Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องเล่าของพระพทธเจ้า ติตติรชาดก บาปเกิดจากความจงใจ

    อ่านแล้วแนะนำติชมด้วยนะครับ อ่านเรื่องแรกได้ที่

    สสบัณฑิต ผู้สละชีวิตเป็นทาน
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7343285/W7343285.html

                                                                   ติตติรชาดก
                                                            บาปเกิดจากความจงใจ

             ณ วทริการาม เมืองโกสัมพี ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันถึงคุณความดีของพระราหุลเถระ อยู่ภายโรงธรรมสภาว่า

             “ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระราหุลเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา มีความรังเกียจบาปธรรม อดทนต่อโอวาท”
             
             เมื่อภิกษุทั้งหลายกำลังสนทนาอยู่อย่างนั้น พระศาสดาได้เสด็จมาถึงยังธรรมสภานั้น ตรัสถามว่า

             “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหรือ?”

             เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลแล้ว จึงตรัสว่า

             “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ราหุลก็เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา มีความรังเกียจบาปธรรม อดทนต่อโอวาทแล้วเหมือนกัน”

             แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังนี้

             ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชย์สมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ครั้นพอเจริญวัย ก็ร่ำเรียนศิลปะศาสตร์ทั้งปวง ณ เมืองตักกศิลา แล้วออกบวชเป็นฤาษีอาศัยอยู่ในหิมวันตประเทศ ทำอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิด เล่นฌานอยู่ในไพรสณฑ์อันน่ารื่นรมย์ แล้วได้ไปยังบ้านปัจจันตคาม เพื่อต้องการเสพรสเค็มและรสเปรี้ยว

             คนทั้งหลายในบ้านปัจจันตคามนั้นเห็นพระโพธิสัตว์นั้นแล้วมีจิตเลื่อมใส จึงได้ร่วมแรงสร้างบรรณศาลาในป่า ณ ที่ไม่ไกลนัก แล้วนิมนต์ให้อาศัยอยู่ บำรุงด้วยปัจจัยทั้งหลาย

             ครั้งนั้น มีนายพรานนกคนหนึ่งในบ้านปัจจันตคามนั้น จับนกกระทาได้ตัวหนึ่ง แล้วใช้นกนั้นเป็นนกต่อ ทำการฝึกฝนนกนั้น แล้วใส่กรงเลี้ยงไว้ ครั้งถึงเวลาออกจับนกนายพรานนกนั้นก็ได้นำนกกระทาที่ฝึกแล้วไปด้วย แล้วจับนกที่พากันมาเพราะเสียงนกกระทานั้น หาเลี้ยงชีพอยู่

             กาลล่วงไป นกกระทานั้นคิดอยู่ว่า ญาติของเราเป็นอันมากพากันชิพหาย เพราะอาศัยเราผู้เดียว นั้นเป็นบาปของเรา จึงไม่ส่งเสียงร้อง นายพรานนกเห็นนกกระทานั้นไม่ร้อง จึงเอาแขนงไม้ไผ่ตีศีรษะนกกระทานั้น นกกระทาจึงร้องด้วยความอาดูร เร่าร้อนอยู่ด้วยความทุกข์  

             นกกระทานั้นคิดว่า เราไม่มีเจตนาจะให้นกเหล่านี้มาตาย แต่บาปกรรมที่อาศัยเราเป็นไป เมื่อเราไม่ร้อง นกเหล่านี้ก็ไม่มา ต่อเมื่อเราร้องจึงมา นายพรานนกนี้จับพวกนกที่มาแล้ว ฆ่าเสีย  นกกระทานั้นได้รำพึงอยู่ว่า บาปจะมีแก่เราหรือไม่หนอ นับแต่นั้น นกกระทาคิดอยู่เสมอว่า ใครหนอจะตัดความสงสัยนี้แก่เราได้จึงเที่ยวใคร่ครวญถึงบัณฑิตอยู่

             อยู่มาวันหนึ่ง พรานนกนั้นจับนกกระทาได้เป็นอันมาก บรรจุนกเต็มกระเช้า รู้สึกกระหายน้ำ จึงได้ไปยังอาศรมของพระโพธิสัตว์ วางกรงนกต่อนั้นไว้ในสำนักพระโพธิสัตว์ ดื่มน้ำแล้วนอนอยู่ที่พื้นทรายแล้วหลับไป

             นกกระทารู้ว่านายพรานนั้นหลับ คิดว่า เราจะถามความสงสัยของเรากะดาบสนี้ เมื่อท่านรู้ จักได้คลายความสงสัยนั้นแก่เรา จึงกล่าวกะดาบสนั้นว่า

             “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นายพรานนี้อาศัยเสียงของข้าพเจ้า ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจึงพากันมา พวกเขาย่อมชิพหายไปเพราะอันตรายใด ข้าพเจ้าก็ตั้งอยู่ในอันตรายนั้น ท่านผู้เจริญ คติของข้าพเจ้าเป็นอย่างไรหนอ ผลอันใดจักมีแก่ข้าพเจ้า”

             พระโพธิสัตว์ ฟังคำนกกระทา แล้วกล่าวตอบว่า

             “ดูก่อนปักษี ถ้าใจของท่านไม่น้อมไปเพื่อกรรมอันเป็นบาป บาปย่อมไม่แปดเปื้อนท่านผู้บริสุทธิ์ ผู้ไม่ขวนขวายกระทำบาปกรรม เป็นผู้บริสุทธิ์ทีเดียว”

             นกกระทากล่าวว่า

             “ก็นกกระทาเป็นอันมากพากันมาด้วยคิดว่า ญาติของเราถูกจับอยู่ นายพรานนกได้กระทำกรรม คือปาณาติบาต เพราะอาศัยข้าพเจ้า ใจของข้าพเจ้ารังเกียจอยู่ในเรื่องนั้น”

             พระโพธิสัตว์ จึงกล่าวว่า

             “ถ้าใจของท่านไม่คิดประทุษร้ายไซร้ กรรมที่นายพรานอาศัยท่านกระทำแล้ว ย่อมไม่ถูกต้องท่าน บาปกรรมย่อมไม่แปดเปื้อน คือย่อมไม่ติดจิตของท่านผู้มีความขวนขวายน้อย ไม่มีความห่วงใยในการทำบาป  เป็นผู้บริสุทธิ์เพราะท่านไม่มีความจงใจในปาณาติบาต”

             พระมหาสัตว์ ตัดความสงสัยนกกระทาได้แล้ว ด้วยประการอย่างนี้ ฝ่ายนกกระทานั้นก็ได้เป็นผู้หมดความรังเกียจสงสัย เพราะอาศัยพระมหาสัตว์นั้น ครั้นนายพรานตื่นนอนแล้วไหว้พระโพธิสัตว์ ถือเอากรงนกกระทาหลีกไป

             พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
             นกกระทาในครั้งนั้น ได้เป็น ราหุล ในบัดนี้
             ส่วนดาบสในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล

     
     

    จากคุณ : Kengmanny - [ 22 ธ.ค. 51 10:37:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com