บทที่ 1 - 15 http://my.dek-d.com//story/view.php?id=423352
บทที่ 16
ฉูเป่ยเจี๋ยนำทัพเข้าสู่ป่าละเมาะร้อยหลี่ แล้วเลือกบริเวณที่ต้นไม้ไม่หนาทึบมากนักตั้งกระโจมค่ายพัก จากนั้นถ่ายทอดคำสั่งส่งสายสืบที่มีความสามารถสูงเป็นจำนวนหลายคนก้าวลึกเข้าไปในป่าสืบเสาะทิศทางความเคลื่อนไหวของทัพเป่ยม่อ
ชายหนุ่มกับม่อหรานก้าวเข้าสู่กระโจมแม่ทัพที่ตั้งขึ้นเป็นการชั่วคราว แล้วจึงกางแผนที่ออกศึกษากันโดยละเอียด
ป่าละเมาะร้อยหลี่ทอดตัวตามแนวเทือกเขาคานปู้ทอดยาวไปเป็นระยะทางเกือบร้อยหลี่ มีอยู่หลายแห่งในป่าที่จวบจนบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีใครย่างเท้าไปถึงมาก่อน ทัพเป่ยม่อจะไม่เข้าลึกจนเกินไปแน่นอน บริเวณซึ่งเหมาะต่อการตั้งค่ายพักสำหรับพวกเขามากที่สุด คือที่นี่ ที่นี่ และที่นี่ ฉูเป่ยเจี๋ยขยับนิ้วทยอยไล่ชี้ไปยังภูเขาสามแห่งบนแผนที่
ม่อหรานพึมพำว่า ทัพเป่ยม่อมีจำนวนเกือบห้าหมื่นนาย ไม่มีทางหายสาบสูญไปในป่าละเมาะร้อยหลี่จริงๆ ได้อยู่แล้ว สายสืบต้องสามารถสืบเสาะทิศทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปได้อย่างแน่นอน แต่หากพวกเขาเลือกจุดที่ชัยภูมิเป็นพื้นที่สูง แล้วตั้งขบวนเฝ้าตั้งรับเพียงอย่างเดียวโดยไม่บุกโจมตีละก็ เกรงว่าทัพเราคงยากที่จะได้ชัยในเวลาสั้นๆ เช่นกัน
ฉูเป่ยเจี๋ยยิ้มละไม ถามอย่างอ่อนโยน
ม่อหรานทราบหรือไม่ว่าเหตุใดเปิ่นหวางจึงนำทหารมือดีจำนวนเพียงหนึ่งหมื่นนายมาไล่ตามบุกโจมตี ?
เมื่อได้รับการสะกิดชี้แนะจากผู้เป็นนาย นัยน์ตาม่อหรานก็เปล่งประกายวูบ
ฝ่าบาทคิดจะล่อให้พวกเขามาบุกโจมตีหรือพ่ะย่ะค่ะ ?
ทัพเป่ยม่อนั้น นับตั้งแต่เริ่มปะทะกับทัพเราเป็นต้นมา ก็มีแต่พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาจึงต้องการชัยชนะอย่างเด็ดขาดสักครั้งมากระตุ้นขวัญทหาร
ฉูเป่ยเจี๋ยเอ่ยยิ้มๆ แทนการตอบตรงๆ สายตาเบนกลับมายังแผนที่หนังแพะอีกครั้ง ชี้ไปยังยอดเขาสูงชันแห่งหนึ่งทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ กล่าวอย่างมั่นใจ
หากข้าคาดไม่ผิด พิงถิงจะตั้งค่ายทัพอยู่ที่นี่
เมื่อกี้นี้ฝ่าบาทเพิ่งบอกว่าบริเวณที่เหมาะต่อการตั้งค่ายพักของทัพเป่ยม่อมีอยู่สามแห่ง เหตุใดอยู่ๆ จึงได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นยอดเขาลูกนี้เล่าพ่ะย่ะค่ะ ?
ถึงแม้จุดที่เหมาะสำหรับตั้งค่ายพักจะมีสามจุด แต่จุดที่ถูกใจพิงถิงมากที่สุดคือที่นี่
ม่อหรานยังคิดจะถามต่อ ที่นอกกระโจมพลันมีเสียงตะโกนดังเข้ามาว่า
กราบทูลหวางเยี่ย สืบตำแหน่งทัพเป่ยม่อได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ !
เข้ามาข้างใน ว่ามาซิ
สายสืบก้าวเข้ามาคุกเข่าลง
ทัพเป่ยม่อตั้งค่ายพักอยู่ที่ยอดเขาเตี่ยนชิงพ่ะย่ะค่ะ !
คือยอดเขาที่ฉูเป่ยเจี๋ยชี้เมื่อครู่นั่นเอง
ฉูเป่ยเจี๋ยยิ้มอย่างมั่นใจเต็มที่ หันหน้ามากล่าวกับม่อหรานว่า
ม่อหรานกำลังนึกสงสัยว่าเหตุใดเปิ่นหวางจึงคาดเดาได้มิใช่รึ ? นั่นเป็นเพราะยอดเขาเตี่ยนชิงแห่งนี้ชัยภูมิสูงชันอันตราย ทั้งในแผนที่ยังระบุเอาไว้ว่าตรงเชิงเขาเตี่ยนชิงมีแม่น้ำที่พิเศษอยู่สายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้เป็นต้นสายของสายน้ำทั้งหลายสิบสายในละแวกนี้ เว้นจังหวะไปชั่วครู่ ค่อยเอ่ยต่อว่า หากเปลี่ยนให้ม่อหรานเป็นจอมทัพของเป่ยม่อ เจ้าจะรับมือกองทัพหนึ่งหมื่นนายนี้ของข้าอย่างไร ?
ม่อหรานเองก็เป็นแม่ทัพมือเก่าเจนสมรภูมิเช่นกัน เมื่อได้ยินดังนี้จึงตอบว่า
อันการรบทัพจับศึกนั้น แต่ไหนแต่ไรมาในการตั้งค่ายพักมักเลือกเฟ้นบริเวณที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำธาร เพื่อให้สะดวกสำหรับทหารและม้าศึกในการนำน้ำมาดื่มกินใช้สอย หากข้าเป็นจอมทัพของเป่ยม่อ ข้าจะแย่งชัยภูมิตั้งค่ายพักที่ต้นน้ำ จากนั้นวางยาพิษลงในน้ำ ทำลายความสามารถในการสู้ศึกของทหารศัตรู
แผนนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อทัพของเรายังไม่ได้ลงหลักตั้งค่ายพักเป็นที่แน่นอนเท่านั้น เพราะหากรอจนพวกเราทำความเข้าใจต่อสภาพภูมิประเทศอย่างกระจ่างชัด และทราบว่านางตั้งค่ายพักอยู่ในตำแหน่งต้นน้ำ ก็สายเกินกว่าที่จะลงมือแล้ว พิงถิงนึกว่าทัพเรายกทัพมาไกล ไม่แน่ว่าจะเข้าใจสภาพภูมิประเทศของป่าละเมาะร้อยหลี่ หาทราบไม่ว่าเปิ่นหวางให้ความสำคัญต่อชัยภูมิมากที่สุด ทุกครั้งที่ไปถึงสถานที่ใด เป็นต้องตรวจสอบสภาพภูมิประเทศทุกด้านโดยละเอียดถี่ถ้วนก่อนเสมอ
กล่าวถึงตรงนี้ ฉูเป่ยเจี๋ยก็หัวเราะกังวานอย่างอดไม่ได้
เพราะฉะนั้นเปิ่นหวางจึงคะเนว่านางจะต้องวางยาพิษในคืนนี้ จากนั้นส่งทหารลงจากเขามาล้อมโจมตีทหารหนึ่งหมื่นนายของเราอย่างแน่นอน
ม่อหรานดูสีหน้าผู้เป็นนาย ก็ทราบว่าท่านจอมทัพมีแผนการอยู่ในใจแล้ว จึงประสานมือกล่าวว่า
หวางเยี่ยโปรดบัญชา
ฉูเป่ยเจี๋ยแหวกเปิดม่านประตูกระโจม แหงนหน้าขึ้นมองยอดเขาสูงชันซึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอก ขบคิดใคร่ครวญเรื่องแล้วเรื่องเล่า หลังจากนิ่งเงียบงันไปอึดใจใหญ่ จึงค่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดหวังและรอคอย
พิงถิงทะนงตนว่ามีแผนการเลิศล้ำอยู่ในใจ ทั้งยังกำหนดแน่นอนให้สมรภูมิอยู่ที่เชิงเขา การป้องกันค่ายจอมทัพบนเขาจะต้องไม่เข้มงวดนักอย่างแน่นอน พวกเรามาทำให้นางต้องตกตะลึงอย่างใหญ่หลวงกันเถิด แล้วพลันตวาดว่า
ถ่ายทอดคำสั่ง ! ทุกคนจงไปตัดต้นไม้มาทำเป็นคนปลอมคนละหนึ่งตัว ให้สวมเสื้อผ้าและชุดเกราะ แล้ววางเอาไว้รอบบริเวณกระโจมที่ว่างเปล่า ต้องทำให้สายสืบของศัตรูเข้าใจผิดคิดว่าทัพเรากำลังตั้งค่ายพักผ่อนออมกำลังเตรียมรบในวันพรุ่งนี้ให้จงได้ !
ม่อหรานรีบแหวกม่านประตูกระโจมออกไปถ่ายทอดคำสั่งอย่างว่องไว
เหล่าทหารที่นอกกระโจมเริ่มทำงานกันมือเป็นระวิงทันที เสียงเอะอะอึกทึกดังไม่ขาดระยะ เพียงครู่สั้นๆ ให้หลัง ม่อหรานก็กลับเข้ามารายงานว่า
ได้ดำเนินการตามที่หวางเยี่ยบัญชาเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ฉูเป่ยเจี๋ยพยักหน้า สวมชุดเกราะเข้ากับตัว มือหนึ่งถือกระบี่คู่กาย ก้าวออกจากกระโจมจอมทัพ ตะเบ็งเสียงบัญชาดังลั่น
ทั้งหมดขึ้นม้า ! มุ่งหน้าไปทางสะพานเชือกข้ามหน้าผา ลอบบุกโจมตีค่ายจอมทัพเป่ยม่อ !
ทหารทุกคนโห่ร้องรับกระหึ่มก้อง แล้วทิ้งไว้แต่กระโจมอันว่างเปล่ากับคนปลอมจำนวนเกือบหนึ่งหมื่นสำหรับตบตาศัตรู
ทหารหาญหนึ่งหมื่นนายอาศัยป่าทึบอันเป็นสิ่งพรางกายซึ่งเป็นธรรมชาติมากที่สุด ลอบเคลื่อนไหวขึ้นไปสู่เชิงเขาของยอดเขาปี้เหลย(ยอดเขาผนังสายฟ้า)ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับยอดเขาเตี่ยนชิงอย่างไร้ซุ่มเสียง เพื่อที่จะเดินข้ามสะพานเชือกซึ่งเชื่อมระหว่างยอดเขาทั้งสองลูก...สะพานเชือกที่ลอยเคว้งคว้างกลางอากาศอยู่สูงลิบเสียจนมองจากข้างบนลงไปแล้วเสียวสันหลังวะวาบ...ไปลอบโจมตีค่ายพักของจอมทัพซึ่งพิงถิงพักอยู่
<>::<>::<>
สถานการณ์ภายในกองทัพเป่ยม่อเป็นดังที่ฉูเป่ยเจี๋ยคาดคิดจริงๆ
พิงถิงทิ้งทหารส่วนใหญ่จำนวนเกือบห้าหมื่นนายเอาไว้ที่เชิงเขาบริเวณใกล้เคียงต้นน้ำ ส่วนค่ายจอมทัพนั้นตั้งอยู่ตรงตำแหน่งค่อนข้างใกล้กับยอดเขา ยึดครองชัยภูมิที่สูงอันได้เปรียบ สามารถทอดตาลงมองพื้นที่บริเวณใกล้เคียงได้
แม่ทัพใหญ่คนอื่นๆ ต่างอยู่คุมกำลังหลักที่เชิงเขา ในกระโจมจอมทัพเวลานี้มีเพียงพิงถิง เจ๋ออิ่น และรั่วหานสามคนกำลังยืนล้อมเป็นครึ่งวงกลมร่วมกันศึกษาแผนที่ป่าละเมาะร้อยหลี่ซึ่งมีความละเอียดมากที่สุดเท่าที่สามารถหามาได้ซึ่งเวลานี้ถูกขึงอยู่บนกรอบชั่วคราวแบบตั้งยืนที่ต่อขึ้นง่ายๆ ตรงหน้า
แผนยอดเยี่ยม ! เจ๋ออิ่นตบต้นขาถอนหายใจอย่างชื่นชม สมแล้วที่คุณหนูคือผู้ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อกรของฉูเป่ยเจี๋ยมากที่สุด ทัพตงหลินเพิ่งจะเข้ามาในป่าละเมาะ จะต้องยังไม่ทราบสภาพชัยภูมิของป่าแห่งนี้อย่างแน่นอน ฉวยโอกาสที่ทัพตงหลินยังไม่ทันได้สืบทราบชัยภูมิของป่ากระจ่างชิงวางยาพิษลงในน้ำ จากนั้นเจ๋ออิ่นจะอาศัยความมืดช่วยอำพรางยกกำลังเข่นฆ่าเข้าสู่ค่ายพักศัตรู หึ ! หวังอย่างยิ่งว่าผู้ที่นำทัพตงหลินหนึ่งหมื่นนายนี้มาจะเป็นฉูเป่ยเจี๋ย จะได้ให้เขาลิ้มรสความร้ายกาจของลูกผู้ชายชาวเป่ยม่ออย่างพวกข้าเสียบ้าง !
นัยน์ตารั่วหานทอประกายเลื่อมใส ประสานมือกล่าวว่า
หากสามารถจับเป็นฉูเป่ยเจี๋ยได้ คุณหนูจะกลายเป็นขุนพลหญิงอันดับหนึ่งที่นามกระเดื่องเลื่องลือสะท้านสี่แคว้นด้วยแผนการนี้ในทันที
พิงถิงไม่มีสีหน้ายินดีแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มอ่อนจางอย่างหม่นเศร้า ถอนหายใจกล่าวว่า
ท่านขุนทัพอย่างเพิ่งด่วนดีใจเร็วจนเกินไป แผนการที่พิงถิงเอ่ยมาเมื่อครู่ หากใช้กับคนอื่นจะต้องประสบผลอย่างแน่นอน แต่ไม่มีทางใช้กับฉูเป่ยเจี๋ยได้ผลโดยเด็ดขาด
เจ๋ออิ่นกำลังหัวเราะร่าอย่างยินดี เมื่อได้ยินดังนี้ก็ชะงักค้างอย่างตกตะลึง
เพราะอะไรหรือ ?
ฉูเป่ยเจี๋ยคือยอดขุนพลแห่งยุค เป็นผู้ใคร่ครวญทุกสิ่งอย่างรอบคอบ เขาเคยส่งทหารบุกลึกเข้ามาในป่าเพื่อจับผึ้งพิษมาแล้ว มีหรือจะไม่สั่งให้คนสืบหยั่งเส้นทางภายในป่าเพื่อทำความเข้าใจกับสภาพชัยภูมิของป่าละเมาะร้อยหลี่ ? การประเมินศัตรูต่ำเกินไปคือบาดแผลถึงตายของแม่ทัพ หากประมาทคิดว่าเพียงแค่ยึดครองชัยภูมิต้นน้ำอันเป็นข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อยนี้ก็สามารถทำให้ฉูเป่ยเจี๋ยพลาดพลั้งเสียทีได้แล้วละก็ เช่นนั้นผู้ที่ต้องถูกจับเป็นเชลยในคืนนี้จะเป็นตัวพิงถิงเอง !
รั่วหานหน้าเปลี่ยนสี เอ่ยถามว่า
ฉูเป่ยเจี๋ยร้ายกาจถึงเพียงนี้จริงๆ รึ ? ถ้าเช่นนั้นพวกเราควรจะรับมืออย่างไรดี ?
พิงถิงตั้งสมาธิมองแผนที่อย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วหันไปยิ้มอ่อนโยนให้รั่วหาน กล่าวอย่างเยือกเย็น
หลังจากที่ฉูเป่ยเจี๋ยได้รับรายงานจากสายสืบว่าพวกเราตั้งค่ายพักกันที่ยอดเขาเตี่ยนชิงนี่แล้ว เขาจะต้องทราบในเวลาอันรวดเร็วว่าพวกเรายึดครองชัยภูมิต้นน้ำเอาไว้ และคิดจะใช้แผนวางยาพิษ ตามด้วยยกกำลังไปบุกตีค่ายพัก ขอบอกต่อท่านทั้งสองโดยไม่ปิดบัง ที่พิงถิงเลือกยอดเขาเตี่ยนชิงเป็นจุดตั้งค่ายพัก ก็เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจผิดเช่นนี้แก่ฉูเป่ยเจี๋ยนั่นเอง
หลังจากพูดติดต่อกันมามากพอสมควรและเปลืองสมองขบคิดไปไม่ใช่น้อยๆ ใบหน้าของพิงถิงก็เริ่มปรากฏสีแดงระเรื่อ หอบหายใจเบาๆ อย่างเริ่มจะเหนื่อยอ่อน นัยน์ตาสุกสกาวดั่งน้ำค้างกลอกไปมาอย่างครุ่นคิด ค่อยเอ่ยต่อว่า
ฉูเป่ยเจี๋ยชอบใช้ทหารแบบเสี่ยงภัย เมื่อเขาหลงนึกว่ามองแผนการของพวกเราออกแล้ว เขาจะต้องชิงเป็นฝ่ายลงมือก่อน โดยเลือกใช้เส้นทางที่คาดไม่ถึงมากที่สุดบุกโจมตีค่ายพักจอมทัพซึ่งในความคิดของเขาน่าจะมีการป้องกันที่เปราะบาง
เจ๋ออิ่นและรั่วหานฟังจนทั้งยินดีทั้งนึกนับถืออย่างจริงใจ หนวดเครารกครึ้มบนใบหน้าของเจ๋ออิ่นขยับเป็นจังหวะยามเอ่ยปากพูดว่า
พวกเราจะวางกำลังดักซุ่มกองใหญ่ไว้ที่ค่ายจอมทัพนี่ ให้ฉูเป่ยเจี๋ยมาได้กลับไม่ได้ !
พิงถิงส่ายศีรษะกล่าวว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ยอดเขาเตี่ยนชิงไม่เหมาะกับการวางกำลังดักซุ่มเท่าไรนัก
มีอยู่เรื่องหนึ่งยังหวังให้คุณหนูช่วยชี้แนะ รั่วหานกล่าวอย่างครุ่นคิด เมื่อครู่คุณหนูบอกว่าฉูเป่ยเจี๋ยจะเลือกใช้เส้นทางที่ทุกคนคาดไม่ถึงมากที่สุด ในความคิดของคุณหนู นั่นน่าจะเป็นเส้นทางใดขอรับ ?
ท่านแม่ทัพรั่วหานกล่าวได้ตรงประเด็นสำคัญเลยทีเดียว พิงถิงกล่าวอย่างยินดี นิ้วเรียวงามชี้ลงบนแผนที่
เจ๋ออิ่นกับรั่วหานเลื่อนสายตาไปจ้องมองพร้อมกัน แล้วต่างตกตะลึง ครู่ใหญ่ให้หลัง รั่วหานค่อยระบายลมหายใจออกมา
ฉูเป่ยเจี๋ยถึงกับกล้านำกำลังคนหนึ่งหมื่นข้ามสะพานเชือกที่น่ากลัวจนขึ้นชื่อนี่เชียวรึ ช่างใจกล้าบ้าบิ่นอะไรอย่างนี้ ! แต่หากทัพของเราไม่ได้รู้เส้นทางเคลื่อนไหวของเขาละก็ เขาจะทำการสำเร็จจริงๆ นั่นล่ะ
เขาถนัดใช้แผนพิสดารนักนี่ แต่ครั้งนี้กลายเป็นหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว เจ๋ออิ่นแค่นเสียงเย็น ข้าจะนำทหารลงเขาอ้อมไปโผล่ที่ด้านหลังให้ฉูเป่ยเจี๋ยได้ตื่นเต้นดีใจสักทีเดี๋ยวนี้ล่ะ ! จบคำก็ประสานมือให้พิงถิง เชิญท่านจอมทัพออกคำสั่งเถิด !
จากคุณ :
Linmou
- [
13 ธ.ค. 51 11:01:22
]