คราวนี้พรพรรณเป็นฝ่ายนำลูกสาวไปที่ห้องรับแขก เห็นร่างสูงล่ำสันของคนซึ่งตั้งใจจะชวนรับประทานอาหารเย็นด้วยกับลูกชายคนเล็กของเจ้าของบ้านกำลังคุยกันอย่างออกรสอยู่ตรงประตู ตัวเจ้าของบ้านเองกำลังเดินกลับไปกลับมาพร้อมโทรศัพท์ในมือ สีหน้าเคร่งเครียดบอกให้รู้ว่าคงกำลังสั่งงาน
แต่พอเหลือบไปเห็นหลังไวๆของเรือนร่างอวบอัดที่หายไปทางห้องอาหารก็พอเดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องงานเพียงอย่างเดียว
คุณภูมิมีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องผู้หญิง แต่ก่อนเมื่อครั้งที่รู้จักกันใหม่ๆ หล่อนรู้ว่าเขาออกจะชอบอกชอบใจเวลาที่รู้ว่าใครพูดถึงตัวเองในลักษณะนั้น หากพอใกล้ชิดจนเห็นนิสัยเบื้องลึกของเขา จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณภูมิไม่ได้ภูมิใจสักเท่าไรนักหรอก ยิ่งแก่ตัวลง และผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตเริ่มกลายเป็นรุ่นลูก จนมาทุกวันนี้กลายเป็นรุ่นหลานไปแล้ว นั่นจึงกลายเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนในแวดวงธุรกิจระดับหัวแถวมารู้เห็นอย่างนี้
หากในเวลาเดียวกันหล่อนก็รู้ว่าเขาคงเลิกได้ยากเพราะเป็นเหมือนยาเสพติดสำหรับเขาไปแล้ว ในบางขณะก็เหมือนกับว่าสาวๆเหล่านั้นจะช่วยให้เขากระชุ่มกระชวย ไม่แก่เร็วเหมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ไม่มี หนูๆ ไว้ยืนยันว่ายังไม่แก่เสียทีเดียว
แต่นี่พอมีนักธุรกิจใหญ่อีกคนซึ่งยังหนุ่มแน่นกว่า สง่ากว่า มาดดีกว่า แถม
เท่าที่หล่อนรู้
ไม่เคยข้องแวะกับเรื่องเมียน้อยเมียเก็บหรือนางบำเรอลักษณะเดียวกันนี้มาหาถึงบ้าน ได้มารับรู้และเห็นผู้หญิงวัยคราวลูกว่าอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย คุณภูมิคงรู้สึกเสียหน้าจนควบคุมอาการหงุดหงิดงุ่นง่านไว้ไม่อยู่ในที่สุด
เห็นเขาชายตาดูหล่อนนิดหนึ่ง แล้วไม่ให้ความสนใจอีก ยังคงฟังใครก็ไม่รู้ที่อีกด้านของสายพูด หล่อนจึงตรงรี่เข้าไปหาผู้เป็นแขก
อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิคะคุณสืบพงษ์
สืบพงษ์หันมาตามเสียง
ขอบคุณครับ แต่วันนี้คงต้องขอตัว มีงานค้างอยู่ฮะ ผมคงต้องลา
เขาเป็นฝ่ายกระพุ่มมือขึ้นไหว้ก่อนอีกครั้ง และหล่อนก็รับแทบไม่ทันอีกเหมือนเดิม
เห็นใครต่อใครคอยส่งคุณสืบพงษ์ที่หน้าบ้าน พราวไหมจึงเลี่ยงไปออกทางห้องอาหารเสีย จะไม่ออกไปส่งเขาเลยก็ไม่ได้เพราะกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวหลาม ปลากุเลาเค็มที่แม่ชอบ รวมทั้งปลาหมึกตากแห้งที่ซื้อมาก็ยังอยู่ท้ายรถเขา
ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างหน้าต่างในห้องอาหาร ผู้หญิงคนนั้นกำลังมองออกไปภายนอก จึงตั้งใจเลี่ยงที่จะเสวนาด้วย แม้รู้ว่าคงยากเพราะประตูก็อยู่ตรงนั้น
แต่แล้วก็ต้องชะงักอีกเมื่อได้ยินเสียงแหลมค่อนข้างสูงถามขึ้นลอยๆโดยที่เจ้าตัวยังคงเหม่อมองออกไปทางเดิม
คนนั้นใครน่ะ แม้คำถามจะห้วน แต่สุ้มเสียงก็ไม่มีร่องรอยของความเป็นปรปักษ์แต่อย่างใด
พราวไหมจึงยินดีตอบ
คุณสืบพงษ์ เขาเป็นผู้อำนวยการศูนย์การค้า
จริงๆแล้วไม่แน่ใจว่าควรใช้คำพูดแบบไหนกับหญิงสาวผู้นี้ ไม่ใช่เพราะดูถูกเหยียดหยาม แต่เธอไม่เคยรู้จักใครที่ใช้ชีวิตในลักษณะนี้มาก่อน จึงเพียงทอดหางเสียงเพื่อไม่ให้ฟังดูห้วนจนเกินไป
หล่อนหันมามองเต็มตา
สนิทกับเขาหรือ เสียงที่ถามฟังดูไร้เดียงสาอย่างไรชอบกล ขัดกับใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางไว้หนาจนดูขาวเว่ออย่างจัง
ก็แค่สอนหนังสือให้ลูกสาวเขาเท่านั้นเอง
งั้นหรือ คิดว่าสนิทกัน เห็นมาส่ง ท่าทางเขาดีนะ หล่อดีด้วย อายุเท่าไหร่
พราวไหมสะดุดกับคำถามหลัง แต่ก็ไม่เกี่ยงที่จะตอบ
สี่สิบกว่า
กำลังดีเลย ยังไม่แก่ เป็นผู้ใหญ่ หล่อด้วย คงรวยด้วยสิเนี่ย
พราวไหมแอบยิ้มกับการประเมิน คุณสมบัติ ของคุณสืบพงษ์แบบที่คาดไม่ถึง ไม่คิดจะเสริมหรือคัดค้าน ได้แต่เปิดประตูออกไปที่ลานข้างตัวบ้าน
คุณสืบพงษ์กำลังเปิดท้ายรถหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอออกมาส่งให้แม่พอดี ส่วนคุณรองเป็นคนรับของฝากทั้งหมด
ยังไงก็ช่วยมาดูให้หน่อยเถอะนะครับ
แสดงว่าเขากับคุณรองคงยังพูดเรื่องงานอะไรบางอย่างกันไม่จบ
ครับ อย่างที่บอกนะฮะ ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องศูนย์การค้า แต่ก็สนใจฮะ
นี่ผมก็ชวนคุณพราวให้มาทำงานด้วยกัน นัยน์ตาคมลึกมองเลยมาทางร่างโปร่งซึ่งมายืนเก้ๆกังๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ภาษิตถึงกับชะงักมือที่กำลังส่งของทั้งหมดให้หญิงสาวเมื่อเห็นแววระยิบระยับในดวงตาคมคู่นั้น
พราวไหมมีโอกาสขอเบอร์โทรศัพท์ของทัศนัยจากภาษิตก็หลังอาหารเย็นและเขากำลังจะกลับ
จะดีหรือ ปล่อยให้มันบ้าไปคนเดียวไม่ดีกว่าหรือ งานแต่งก็อีกแค่อาทิตย์เดียว ที่เพ้อเจ้อไปนั่นก็นายทัศคนเดียวเท่านั้นเอง คนอื่นไม่เห็นมีใครเขาเดือดร้อนไปด้วยสักคน
แม้ปากจะคัดค้าน แต่มือก็ตบกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงหากระดาษและปากกาให้วุ่น เมื่อไม่เจอสักอย่างจึงเปิดประตูรถของตัว ค้นได้ทั้งสองอย่างจากช่องเก็บของที่คอนโซลรถ แล้วจดเบอร์โทรศัพท์มือถือของเพื่อนผู้กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวอยู่ในอีกไม่กี่วันส่งให้ ยังคงทิ้งประตูให้เปิดอยู่อย่างนั้นเพื่ออาศัยแสงไฟให้มองเห็นหน้ากัน เวลานี้ค่ำแล้ว บริเวณลานจอดรถมีเพียงแสงจากเสาทรงสูงหน้าเทอร์เรสที่ส่องมาถึงเท่านั้นเอง
พราวว่าจะลองดูอีกสักครั้งค่ะ จะไม่ไปพบพี่ทัศที่ไหนหรอกค่ะ จะโทรคุยกับเขาเท่านั้นเอง
ดีแล้ว อย่าไปพบมันที่ไหนตามลำพังก็แล้วกัน นายทัศถึงจะอ่อนปวกเปียกอย่างนั้นก็เถอะ แต่มันก็ยังเป็นผู้ชาย
พราวไหมซาบซึ้งใจเสียนักที่เขาเป็นห่วง
ค่ะ คุณรอง
แล้วนี่ตกลงว่าจะไปทำงานที่ศูนย์การค้าของคุณสืบพงษ์อย่างนั้นหรือ
ร่างกำยำเอนพิงตัวถังรถ สองมือกอดอก
คุณสืบบอกให้พราวไปดูก่อนค่ะว่าจะทำได้หรือเปล่า พราวก็ว่าจะลองไปดูที่ฝ่ายต่างประเทศเขาค่ะ
ภาษิตผงกศีรษะรับรู้
ก็ดีนะ ทำงานแบบนั้นเงินเดือนดีกว่าสอนหนังสือเด็กอนุบาล
แม้น้ำเสียงของเขาจะไม่ตำหนิติเตียน แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาได้เอง เวลาที่ต้องการทำงานก็ขอให้เขาช่วยพูดกับมารดาเขาให้ พอมีทางไปใหม่ที่เหมือนจะดีกว่า ก็ดูคล้ายจะละทิ้งไปเสียเฉยๆอย่างนั้นเอง
พราวยังอยากสอนหนังสือที่โรงเรียนของคุณหญิงอยู่นะคะ
อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย ลองไปดูก่อน งานแบบนั้นอาจเป็นงานที่ชอบก็ได้ เรื่องที่โรงเรียนของแม่ไม่ต้องห่วง ทำอะไรที่เราชอบพี่ว่าดีที่สุด เสียงทุ้มๆนั้นนุ่มนวล
เหมือนปลอบใจ
พราวไหมประนมมือขึ้นไหว้เขาอย่างสำนึกในบุญคุณ
พราวขอบพระคุณคุณรองค่ะ
สถาปนิกหนุ่มยิ้มขัดเขินในความมืด ขยับตัวเตรียมขึ้นรถ
ขอบคุณอะไรกัน พี่ยังไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย เรื่องนายทัศตกลงว่ายังไงก็บอกบ้างแล้วกัน เผื่อเจอปัญหาอะไรเข้าอีกจะได้ช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงต่อไป
ถึงอย่างไรเขาก็ยังรู้สึกเสมอว่าตัวเองต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ ก็ในเมื่อเป็นคนติดต่อให้เพื่อนร่วมรุ่นผู้นั้นคอยดูแลหญิงสาวในเวลาที่เธอต้องไปเรียนหนังสือคนเดียวต่างบ้านต่างเมืองอย่างนั้น
ร่างสูงขึ้นนั่งประจำที่คนขับก่อนที่อีกฝ่ายจะมีโอกาสตอบรับ
เธอถอยห่างออกมาแล้วมองตามจนรถคันนั้นถอยพ้นประตูบ้าน
ภาษิตพารถขึ้นถนนใหญ่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย สายตาที่ผู้อำนวยการใหญ่ศูนย์การค้าชื่อดังมองหญิงสาวผู้ซึ่งตัวรู้สึกว่าอยู่ในความรับผิดชอบนั้นให้ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เป็นผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูกันเองไม่ออก สายตานั้นบ่งบอกความพึงพอใจโจ่งแจ้ง แต่จะพึงพอใจลักษณะไหนกันล่ะ ถ้าแววตาคนเราบอกอะไรได้ถึงขนาดนั้นก็คงดีหรอก
(จบบทค่ะ)
แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 06:08:52
แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 03:36:28
แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 03:27:23
แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 03:23:32