสปอร์ตกว่าคนอื่นๆ และเวลามันมาเยี่ยมผมที่กรุงเทพมันจะหอบเสื้อผ้าที่มียี่ห้อแพงๆ ที่ผมไม่สามารถจะซื้อหามาใส่ได้เลย แต่ถ้าซื้อได้ผมก็จะซื้อแต่พองาม ครั้นผมจะถามมันก็เกรงว่าจะเสียมารยาทไป เลยต้องปล่อยใจไปกับห้วงความคิดในใจลำพังดีกว่า
ต่อมาคริสต์มันบอกว่า เดี๋ยวมันจะพาไปที่บ้านไปหาแม่มันก่อน แล้วค่อยไปเช็คอินที่โรงแรมที่มันจองไว้ให้
อ่าว! มรึงไม่ได้ให้กูนอนที่บ้านมรึงหรอกหรอ!
เปล่าเลยมรึงไปนอนที่โรงแรมก็แล้วกันสะดวกสบายดี เพราะบ้านกูกับโรงแรมที่มรึงพักมันไม่ไกลจากที่บ้านกูเท่าไหร่ กิโลกว่าๆเอง หรือจะเดินไปมาระหว่างที่บ้านกับโรงแรมก็ได้แล้วแต่มรึงสะดวก และอีกอย่างถ้ามรึงไปพักที่บ้านกูมันจะเหงา เพราะที่บ้านเขาทำงานกันหมด เวลากินข้าวเช้าข้าวเที่ยงก็กินที่โรงแรมได้เลย บางเวลาเดี๋ยวกูไปกินเป็นเพื่อนหรือบ่างมื้ออาจไปหาไรกินกันที่ภัตตาคาร
จะดีหรอวะ ในเมื่อกูมาเที่ยวครั้งนี่กูอยากประหยัดให้ได้มากที่สุด
ใครบอกให้มรึงจ่ายละ เดี่ยวกูจัดการเอง เพราะโรงแรมที่มรึงไปพักเป็นของครอบครัวกูเอง! นั้นไงครับผมเดาไว้ไม่มีผิด! ผมว่าแล้วคริสต์มันไม่ใช่คนธรรมดา!
หลังจากทำความรู้จักกับแม่คริสต์เตียนเป็นที่เรียบร้อย ผมกลับชื่นชมในตัวเธออย่างมาก เธอไม่ได้แก่และแถมยังสวยในสายตาผมซะอีก แต่น่าเสียดายบทสนทนาระหว่างผมและเธอเป็นอุปสรรค์ระหว่างผมเข้าแล้วสิ เพราะเธอพูดเยอรมันและสเปนเท่านั้น สำหรับภาษาอังกฤษมีเพียงคำสองคำที่เธอใช้สื่อกับผมพอได้บ้าง
หลังจากที่แวะไปทำความรู้จักกับแม่ของคริสต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงที่คริสต์มันขับรถจะไปส่งผมยังที่โรงแรมที่ไม่ไกลจากบ้านแม่เท่าไหร่ มันได้พาผมแวะไปชมสถานที่ที่ทำงานของของครอบครัวมันเป็นออฟฟิศตึกสองชั้นข้างบนแบ่งห้องอยู่ในอาคารเดียวกันได้สามห้องใหญ่ๆ ข้างในออฟฟิศดูเหมือนคริสต์มันจะใหญ่กว่าใครเขา ก็มันแน่ละซิเพราะมันเป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทจัดหาและเช่าซื้ออสังหริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเม้นต์ หรือคอนโดร่วมทั้งที่ดินบริษัทของครอบครัวคริสต์มันก็เป็นคนจัดหาและหาให้เช่า นี้ยังไม่ร่วมหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศนี้เท่าไหร่ เดี๋ยวระหว่างทางไปส่งผมที่โรงแรมมันจะเป็นคนพาไปดูโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่เป็นของครอบครัวมัน
แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 10:26:13
จากคุณ :
dejchy
- [
11 ธ.ค. 51 14:43:51
]