Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องเล่าของพระพุทธเจ้า ลฏุกิกชาดก คติของคนมีเวร

    .
                                                                 ลฏกิกชาดก
                                                           ว่าด้วย คติของคนมีเวร

             ณ พระเวฬุวันวิหาร ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรมสภาอย่างนี้ว่า  

             “ดูก่อน อาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตเป็นคนกักขฬะหยาบช้าสาหัส พระเทวทัตนั้นไม่มีแม้แต่ความกรุณาในหมู่สัตว์”

             ลำดับนั้น พระศาสดาเสด็จมาถึงโรงธรรมสภานั้น ตรัสถามหมู่ภิกษุว่า

             “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันเรื่องอะไร”  ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบว่า กำลังสนทนาอยู่ด้วยเรื่องนี้ จึงตรัสว่า

             “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตนี้ก็เป็นผู้ไม่มีความกรุณาเหมือนกัน” แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังนี้

             ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชย์สมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดช้าง ครั้นเจริญวัยแล้วมีร่างกายใหญ่โตน่าเลื่อมใส เป็นจ่าโขลง มีช้างแปดหมื่นเป็นบริวาร อาศัยอยู่ในหิมวันตประเทศ

             ครั้นนั้น นางนกไส้ตัวหนึ่งออกไข่ไว้ในที่ซึ่งเป็นที่เที่ยวของพวกช้าง นางนกไส้ได้ดูแลไข่ของตนด้วยดี เมื่อถึงกาล เหล่าลูกนกออกมาจากฟองไข่ยังความยินดียิ่งแก่นางนกไส้นั้น ก็บรรดาลูกนกทั้งหลายนั้น ปีกยังไม่แข็งแรงไม่สามารถจะออกบินได้ นางนกไส้จึงถนอมเลี้ยงดูลูกของตนอย่างใกล้ชิด

             คราวหนึ่ง พระมหาสัตว์อันช้างแปดหมื่นแวดล้อมอยู่ เที่ยวหาอาหารไปถึงประเทศถิ่นนั้น นางนกไส้เห็นเข้า จึงคิดว่า พระยาช้างนี้จักเหยียบย่ำลูกทั้งหลายของเราตาย เอาเถอะ เราจักขอการอารักขาอันประกอบด้วยธรรมกะพระยาช้างนั้น เพื่อจะป้องกันลูกน้อยทั้งหลายของเรา

             คิดดังนั้นแล้ว นางนกจึงประคองปีกทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แล้วยืนอยู่ข้างหน้าพระยาช้างนั้น กล่าวว่า

             “ข้าพเจ้าขอไหว้พระยาช้างผู้มีกำลัง ผู้อยู่ในป่าเป็นเจ้าโขลง เพียบพร้อมด้วยบริวารยศนั้น ข้าพเจ้าขอทำอัญชลีท่านด้วยปีกทั้งสอง ขอท่านอย่าได้ฆ่าลูกน้อยๆ ของ ข้าพเจ้าผู้ยังมีกำลังทุรพลอยู่เลย”

             พระมหาสัตว์กล่าวว่า

             “ดูก่อนนางนกไส้ เจ้าอย่าได้คิดเสียใจเลย เราจักรักษาบุตรน้อยๆ ของเจ้า”

             กล่าวแล้วยืนคล่อมอยู่เบื้องบนลูกนกทั้งหลาย เมื่อช้างแปดหมื่นเชือกผ่านไปแล้วจึงเรียกนางนกไส้มาพูดว่า

              “ดูก่อนนางนกไส้ มีช้างเชือกหนึ่งซึ่งมีปกติเที่ยวไปผู้เดียวจะมาข้างหลังพวกเรา ช้างนั้นจักไม่กระทำตามคำของเราทั้งหลาย เมื่อช้างนั้นมาถึง เจ้าพึงอ้อนวอนช้างเชือกนั้น กระทำความปลอดภัยแก่ลูกน้อยทั้งหลาย ” พระยาช้างกล่าวดังนี้แล้วหลีกไป

             ครั้นช้างนั้นมาถึง ฝ่ายนางนกไส้นั้นก็กระทำการต้อนรับช้างนั้น เอาปีกทั้งสองกระทำอัญชลี แล้วกล่าวอ้อนวอนว่า

             “ข้าพเจ้าขอไหว้พระยาช้างผู้เที่ยวไปผู้เดียว ผู้อยู่ในป่า เที่ยวหาอาหารกินตามเชิงเขา ข้าพเจ้าขอทำอัญชลีท่านด้วยปีกทั้งสอง ขอท่านอย่าได้ฆ่าลูกน้อยๆ ของข้าพเจ้าซึ่งยังมีกำลังทุรพลอยู่”

             พระยาช้างนั้นได้ฟังคำของนกไส้นั้นแล้ว จึงกล่าวขึ้นว่า

             “แน่ะนางนกไส้ เราจะฆ่าลูกน้อยของเจ้าเสีย เจ้ามีกำลังน้อยจักทำอะไรเราได้ เราจะขยี้นกไส้อย่างเจ้าตั้งแสนตัวให้ละเอียดด้วยเท้าข้างซ้าย”

             ก็แล ครั้นช้างนั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็ทำลูกน้อยของนางนกไส้นั้นให้แหลกละเอียดด้วยเท้า แล้วทำให้ลอยไปด้วยน้ำมูตร(น้ำปัสสาวะ) ร้องบันลือเสียงแล้วหลีกไป

             นางนกไส้จับอยู่ที่กิ่งไม้จึงกล่าวว่า

             “แน่ะช้าง บัดนี้ เจ้าจงบันลือไปก่อน ต่อล่วงไป ๒-๓ วันเจ้าจักเห็นการกระทำของเรา เจ้าย่อมไม่รู้ว่ากำลังความรู้ยิ่งใหญ่กว่ากำลังกาย ข้อนั้นจงยกให้เรา เราจักให้เจ้ารู้กำลังความรู้นั้น เมื่อจะคุกคามช้างนั้น จึงกล่าวขึ้นว่า

             “กิจที่จะพึงทำด้วยกำลังกายย่อมสำเร็จไม่ได้ในที่ทั้งปวง เพราะกำลังกายของคนพาล ย่อมมีเพื่อฆ่าคนอื่น แน่ะพระยาช้าง ท่านผู้ใดฆ่าลูกน้อยๆ ของเราผู้มีกำลังทุรพล เราจักทำสิ่งที่ไม่ใช่ความเจริญให้แก่ท่านผู้นั้น”

             นางนกไส้นั้นครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงได้ไปอุปัฏฐาก(ผู้บำรุง,ผู้รับใช้)กาตัวหนึ่งอยู่ ๒-๓ วัน อันกานั้นยินดีแล้วจึงกล่าวว่า “เราจะกระทำอะไรให้แก่ท่าน”

             นางจึงกล่าวว่า

             “นาย กิจอย่างอื่นที่ท่านจะพึงทำแก่ข้าพเจ้าไม่มี แต่ข้าพเจ้าหวังให้ ท่านเอาจะงอยปากประหารนัยน์ตาทั้งสองข้างของช้างที่มีปกติเที่ยวไปผู้เดียวเชือกหนึ่งให้แตก.

             กานั้นรับคำว่า ได้ นางนกไส้จึงไปอุปัฏฐากแมลงวันหัวเขียวตัวหนึ่ง อันแมลงวันหัวเขียวนั้นก็กล่าวว่า “เราจะทำอะไรให้แก่ท่าน” นางนกไส้จึงกล่าวว่า

             “เมื่อนัยน์ตาทั้งสองข้างของช้างที่มีปกติเที่ยวไปผู้เดียว แตกไปเพราะเหตุนี้แล้ว ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านหยอดไข่ขังลงในนัยน์ตาทั้งสองข้างนั้น”

             เมื่อแมลงวันหัวเขียวนั้นกล่าวว่า ได้ จึงไปอุปัฏฐากกบตัวหนึ่ง อันกบนั้นกล่าวว่า “เราจะทำอะไรให้แก่ท่าน” นางนกจึงกล่าวว่า

             “ในกาลใด ช้างตัวหนึ่งที่มีปกติเที่ยวไปผู้เดียว เป็นช้างตาบอดแล้วเที่ยวแสวงหาน้ำดื่ม ในกาลนั้น ท่านพึงเกาะอยู่ที่ยอดเขาแล้วส่งเสียงร้อง เมื่อช้างนั้นขึ้นถึงยอดเขา ท่านพึงลงมาส่งเสียงร้องอยู่ที่เหว ข้าพเจ้าหวังการกระทำมีประมาณเท่านี้จากสำนักของท่าน”

             กบนั้นได้ฟังคำของนางนกไส้นั้นแล้ว จึงรับคำว่า ได้.

             อยู่มาวันหนึ่ง กาเอาจะงอยปากทำลายตาทั้งสองข้างของช้างแตกแล้ว แมลงวันจึงหยอดไข่ขังลงไปที่นัยน์ตา ช้างนั้นถูกตัวหนอนทั้งหลายชอนไชอยู่ ได้รับทุกขเวทนา อยากจะดื่มน้ำเป็นกำลัง จึงเที่ยวแสวงหาน้ำดื่มอยู่

             ในกาลนั้น กบจึงเกาะอยู่บนยอดเขาส่งเสียงร้องอยู่ ช้างคิดว่า น้ำดื่มจักมี ณ ที่นั้น จึงมุ่งหน้าตามเสียงนั้น ขึ้นไปยังภูเขา ลำดับนั้น กบจึงลงมาเกาะอยู่ที่เหวส่งเสียงร้อง ช้างคิดว่า น้ำดื่มจักมีจึงบ่ายหน้าไปทางเหว ได้ลื่นพลัดตกลงมาไปที่เชิงเขา ถึงสิ้นชีวิต

             นางนกไส้รู้ว่าช้างนั้นตายแล้ว จึงร่าเริงดีใจว่า เราเห็นหลังปัจจามิตรแล้ว จึงเดินย่ำไปมา บนร่างของช้างนั้น แล้วไปตามยถากรรม

             พระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าเวร ไม่ควรทำกับใครๆ สัตว์ทั้ง ๔ เหล่านี้ร่วมกันแล้ว ทำช้างผู้ถึงพร้อมด้วยกำลังให้ถึงสิ้นชีวิตได้" แล้วตรัสพระคาถาว่า

             “ท่านจงดู นางนกไส้ กบ และแมลงวันหัวเขียว สัตว์ทั้ง ๔ เหล่านี้ได้ร่วมใจกันฆ่าช้างเสียได้ ท่านทั้งหลายจงเห็นคติแห่งเวรของคนผู้มีเวรทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายอย่าพึงกระทำเวรกับใครๆ แม้ผู้ไม่เป็นที่รักใคร่เลย”

             พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
             ช้างตัวที่มีปกติเที่ยวไปผู้เดียวในกาลนั้น ได้เป็น พระเทวทัต
             ส่วนช้างจ่าโขลงในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล


    อ่านแล้วแนะนำติชมด้วยนะครับ อ่านเรื่องอื่นได้ที่

    สสบัณฑิต ผู้สละชีวิตเป็นทาน
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7343285/W7343285.html      
    ติตติรชาดก บาปเกิดจากความจงใจ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W7346730/W7346730.html

     
     

    จากคุณ : Kengmanny - [ 22 ธ.ค. 51 23:24:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com